เมื่อก่อนนี้ ตอนที่ยังเรียนอยู่ช่วง ม. 2-3 เราจะปีนกำแพงออกจากโรงเรียนทุกวันช่วงเย็นที่ไม่มีเรียน ไม่ได้หนีเรียนนะ แต่กลับบ้านไปเลี้ยงน้อง ตอนเด็กติดน้องมาก แม่พึ่งคลอดนี่แทบจะไม่ต้องลำบาก เราแทบอยากจะโดดเรียนไปเลี้ยงน้องทุกวัน ไม่รู้เค้าจะรู้ไหมว่าพี่เค้ารักเค้ามากแค่ไหน
มีอยู่วันหนึ่งกำลังปีนกำแพงอยู่หันมาอีกทีมีมอเตอร์ไซค์จอดรอ ตกใจแทบตาย นึกว่าจะโดนซะละ เป็นเพื่อนเรานี่เอง จะว่าเพื่อนก็ไม่เชิง รู้จักกันซะมากกว่า สมมุติว่าชื่อ เอ็ม พอเค้าเห็นเรา เค้าก็เลยจอดรถรอ บ้านอยู่ใกล้กัน (แค่คนละซอย แต่ไปบ้านเค้าใช้เส้นทางผ่านบ้านเราก็ได้) แล้วก็พูดว่า"ปีนหนีออกมาอีกละ" 555 เราก็ย้อนนะ "อย่างกับตัวเองไม่หนี โรงเรียนยังไม่เลิกเลยเอารถออกมาได้ไง" เค้าก็แค่ยิ้มๆ ไม่ตอบ เราก็เดินไปซ้อนท้ายรถเค้า เวลานั้นไม่รู้ทำไมว่าต้องขึ้นซ้อนท้ายเค้า แต่สัญชาตญานมันบอกไงว่าเค้ารอเรา แล้วเค้าก็ถามเราว่าเราจะไปไหน เราก็บอกว่า กลับบ้าน เค้าก็แซวว่า ลงทุนปีนกำแพงทุกวันนี่คือกลับบ้านเหรอ เราก็ตอบไปว่า ใช่ กลับไปเลี้ยงน้อง เค้าก็ไม่ได้พูดอะไร
เช้าวันต่อมาเราก็ไปรอขึ้นรถที่สี่แยกปากทางเข้าบ้าน ปกติมีรถรับส่งแต่เราไม่ชอบคนเยอะเบียด แออัด เราก็จะแกล้วเป็นเข้าห้องน้ำบ้าง แต่งตัวช้าบ้างเพื่อออกไปช้าๆ แล้วก็จะเดินไปรอรถโดยสาร วันนั้นก็ทำปกติ ยืนๆรอรถ เอ็มก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาแล้วก็จอดรถรับเรา เราก็ขึ้นไป ไปโรงเรียน ตอนเย็นปีนกำแพงออกมา ก็มาเจอเอ็มอีก ไม่รู้บังเอิญหรือยังไง
เช้าวันต่อมาเรากำลังเดินออกไปรอรถ เอ็มก็ขับรถมาก่อนที่จะถึงแยกใหญ่ ก็รับเราไปด้วย แต่ไม่เอารถเข้าไปจอดในโรงเรียน เห็นบอกว่าเอาออกยาก ตอนนั้นเราก็ไม่ได้เอะใจอะไร ตอนเย็นปีนออกมาก็เจอเค้าอีก บางวันเราก็ปีนออก บางวันก็ขอออก บางวันอาจารย์ก็ปล่อยก่อนเวลา บางทีไม่ได้ออกก่อนเวลาแต่รอเวลาเลิกก็ยังเจอเอ็ม โดยบังเอิญทุกที รับส่งแบบไม่เคยคุยกัน เอ็มจะไปรับที่แยกเล็กทุกครั้งและส่งเราที่ปากทางเข้าบ้า่นหรือไม่ก็แยกเล็กทุกครั้งเหมือนกัน ไม่เคยคุย ถามอะไรกันมากมาย
