
"ณเดชน์"ป๋าดัน ส่ง"ริชชี่"ประดับมายา
สุวัฒน์ ฉัตรสง่า เรื่อง
แค่ทีเซอร์และภาพโปรโมตที่ออกมาก็ทำเอาหลายคนอยากดูภาพยนตร์เรื่อง "คู่กรรม" เวอร์ชั่น 2013 ที่มีพระเอกฮอต "ณเดชน์ คูกิมิยะ" รับบท "โกโบริ" จับคู่นางเอกใหม่ถอดด้าม "ริชชี่"อรเณศ ดี คาบาเลส ที่มารับบท "อังศุมาลิน" กันเป็นแถว
หลังภาพยนตร์ลงโรง "ณเดชน์" ก็จูงมือหนู "ริชชี่" มาพูดคุย
ได้มาเล่นหนัง "คู่กรรม" ของค่ายเอ็ม 39 กันได้อย่างไร
ณเดชน์ - "จริงๆ ก่อนหน้านี้เคยเข้ามาคุยกับพี่เรียว (กิตติกร เลียวศิริกุล) ผู้กำกับฯ แต่คุยหนังอีกเรื่องหนึ่ง คุยกันแล้ว พี่เรียวบอกว่าบทอาจจะไม่เหมาะกับผม จากนั้นผ่านไปไม่ถึงเดือนพี่เรียวก็บอกว่าเขาจะทำหนังคู่กรรม อยากเล่นไหม ลองเข้ามาคุยกันอีกที ตอนแรกไม่อยากเล่นเลย ใจตกไปที่ตาตุ่ม (หัวเราะ) เพราะกลัวเล่นไม่ได้ มันค่อนข้างใหญ่เกินตัว เรื่องนี้เป็นบทประพันธ์ที่อมตะ เป็นสิ่งที่คิดว่าเราไม่น่าจะเอื้อมถึง ยากและกดดันมาก รวมถึงเป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตด้วย ทำให้ไม่กล้าเล่น"
"แต่พอคิดแล้วก็ตัดสินใจว่าสักครั้งหนึ่งกับหนังเรื่อง คู่กรรม ใครจะมีโอกาสที่ดีอย่างเรา และอีกเหตุผลหนึ่งคือพี่เรียวเคยกำกับหนัง โกล์คลับ ซึ่งผมชอบมาก เลยตัดสินใจลองร่วมงานดู ทั้งที่จริงๆ ก็หวั่นหลายเรื่องมาก ทั้งกลัวเล่นได้ไม่ถึง รวมถึงเรื่องเวลา แต่สักพักหลังคุยกับคุณแม่และพี่เอ-ศุภชัย ผู้จัดการส่วนตัวก็รับเลย เพราะพยายามจัดคิวให้ลงตัวที่สุดครับ"
ริชชี่ - "ได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ได้ เพราะปี 2554 ที่น้ำท่วม พี่เอไปเชียงใหม่เจอริชกำลังซ้อมแบดฯอยู่ที่ม.เชียงใหม่ ก็เลยเข้ามาคุย พี่เออยากหานางเอกที่มีบุคลิกเข้มแข็งมีความตั้งใจ เขาเห็นเราซ้อมแบดฯ ดูมีความพยายามและตั้งใจ เลยเรียกให้มาแคสต์ ช่วงนั้นริชเรียนอยู่ชั้นม.6 ที่ร.ร.วารีเชียงใหม่"
"จากนั้นเม.ย.ปี 2555 ริชกับคุณแม่ก็มาหาพี่เอที่บ้าน เขาก็พามา แคสติ้งกับพี่เรียว ตอนแรกไม่ทราบว่ามาแคสต์หนังเรื่อง คู่กรรม พอเจอพี่เรียว เขาก็สัมภาษณ์เรา ให้ลองแนะนำตัวและบอกความสามารถพิเศษ ก็บอกพี่เรียวว่าเราเป็นนักกีฬาแบดมินตัน ไม่เคยเรียนแอ๊กติ้ง พี่เรียวเลยให้เล่นเกมแคสต์เหมือนทดสอบจิตวิทยา, ทดสอบเรื่องสมาธิหลายๆ อย่าง ไม่นานพี่เรียวก็ติดต่อกลับมาบอกให้มาเวิร์กช็อป"
พอรู้ว่าได้เล่นบท "อังศุมาลิน" แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง
ริชชี่ - "ตื่นเต้นมากค่ะ ปกติริชขี้อายมากๆ ไม่คิดว่าจะได้เล่นหนัง พี่เรียวให้มาเวิร์กช็อป สอนการแสดงทุกอย่าง ปูพื้นฐานตั้งแต่การเดิน การมอง การเคลื่อนไหวร่างกาย ทำเวิร์กช็อปประมาณ 3 เดือนค่ะ"
ณเดชน์ - "ตัวผมก็ต้องเวิร์กช็อปกับน้องริช ช่วงแรกมีเกร็งๆ บ้าง แต่พอได้มาเวิร์กช็อปด้วยกันก็พยายามคุยกับน้องเพื่อสร้างความสนิท"
แต่ละคนเตรียมความพร้อมอย่างไรกับการแสดงหนังเรื่องนี้
ริชชี่ - "หลังเวิร์กช็อปและเรียนแสดงแล้ว ริชก็กลับไปฝึกซ้อม นอกจากเรียนการแสดง ริชยังต้องฝึกพายเรือ เรียนว่ายน้ำเพราะริชว่ายน้ำไม่เป็น ซึ่งฉากว่ายน้ำ น้ำจะลึกมาก แต่เขาปูแพลตฟอร์มใต้น้ำให้เรายืนได้ นอกจากนี้ก็มีการฝึกความเป็นไทย รวมถึงเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วย"
ณเดชน์ - "ส่วนตัวผมต้องไปฝึกเข้าค่ายเป็นทหาร ฝึกระเบียบแถว การออกคำสั่งเป็นภาษาญี่ปุ่น การทำวันทยหัตถ์ ฝึกการเดินแถวแบบทหาร การตะเบ็งเสียงแบบทหาร ซึ่งจะมีพี่ๆ ที่เขาเป็นนักเรียนทุนที่เรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นมาคุมให้ แล้วพอผมถ่ายที่กองถ่ายเขาก็จะมาสอนและมาดูให้ครับ"
แล้วคุณพ่อบุญธรรมที่เป็นคนญี่ปุ่น เราได้ปรึกษาท่านบ้างหรือเปล่า
ณเดชน์ - "ผมว่าคุณพ่อผมมีความเป็นไทยค่อนข้างเยอะมาก เพราะท่านมาอยู่เมืองไทยนานแล้ว เราก็สังเกตบางอย่างของท่านในเรื่องของรีแอ๊กชั่นหรือกายภาพครับ"
ฉากไหนของหนัง "คู่กรรม" ยากที่สุด
ริชชี่ - "น่าจะเป็นซีนจบของเรื่องค่ะ เป็นตอนที่โกโบริตาย เราต้องเล่นอารมณ์ความสูญเสีย มีร้องไห้ มันยากมากค่ะ"
ณเดชน์ - "ซีนนี้ถ่ายที่โล่งกว้าง เป็นไซต์งานก่อสร้าง แถวราชพฤกษ์ มีทั้งยุงและเสียงรถวิ่งผ่าน อุปสรรคการถ่ายทำค่อนข้างเยอะ ที่มาถ่ายที่นี่ทีมงานต้องการหลีกเลี่ยงเสียงรบกวน แต่มันก็ยังมีอยู่ ต้องถ่ายสองครั้ง ถ่ายฉากรถไฟครั้งหนึ่งและถ่ายฉากเน้นอารมณ์ของผมกับริชชี่อีกครั้ง ผมว่าฉากสุดท้ายยากที่สุดแล้ว มันเป็นไคลแม็กซ์ของเรื่อง ตอนแสดงต้องใช้สมาธิค่อนข้างสูงครับ"

พอเพื่อนๆ รู้ว่า "ริชชี่" เล่นหนังกับ "ณเดชน์" เป็นอย่างไรบ้าง
ริชชี่ - "ริชยอมรับว่าเชยมาก ไม่รู้ว่าพี่เขาดัง ไม่เคยดูละครเลย เลิกเรียน 4 โมงเย็นก็ไปซ้อมแบดฯ ถึง 4 ทุ่ม กลับมาทำการบ้านถึงตี 1-ตี 2 เพราะเรียนสายวิทย์-คณิต งานเยอะ พอตื่นเช้ามาก็ไปเรียน แต่ตอนเจอพี่ณเดชน์ครั้งแรกก็รู้สึกว่าทำไมหน้าคุ้น พอคิดมาคิดไปก็รู้ว่าเคยเจอพี่เขาทุกวันตามป้ายโฆษณา ไปไหนก็เจอตลอด (หัวเราะ) แต่ไม่รู้จักพี่เขา พี่ณเดชน์เฟรนด์ลี่มากๆ ดูสนิทกับทุกคน น่ารักมากค่ะ ใจดี ช่วยสอนริชตั้งแต่วันแรก ให้กำลังใจเราทุกครั้งเลย"
เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ณเดชน์ขึ้นแท่นเป็นป๋าดันแล้ว
ณเดชน์ - "ช่วยกันดันครับ พี่เอ-ศุภชัย ฝากฝังให้ช่วยดูแล เราก็เป็นห่วงในความใหม่ ทำงานหนักเกินวัยหรือเปล่า ไหวไหม ไม่ใช่เรื่องการดันหรอก แต่เป็นการดูแล น้องเป็นผู้หญิง บางครั้งถ่ายทำถึงตี 4 บางวันถ่ายทำตอนตี 2 จนถึง 10 โมงเช้า ก็ห่วงว่าจะไหวไหม แต่ปรากฏผมไม่ไหวคนเดียว (หัวเราะ)"
ริชชี่ถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะกับบทอังศุมาลิน รู้สึกอย่างไร
ริชชี่ - "ริชว่ามุมมองของแต่ละคนแตกต่างกันค่ะ"
แน่นอนว่าพอหนังออกฉายต้องเกิดกระแสคู่จิ้น "ณเดชน์-ริชชี่" ตรงนี้เตรียมรับมืออย่างไร
ริชชี่ - "ริชว่ามันเป็นเรื่องของหนังและละครที่อาจต้องมีการโปรโมตแบบนี้ หรือคนดูแล้วอาจจะอินตาม ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรค่ะ"
ณเดชน์ - "ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีฐานแฟนคลับเป็นคู่ๆ อย่างผมมีผลงานกับน้องริชชี่ก็อาจจะมีฐานแฟนคลับที่เขาอาจจะไม่ได้จิ้นให้เป็นแฟนกัน แต่จิ้นแบบคอยติดตามผลงาน ตรงนี้ไม่มีอะไรน่าซีเรียสครับ"
ในฐานะรุ่นพี่มีอะไรแนะนำบ้าง
ณเดชน์ - "ผมมั่นใจว่าผู้ใหญ่คอยสอนและบอกริชชี่หมดแล้ว ตอนนี้ริชชี่อายุ 18 ปี เข้ามาวงการช่วงวัยเท่าผมตอนผมเข้ามาใหม่ๆ ซึ่งตอนนั้นก็มีคนช่วยเทรนผม ตอนนี้เราก็ช่วยน้องครับ"
เข้าวงการมา 3 ปี ชีวิตทุกวันนี้ของณเดชน์ ถือว่าลงตัวหรือยัง
ณเดชน์ - "ยังไม่ลงตัวครับ ยังมีเล็กๆ น้อยๆ ไปเรื่อยๆ ปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ ความสุขมันก็มีปนๆ กันไปตามธรรมดาของชีวิต"
คนส่วนใหญ่อิจฉาณเดชน์ที่ดัง ทำรายได้สูง ขณะที่อายุยังน้อย
ณเดชน์ - "อิจฉาไหม ตรงนี้ผมไม่รู้ แต่ถ้าเขาชื่นชอบและชื่นชมเราก็รู้สึกขอบคุณมากๆ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนและติดตามผลงาน รวมถึงให้กำลังใจ เชียร์อัพในสิ่งที่ผมทำมาตลอด ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าผมทำอะไรได้บ้าง มันก็มาเรื่อยๆ ตรงนี้ถือว่ามีสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต อย่างการร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ มันเหมือนประสบการณ์ใหม่ๆ แต่ถามว่าจะเป็นนักร้องไหม ไม่เอาดีกว่า เราร้องไม่ถึงอยู่แล้ว"
