ความเท่าเทียมมันมีอยู่จริงๆหรือ?!
วันนี้หลังจากตรวจคลินิกความดันโลหิตสูง ก็ได้เจอคุณลุงคนนึงอายุได้สัก 70 กว่า
สังเกตเห็น รอยแผลสะเก็ดดำๆเป็นวงขรุขระ ขนาดประมาณ 5 เซนติเมตร
ดูภายนอก ก็พอจะเดาได้ว่า น่าจะเป็นมะเร็งผิวหนัง
เมื่อเอ่ยซักถามลุง ลุงก็บอกเหมือนอย่างที่คิด ลุงเป็นมะเร็งผิวหนัง เป็นมานานหลายปีแล้ว เคยไปรักษาในตัวเมืองสระแก้ว หมอเค้าส่งไปรักษาต่อที่ จังหวัดจันทบุรี เนื่องจากในจังหวัดสระแก้ว ไม่มีหมอเฉพาะทางด้านมะเร็ง
“แล้วหมอเค้านัดอีกไหมลุง”
“นัด แต่ไม่ได้ไป”
“อ้าว!? ทำไมละลุง” วูบแรกที่ได้ยินรู้สึกขัดใจเบาๆ
“ไม่มีคนพาไป….ไม่รู้จะไปอย่างไร”
ได้ใจความจากลุงว่า ลุงเคยไปรักษาต่อแล้ว หมอผ่าตัดขิ้นเนื้อออก จากนั้นมีการนัดติดตามการรักษา แต่เนื่องจากลุงไม่มีคนพาไป ลูกหลานไม่ได้สนใจ จึงปล่อยทิ้งไว้ และกลับเป็นซ้ำ
แผลสะเก็ดสีดำขนาด 5 เซนติเมตร ไม่ใช่ขนาดเล็กๆ ที่ใครจะมองไม่เห็น ขนาดสิวเม็ดแค่ไม่กี่มิลยังมีหลายคนให้ความสำคัญวิ่งโร่คลินิกรักษาความงามเดือนละหลายครั้ง
ทุกครั้งที่มองกระจก ทุกครั้งที่อาบน้ำ ลุงคงเห็นมันลอยเด่นย้ำเตือนถึงสิ่งที่ลุงเป็น
ลุงอายุ 70 กว่า แค่มาโรงพยาบาลชุมชนเพื่อรับยาต่อ ยังดูลำบาก
ไม่ต้องคิดไกลถึงหารถออกจากบ้านไปรพ ในตัวจังหวัดจันทบุรี ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางอีกกว่า 2-3 ชั่วโมงเลย
ถึงแม้ว่าลุงจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา
แต่ปัญหาของลุงมันเริ่มตั้งแต่ ลูกหลาน ที่ไม่ได้สนใจจะดูแล พาไปรักษาต่อ
โรงพยาบาลศูนย์ ที่ไม่ได้มีอยู่ในทุกจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดเล็กๆ
แพทย์เฉพาะทาง ที่กระจุกตัวอยู่แต่ในกรุงเทพ
ถ้าลุงเกิดมาห่างจากที่อยู่ปัจจุบันอีกสัก 200 กิโลเมตร ไปอยู่ใกล้ๆโรงพยาบาลศูนย์ในจังหวัดจันทบุรี ลุงคงเดินไปหาหมอรักษาได้ต่อเนื่อง
หรือ แม้ถ้าประเทศไทย จะมีโรงพยาบาลศูนย์อยู่ทุกจังหวัด มีแพทย์เฉพาะทางครบทุกแผนก รักษาได้อย่างเท่าเทียมกัน
ทุกวันนี้ แทบไม่มีใครอยากกลับมาอยู่ต่างจังหวัด ห่างไกลบ้านเกิด ได้รายได้น้อยกว่าทำงานเอกชนหลายเท่า
ที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็นับว่าน้อย
แต่กำลังจะน้อยลงไปอีกหลังจากที่พยายามผลักดันเรื่องการใช้ P4P แทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย
หมออาจจะแค่ลาออกกันเยอะ
พวกคุณ อาจจะมีบ้านอยู่ในกรุงเทพ ที่การรักษาเข้าถึงได้อย่างง่ายดายที่สุด
อาจจะมีบ้านอยู่ติดกับโรงพยาบาลศูนย์
อาจจะรวยอยู่แล้ว เจ็บป่วยอะไรก็เข้าเอกชน
และคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อตัวคุณ
แต่สำหรับลุงและอีกหลายๆคน เค้าทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากอยู่กับโรคร้ายโดยที่ไม่มีโอกาสได้รักษาอะไรเพิ่มเติม