เป็นอย่างนั้นอยู่จนน้องโตจนเข้าเรียนอนุบาล ก็มีบางวันเจอตอนเช้าบ้าง ก็จะมาด้วย ไม่เจอบ้างเพราะบางทีเราก็ไปกับรถรับส่ง ตอนนั้นสนิทกับน้องอีกคนหนึ่ง เค้าจะจองที่ไว้ให้นั่งทุกเช้าพอเราขึ้นไปน้องมันก็จะลุกให้เรานั่ง แล้วช่วงนั้นก็โตเป็นสาวมีหนุ่มมาจีบบ้างมารับบ้างมาส่งบ้างตามประสาเด็กๆ ก็เลยไม่ได้ไปกับเอ็มสักเท่าไหร่ ช่วงเย็นๆ ก็เจอบ้าง ไม่เจอบ้างเพราะเราไม่ค่อยกลับบ้านตรงเวลา ช้าบ้าง เร็วบ้าง ถ้าออกปกติเหมือนเคยๆ ก็เจอเอ็มบ้าง
มีครั้งหนึ่ง เราเหมือนๆจะอกหัก คิดว่าอกหักแหละ 555 ก็เดินหงอยๆออกมา ก็เจอเอ็ม เอ็มก็ชะลอรถจอดรับ เราก็ขึ้นรถ ไปขับ จริงๆต้องขี่ป่าวอ่ะ มอเตอร์ไซค์ใช้คำไหนไม่รู้ พอไปได้สักพัก เราก็เอนหัวไปพิงหลังเอ็ม แล้วบอกเค้าว่าอย่าพึ่งกลับบ้านได้ไหม เค้าถามว่า จะไปไหน เราก็บอกว่า ไม่รู้สิ ไปเรื่อยๆได้ไหม เค้าก็ขับไปไม่พูดอะไร ไปไกลมาก แล้วเค้าก็พูดว่า ไกลแล้ว พอไหม กลับแล้วนะหรือจะไปต่อ เราก็เลยบอกว่า พอแล้ว กลับก็ได้ หลังจากนั้นก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมคือรับ ส่ง แบบบังเอิญ พอเราหายเศร้า เราก็กลับมาปกติคือ กลับช้าบ้าง เร็วบ้าง เป็นแบบนั้นจนเรียนจบ
มีครั้งหนึ่งเรากลับไปเยี่ยมที่บ้าน เจอเค้าที่งานกีฬา เราก็มองผ่านๆเค้า ยกมือไหว้พ่อแม่เค้าแล้วก็ไม่ได้สนใจเดินออกมา เราไม่ชอบพ่อแม่เค้าที่ชอบโกงคนอื่น เค้าก็พอจะรู้ว่าเราไม่ชอบ ส่วนเราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กและแม่เค้าก็ชอบเรียกเราว่าลูกสะใภ้แต่ไหนแต่ไร แต่เรื่องระหว่างผู้ใหญ่มีอะไรที่เด็กอย่างเรารู้สึกเกลียดชังเยอะมาก ตอนนั้นก็เลยไม่อยากสุงสิง แต่ก็ไม่อยากให้เค้าลำบากใจเลยไม่แสดงออกและก็ไม่ทำตัวสนิทกับเค้า เรารู้ว่าทุกคนที่นั่นรู้ว่าเราไปกลับด้วยกันบ่อย แต่ทุกคนไม่รู้ว่าความสัมพันธ์นี้มันคืออะไร เพราะนอกจากเหมือนบังเอิญมารับและบังเอิญมาส่งแล้วก็ไม่อะไรให้คนอื่นเอาไปพูดต่อได้ คือเราไม่พูดกันเลย
พอเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ก็แยกย้ายกันไม่ได้เจอกันอีก มานึกถึงก็ตอนเพื่อนรักกันก็ไปรับส่งกัน แต่เพื่อนมันปากแข็งไม่ยอมรับว่ารัก พวกที่แซวเค้าก็หันมาขอความเห็นเราว่า จะเป็นไปได้ยังไงที่คนไม่รักกันจะไปรับไปส่งกันทุกวัน ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องว่าเค้าคุยอะไรกันอยู่ก็เลยบอกว่า เป็นไปได้สิ แล้วก็เล่าให้เพื่อนฟัง ตอนนั้นแหละ ...เราเอาแต่คิดเรื่องของเค้า เพราะเพื่อนๆบอกว่า เราโง่ ไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไง
ทำไมตอนนั้นเราไม่เอะใจว่าเค้าคงเห็นเราปีนออกทุกวัน หรือ มันจะบังเอิญอะไรขนาดนั้นเจอทุกวันที่เดิม เวลาเดิม แล้วไม่คิดว่าเค้าอยากจะไปรับคนอื่นบ้างหรือไง หรือถ้าเค้ามีใครแล้ว แล้วใครที่ว่าจะไม่หึงเหรอ แล้วทำไมเค้าต้องจอดรถนอกโรงเรียนที่บอกว่าเอาออกยากคือเค้าต้องหนีออกก่อนเวลาเพราะเราใช่ไหม ทำไมเราลืมคิดตรงนี้ไป
เรากลับมานั่้งคิดนอนคิด แต่ตอนนั้นเราก็มีแฟนนะ แต่พอคิดเรื่องนี้ขึ้นมาใจเรามันก็สับสน อยากคุย อยากถาม อยากจะรู้ว่ามันเป็นอย่างที่คนอื่นพูดหรือเปล่า หรือไม่ได้คิดอะไรเลย หรือว่ารู้สึกผิดเลยทำตัวดีกับเรา
(เรื่องที่รู้สึกผิดคือ เมื่อก่อนเรามีน้องชายอายุไล่เลี่ยนกัน 1 คน ตอนนั้นเค้ากับพวกเอ็มไปเล่นน้ำในคลองที่เค้ากำลังขุดใหม่ๆ เล่นสร้างถ้ำกัน แล้วดินถล่มลงมาทับเพื่อนที่ชื่อเก่ง แล้วเอ็มก็ชวน น้องชายเราขุดเข้าไปช่วย ดินก็ยิ่งถล่มลงมา เก่งขุดดินออกมาอีกทางหนึ่งได้ แต่เอ็มกับน้องชายเราติดอยู่ในนั้น ทุกคนก็ไปเรียกผู้ใหญ่มาช่วย ช่วยเอ็มออกไปได้ แต่ไม่มีใครเห็นน้องชายเรา ทุกคนที่เล่นน้ำกันบอกว่าน้องชายเราไม่กล้าขุดเข้าไป วิ่งหายไปไหนไม่รู้ สงสัยกลัวพ่อดี หากันอยู่นานเพราะไม่เห็นกลับบ้าน มาเจออีกทีตอนน้ำใสแล้ว น้องเราตายอยู่ในคลองนั้นใกล้ๆ ปากถ้ำ ดินคงละลายออกมา เอ็มนอนโรงพยาบาลอยู่เกือบเดือน พอฟื้นขึ้นมาก็ถามหาน้องชายเราก่อนเลย เค้าเศร้ามากแล้วก็ไม่ออกมาเจอใครอยู่พักหนึ่ง)
เรายังฝังใจอยู่เรื่องนี้มาตลอดว่าที่เค้าทำแบบนั้นเพราะอะไร ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราไม่เจอกันอีกเลยเพราะเราย้ายบ้าน เราเองก็มีแฟนนะ แต่พอนึกถึงเค้าขึ้นมาทีไร ความรู้สึกที่มีต่อผู้ชา่ยที่เรากำลังคบอยู่มันลดน้อยถอยลงไปทุกที ความไม่ดีของคนที่เราคบอยู่มันจะเด้งขึ้นมาในหัว และรูปลักษณ์ของเค้าก็จะปรากฎชัดเจนขึ้นมา เราพยายามนึกชื่อจริงเค้าจะได้ search หา หรือโทรไปถามที่โรงเรียนและที่บ้านเก่า แต่ก็นึกไม่ออก แต่นามสกุลจำได้แม่นเลย แต่พอลอง search จากนามสกุลแล้วก็ไม่ใช่เค้า จนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราก็ได้ชื่อและเบอร์เค้ามา เดือนหนึ่งเราจะโทรหาเค้าครั้งหนึ่ง แต่เราจะไม่พูด (ใช้ซิมอีกซิมหนึ่ง พอโทรเสร็จก็ถอดซิมออก) ครั้งแรกเราคิดว่าไม่ใช่เค้าเพราะเสียงไม่คุ้น พอโทรครั้งที่ 3-4 ถึงคิดว่าน่าจะใช่ แต่ก็ยังไม่้ได้พูดอยู่ดี พอเค้าฮัลโหลๆ สวัสดีครับ เราก็วางสายทำอย่างนั้นเดือนละครั้ง บางเดือนก็ สองครั้ง 555 ออกแนวโรคจิต ก็มันไม่รู้จะบอกว่ายังไง จะมาสงสัยเอาป่านนี้ก็คงจะฟังไม่ขึ้น อีกอย่างถ้าเค้ามีลูกมีเมียแล้วจะบอกยังไง แค่อยากจะรู้ หายข้องใจก็จะได้โล่ง พอคิดว่าช่างเถอะ มันนานมาแล้ว แต่เวลาที่ไปคบใครก็จะมีเค้าแทรกขึ้นมาทุกที ตอนนี้เลยไม่คบใครเลย มันไม่รู้สึกรักใครมานานละ อยากจะรับรู้ให้หายข้องใจก็ไม่กล้า อยากจะถามเค้า ก็อาย กลัวหน้าแตกด้วยถ้าเค้าบอกว่าไม่คิดอะไร 555
ถ้าพูดไปก็จะเหมือนไปบอกเค้าว่ารักหรือว่ารักเค้าไปแล้ววะ แล้วเจอคำตอบแบบที่ตัวเองไม่ได้คาดหวังจะอายไง คือคาดหวังไว้ว่าเค้าจะตอบว่าใช่ ต่อให้เค้าบอกว่าเมื่อก่อนใช่ แต่เห็นหายไปนานแล้วตอนนี้มีคนอื่นแล้วก็ยังดี แต่ก็คงจะเอ๋อๆไปอยู่บ้าง แล้วยิ่งถ้าตอบว่า ไม่ โอ๊ยยยย หน้าแตกยิ่งกว่าเดิมอีก
คนอะไรหาประวัติยังไงก็ไม่เจอ กลุ้มใจมากๆ หรือเพราะเราจมอยู่กับความคิดเรื่องนี้ตลอกเวลา ใจมันเลยเหมือนรักเค้าไปแล้ว ทั้งๆที่ตอนที่มีเค้าอยู่ใกล้ๆ ก็ดันไม่พูดไม่ใส่ใจอะไรเลย อยากหาคนช่วยโทรไปหาเค้ามากเลยว่าเค้ามีครอบครัวหรือยัง มีแฟนไหม ถ้าไม่มีจะพูด ถ้ามีก็จะไม่พูดแล้วจะพยายามลืมมันไป ไม่อยากทำร้ายคนอื่น แต่ก็ทรมานตัวเองนะ เราควรทำยังไงดี
คิดถึง ข้องใจและอยากถามเพื่อนคนหนึ่ง แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี ...???
มีอยู่วันหนึ่งกำลังปีนกำแพงอยู่หันมาอีกทีมีมอเตอร์ไซค์จอดรอ ตกใจแทบตาย นึกว่าจะโดนซะละ เป็นเพื่อนเรานี่เอง จะว่าเพื่อนก็ไม่เชิง รู้จักกันซะมากกว่า สมมุติว่าชื่อ เอ็ม พอเค้าเห็นเรา เค้าก็เลยจอดรถรอ บ้านอยู่ใกล้กัน (แค่คนละซอย แต่ไปบ้านเค้าใช้เส้นทางผ่านบ้านเราก็ได้) แล้วก็พูดว่า"ปีนหนีออกมาอีกละ" 555 เราก็ย้อนนะ "อย่างกับตัวเองไม่หนี โรงเรียนยังไม่เลิกเลยเอารถออกมาได้ไง" เค้าก็แค่ยิ้มๆ ไม่ตอบ เราก็เดินไปซ้อนท้ายรถเค้า เวลานั้นไม่รู้ทำไมว่าต้องขึ้นซ้อนท้ายเค้า แต่สัญชาตญานมันบอกไงว่าเค้ารอเรา แล้วเค้าก็ถามเราว่าเราจะไปไหน เราก็บอกว่า กลับบ้าน เค้าก็แซวว่า ลงทุนปีนกำแพงทุกวันนี่คือกลับบ้านเหรอ เราก็ตอบไปว่า ใช่ กลับไปเลี้ยงน้อง เค้าก็ไม่ได้พูดอะไร
เช้าวันต่อมาเราก็ไปรอขึ้นรถที่สี่แยกปากทางเข้าบ้าน ปกติมีรถรับส่งแต่เราไม่ชอบคนเยอะเบียด แออัด เราก็จะแกล้วเป็นเข้าห้องน้ำบ้าง แต่งตัวช้าบ้างเพื่อออกไปช้าๆ แล้วก็จะเดินไปรอรถโดยสาร วันนั้นก็ทำปกติ ยืนๆรอรถ เอ็มก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาแล้วก็จอดรถรับเรา เราก็ขึ้นไป ไปโรงเรียน ตอนเย็นปีนกำแพงออกมา ก็มาเจอเอ็มอีก ไม่รู้บังเอิญหรือยังไง
เช้าวันต่อมาเรากำลังเดินออกไปรอรถ เอ็มก็ขับรถมาก่อนที่จะถึงแยกใหญ่ ก็รับเราไปด้วย แต่ไม่เอารถเข้าไปจอดในโรงเรียน เห็นบอกว่าเอาออกยาก ตอนนั้นเราก็ไม่ได้เอะใจอะไร ตอนเย็นปีนออกมาก็เจอเค้าอีก บางวันเราก็ปีนออก บางวันก็ขอออก บางวันอาจารย์ก็ปล่อยก่อนเวลา บางทีไม่ได้ออกก่อนเวลาแต่รอเวลาเลิกก็ยังเจอเอ็ม โดยบังเอิญทุกที รับส่งแบบไม่เคยคุยกัน เอ็มจะไปรับที่แยกเล็กทุกครั้งและส่งเราที่ปากทางเข้าบ้า่นหรือไม่ก็แยกเล็กทุกครั้งเหมือนกัน ไม่เคยคุย ถามอะไรกันมากมาย
เป็นอย่างนั้นอยู่จนน้องโตจนเข้าเรียนอนุบาล ก็มีบางวันเจอตอนเช้าบ้าง ก็จะมาด้วย ไม่เจอบ้างเพราะบางทีเราก็ไปกับรถรับส่ง ตอนนั้นสนิทกับน้องอีกคนหนึ่ง เค้าจะจองที่ไว้ให้นั่งทุกเช้าพอเราขึ้นไปน้องมันก็จะลุกให้เรานั่ง แล้วช่วงนั้นก็โตเป็นสาวมีหนุ่มมาจีบบ้างมารับบ้างมาส่งบ้างตามประสาเด็กๆ ก็เลยไม่ได้ไปกับเอ็มสักเท่าไหร่ ช่วงเย็นๆ ก็เจอบ้าง ไม่เจอบ้างเพราะเราไม่ค่อยกลับบ้านตรงเวลา ช้าบ้าง เร็วบ้าง ถ้าออกปกติเหมือนเคยๆ ก็เจอเอ็มบ้าง
มีครั้งหนึ่ง เราเหมือนๆจะอกหัก คิดว่าอกหักแหละ 555 ก็เดินหงอยๆออกมา ก็เจอเอ็ม เอ็มก็ชะลอรถจอดรับ เราก็ขึ้นรถ ไปขับ จริงๆต้องขี่ป่าวอ่ะ มอเตอร์ไซค์ใช้คำไหนไม่รู้ พอไปได้สักพัก เราก็เอนหัวไปพิงหลังเอ็ม แล้วบอกเค้าว่าอย่าพึ่งกลับบ้านได้ไหม เค้าถามว่า จะไปไหน เราก็บอกว่า ไม่รู้สิ ไปเรื่อยๆได้ไหม เค้าก็ขับไปไม่พูดอะไร ไปไกลมาก แล้วเค้าก็พูดว่า ไกลแล้ว พอไหม กลับแล้วนะหรือจะไปต่อ เราก็เลยบอกว่า พอแล้ว กลับก็ได้ หลังจากนั้นก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมคือรับ ส่ง แบบบังเอิญ พอเราหายเศร้า เราก็กลับมาปกติคือ กลับช้าบ้าง เร็วบ้าง เป็นแบบนั้นจนเรียนจบ