P4P แด่ความไม่เท่าเทียมกันในสังคม
วันนี้หลังจากตรวจคลินิกความดันโลหิตสูง ก็ได้เจอคุณลุงคนนึงอายุได้สัก 70 กว่า
สังเกตเห็น รอยแผลสะเก็ดดำๆเป็นวงขรุขระ ขนาดประมาณ 5 เซนติเมตร
ดูภายนอก ก็พอจะเดาได้ว่า น่าจะเป็นมะเร็งผิวหนัง
เมื่อเอ่ยซักถามลุง ลุงก็บอกเหมือนอย่างที่คิด ลุงเป็นมะเร็งผิวหนัง เป็นมานานหลายปีแล้ว เคยไปรักษาในตัวเมืองสระแก้ว หมอเค้าส่งไปรักษาต่อที่ จังหวัดจันทบุรี เนื่องจากในจังหวัดสระแก้ว ไม่มีหมอเฉพาะทางด้านมะเร็ง
“แล้วหมอเค้านัดอีกไหมลุง”
“นัด แต่ไม่ได้ไป”
“อ้าว!? ทำไมละลุง” วูบแรกที่ได้ยินรู้สึกขัดใจเบาๆ
“ไม่มีคนพาไป….ไม่รู้จะไปอย่างไร”
ได้ใจความจากลุงว่า ลุงเคยไปรักษาต่อแล้ว หมอผ่าตัดขิ้นเนื้อออก จากนั้นมีการนัดติดตามการรักษา แต่เนื่องจากลุงไม่มีคนพาไป ลูกหลานไม่ได้สนใจ จึงปล่อยทิ้งไว้ และกลับเป็นซ้ำ
แผลสะเก็ดสีดำขนาด 5 เซนติเมตร ไม่ใช่ขนาดเล็กๆ ที่ใครจะมองไม่เห็น ขนาดสิวเม็ดแค่ไม่กี่มิลยังมีหลายคนให้ความสำคัญวิ่งโร่คลินิกรักษาความงามเดือนละหลายครั้ง
ทุกครั้งที่มองกระจก ทุกครั้งที่อาบน้ำ ลุงคงเห็นมันลอยเด่นย้ำเตือนถึงสิ่งที่ลุงเป็น
ลุงอายุ 70 กว่า แค่มาโรงพยาบาลชุมชนเพื่อรับยาต่อ ยังดูลำบาก
ไม่ต้องคิดไกลถึงหารถออกจากบ้านไปรพ ในตัวจังหวัดจันทบุรี ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางอีกกว่า 2-3 ชั่วโมงเลย
ถึงแม้ว่าลุงจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา
แต่ปัญหาของลุงมันเริ่มตั้งแต่ ลูกหลาน ที่ไม่ได้สนใจจะดูแล พาไปรักษาต่อ
โรงพยาบาลศูนย์ ที่ไม่ได้มีอยู่ในทุกจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดเล็กๆ
แพทย์เฉพาะทาง ที่กระจุกตัวอยู่แต่ในกรุงเทพ
ถ้าลุงเกิดมาห่างจากที่อยู่ปัจจุบันอีกสัก 200 กิโลเมตร ไปอยู่ใกล้ๆโรงพยาบาลศูนย์ในจังหวัดจันทบุรี ลุงคงเดินไปหาหมอรักษาได้ต่อเนื่อง
หรือ แม้ถ้าประเทศไทย จะมีโรงพยาบาลศูนย์อยู่ทุกจังหวัด มีแพทย์เฉพาะทางครบทุกแผนก รักษาได้อย่างเท่าเทียมกัน
ทุกวันนี้ แทบไม่มีใครอยากกลับมาอยู่ต่างจังหวัด ห่างไกลบ้านเกิด ได้รายได้น้อยกว่าทำงานเอกชนหลายเท่า
ที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็นับว่าน้อย
แต่กำลังจะน้อยลงไปอีกหลังจากที่พยายามผลักดันเรื่องการใช้ P4P แทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย
หมออาจจะแค่ลาออกกันเยอะ
พวกคุณ อาจจะมีบ้านอยู่ในกรุงเทพ ที่การรักษาเข้าถึงได้อย่างง่ายดายที่สุด
อาจจะมีบ้านอยู่ติดกับโรงพยาบาลศูนย์
อาจจะรวยอยู่แล้ว เจ็บป่วยอะไรก็เข้าเอกชน
และคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อตัวคุณ
แต่สำหรับลุงและอีกหลายๆคน เค้าทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากอยู่กับโรคร้ายโดยที่ไม่มีโอกาสได้รักษาอะไรเพิ่มเติม