มีครั้งหนึ่งเรากลับไปเยี่ยมที่บ้าน เจอเค้าที่งานกีฬา เราก็มองผ่านๆเค้า ยกมือไหว้พ่อแม่เค้าแล้วก็ไม่ได้สนใจเดินออกมา เราไม่ชอบพ่อแม่เค้าที่ชอบโกงคนอื่น เค้าก็พอจะรู้ว่าเราไม่ชอบ ส่วนเราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กและแม่เค้าก็ชอบเรียกเราว่าลูกสะใภ้แต่ไหนแต่ไร แต่เรื่องระหว่างผู้ใหญ่มีอะไรที่เด็กอย่างเรารู้สึกเกลียดชังเยอะมาก ตอนนั้นก็เลยไม่อยากสุงสิง แต่ก็ไม่อยากให้เค้าลำบากใจเลยไม่แสดงออกและก็ไม่ทำตัวสนิทกับเค้า เรารู้ว่าทุกคนที่นั่นรู้ว่าเราไปกลับด้วยกันบ่อย แต่ทุกคนไม่รู้ว่าความสัมพันธ์นี้มันคืออะไร เพราะนอกจากเหมือนบังเอิญมารับและบังเอิญมาส่งแล้วก็ไม่อะไรให้คนอื่นเอาไปพูดต่อได้ คือเราไม่พูดกันเลย
พอเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ก็แยกย้ายกันไม่ได้เจอกันอีก มานึกถึงก็ตอนเพื่อนรักกันก็ไปรับส่งกัน แต่เพื่อนมันปากแข็งไม่ยอมรับว่ารัก พวกที่แซวเค้าก็หันมาขอความเห็นเราว่า จะเป็นไปได้ยังไงที่คนไม่รักกันจะไปรับไปส่งกันทุกวัน ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องว่าเค้าคุยอะไรกันอยู่ก็เลยบอกว่า เป็นไปได้สิ แล้วก็เล่าให้เพื่อนฟัง ตอนนั้นแหละ ...เราเอาแต่คิดเรื่องของเค้า เพราะเพื่อนๆบอกว่า เราโง่ ไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไง
ทำไมตอนนั้นเราไม่เอะใจว่าเค้าคงเห็นเราปีนออกทุกวัน หรือ มันจะบังเอิญอะไรขนาดนั้นเจอทุกวันที่เดิม เวลาเดิม แล้วไม่คิดว่าเค้าอยากจะไปรับคนอื่นบ้างหรือไง หรือถ้าเค้ามีใครแล้ว แล้วใครที่ว่าจะไม่หึงเหรอ แล้วทำไมเค้าต้องจอดรถนอกโรงเรียนที่บอกว่าเอาออกยากคือเค้าต้องหนีออกก่อนเวลาเพราะเราใช่ไหม ทำไมเราลืมคิดตรงนี้ไป
เรากลับมานั่้งคิดนอนคิด แต่ตอนนั้นเราก็มีแฟนนะ แต่พอคิดเรื่องนี้ขึ้นมาใจเรามันก็สับสน อยากคุย อยากถาม อยากจะรู้ว่ามันเป็นอย่างที่คนอื่นพูดหรือเปล่า หรือไม่ได้คิดอะไรเลย หรือว่ารู้สึกผิดเลยทำตัวดีกับเรา
(เรื่องที่รู้สึกผิดคือ เมื่อก่อนเรามีน้องชายอายุไล่เลี่ยนกัน 1 คน ตอนนั้นเค้ากับพวกเอ็มไปเล่นน้ำในคลองที่เค้ากำลังขุดใหม่ๆ เล่นสร้างถ้ำกัน แล้วดินถล่มลงมาทับเพื่อนที่ชื่อเก่ง แล้วเอ็มก็ชวน น้องชายเราขุดเข้าไปช่วย ดินก็ยิ่งถล่มลงมา เก่งขุดดินออกมาอีกทางหนึ่งได้ แต่เอ็มกับน้องชายเราติดอยู่ในนั้น ทุกคนก็ไปเรียกผู้ใหญ่มาช่วย ช่วยเอ็มออกไปได้ แต่ไม่มีใครเห็นน้องชายเรา ทุกคนที่เล่นน้ำกันบอกว่าน้องชายเราไม่กล้าขุดเข้าไป วิ่งหายไปไหนไม่รู้ สงสัยกลัวพ่อดี หากันอยู่นานเพราะไม่เห็นกลับบ้าน มาเจออีกทีตอนน้ำใสแล้ว น้องเราตายอยู่ในคลองนั้นใกล้ๆ ปากถ้ำ ดินคงละลายออกมา เอ็มนอนโรงพยาบาลอยู่เกือบเดือน พอฟื้นขึ้นมาก็ถามหาน้องชายเราก่อนเลย เค้าเศร้ามากแล้วก็ไม่ออกมาเจอใครอยู่พักหนึ่ง)
เรายังฝังใจอยู่เรื่องนี้มาตลอดว่าที่เค้าทำแบบนั้นเพราะอะไร ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราไม่เจอกันอีกเลยเพราะเราย้ายบ้าน เราเองก็มีแฟนนะ แต่พอนึกถึงเค้าขึ้นมาทีไร ความรู้สึกที่มีต่อผู้ชา่ยที่เรากำลังคบอยู่มันลดน้อยถอยลงไปทุกที ความไม่ดีของคนที่เราคบอยู่มันจะเด้งขึ้นมาในหัว และรูปลักษณ์ของเค้าก็จะปรากฎชัดเจนขึ้นมา เราพยายามนึกชื่อจริงเค้าจะได้ search หา หรือโทรไปถามที่โรงเรียนและที่บ้านเก่า แต่ก็นึกไม่ออก แต่นามสกุลจำได้แม่นเลย แต่พอลอง search จากนามสกุลแล้วก็ไม่ใช่เค้า จนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราก็ได้ชื่อและเบอร์เค้ามา เดือนหนึ่งเราจะโทรหาเค้าครั้งหนึ่ง แต่เราจะไม่พูด (ใช้ซิมอีกซิมหนึ่ง พอโทรเสร็จก็ถอดซิมออก) ครั้งแรกเราคิดว่าไม่ใช่เค้าเพราะเสียงไม่คุ้น พอโทรครั้งที่ 3-4 ถึงคิดว่าน่าจะใช่ แต่ก็ยังไม่้ได้พูดอยู่ดี พอเค้าฮัลโหลๆ สวัสดีครับ เราก็วางสายทำอย่างนั้นเดือนละครั้ง บางเดือนก็ สองครั้ง 555 ออกแนวโรคจิต ก็มันไม่รู้จะบอกว่ายังไง จะมาสงสัยเอาป่านนี้ก็คงจะฟังไม่ขึ้น อีกอย่างถ้าเค้ามีลูกมีเมียแล้วจะบอกยังไง แค่อยากจะรู้ หายข้องใจก็จะได้โล่ง พอคิดว่าช่างเถอะ มันนานมาแล้ว แต่เวลาที่ไปคบใครก็จะมีเค้าแทรกขึ้นมาทุกที ตอนนี้เลยไม่คบใครเลย มันไม่รู้สึกรักใครมานานละ อยากจะรับรู้ให้หายข้องใจก็ไม่กล้า อยากจะถามเค้า ก็อาย กลัวหน้าแตกด้วยถ้าเค้าบอกว่าไม่คิดอะไร 555
ถ้าพูดไปก็จะเหมือนไปบอกเค้าว่ารักหรือว่ารักเค้าไปแล้ววะ แล้วเจอคำตอบแบบที่ตัวเองไม่ได้คาดหวังจะอายไง คือคาดหวังไว้ว่าเค้าจะตอบว่าใช่ ต่อให้เค้าบอกว่าเมื่อก่อนใช่ แต่เห็นหายไปนานแล้วตอนนี้มีคนอื่นแล้วก็ยังดี แต่ก็คงจะเอ๋อๆไปอยู่บ้าง แล้วยิ่งถ้าตอบว่า ไม่ โอ๊ยยยย หน้าแตกยิ่งกว่าเดิมอีก
คนอะไรหาประวัติยังไงก็ไม่เจอ กลุ้มใจมากๆ หรือเพราะเราจมอยู่กับความคิดเรื่องนี้ตลอกเวลา ใจมันเลยเหมือนรักเค้าไปแล้ว ทั้งๆที่ตอนที่มีเค้าอยู่ใกล้ๆ ก็ดันไม่พูดไม่ใส่ใจอะไรเลย อยากหาคนช่วยโทรไปหาเค้ามากเลยว่าเค้ามีครอบครัวหรือยัง มีแฟนไหม ถ้าไม่มีจะพูด ถ้ามีก็จะไม่พูดแล้วจะพยายามลืมมันไป ไม่อยากทำร้ายคนอื่น แต่ก็ทรมานตัวเองนะ เราควรทำยังไงดี