มีมุมไหนในตัวเราที่คิดว่าไม่ควรอิจฉาเลย
ณเดชน์ - "ผมว่าชีวิตในวัยมหาวิทยาลัยในคนวัยเดียวกับผม ไม่มีอะไรมาก จะหนักเรื่องเรียน การคบเพื่อน การแบ่งเวลาให้ครอบครัวและตัวเอง แต่พอมาทำงานจริงๆ คุณก้าวไปมีชีวิตของการเป็นผู้ใหญ่แล้วต้องเจอปัญหาหลายอย่าง ปัญหาคนเกลียด คนอิจฉา หรือเจอสิ่งดีๆ คือคนรัก คนชื่นชม เพื่อนที่ดีและเพื่อนที่ไม่ดี มันเป็นธรรมดา ของแบบนี้ถือเป็นรสชาติของชีวิต ถึงผมจะขาดช่วงชีวิตการเป็นเด็กวัยรุ่นที่เรียนอย่างเดียวและมีเวลาไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน แต่ผลตอบแทนก็ทำให้คนข้างหลังเรามีความสุข ให้คุณแม่คุณพ่อมีความสุข รวมถึงญาติทุกๆ คนครับ"
แล้วความรักล่ะ หลังๆ ดูเปิดตัวกับ "ญาญ่า-อุรัสยา"
ณเดชน์ - "โอ้ยไม่ได้เปิดตัวครับ ถามว่าพัฒนาขึ้นไหมจากวันแรกที่รู้จักกัน ก็ธรรมดาครับ ผมทำงานกับน้องเยอะมาก ก็สนิทกัน มีอะไรก็คุยกัน ผมไม่ได้สนิทกับน้องคนเเดียว สนิทกับเพื่อนในกลุ่ม ทั้งพี่หมาก(ปริญ), พี่บอย(ปกรณ์), คิมเบอร์ลี่, น้องมิ้นต์(ชาลิดา), พี่มาร์กี้ (ราศรี) คนที่เชียร์ผมกับน้องญาญ่าก็ขอบคุณแล้วกันครับ ส่วนอนาคตจะมีสิทธิ์พัฒนาหรือเปล่า ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้เป็นพี่น้องกันตาม ปกติครับ"
ในมุมมองคนวัย 22 ปี มองความรักอย่างไรบ้าง
ณเดชน์ - "ผมว่าเมื่อไหร่ที่ความรักมามันจะมาเอง ถ้าอะไรที่เหมาะสมและสมควรแก่เวลาก็ควรเป็นไปตามนั้น แต่อะไรที่ไม่เหมาะสมหรือไม่สมควรแก่เวลาเราอย่าเพิ่งไปคิดหรือใส่ใจมันมาก ถามว่าน้องญาญ่าใช่ผู้หญิงในสเป๊กไหม ผมว่าน้องทำงานเก่ง ตั้งใจเรียน น่ารักครับ"
สุดท้าย อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ เกี่ยวกับหนัง "คู่กรรม"
ริชชี่ - "หนัง คู่กรรม เป็นงานที่พี่เรียวตีความใหม่ อยากให้ทุกคนติดตามชมค่ะ พี่ณเดชน์ นักแสดง และทีมงานทุกคนตั้งใจทำงานกันมากๆ เป็นผลงานชิ้นแรกของริชก็อยากฝากเป็นกำลังใจให้ริชด้วยค่ะ"
ณเดชน์ - "ผมเองก็ขอขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ให้กำลังใจผมกับน้องริชชี่ พี่เรียว และทีมงานทุกคนครับ"

"ริชชี่"สนุกทำงานบันเทิง
เพราะคุณปู่เป็นลูกครึ่งฟิลิปปินส์-สเปน คุณย่าเป็นลูกผสมไทย-สวิส-อังกฤษ คุณตาเป็นคนจีน คุณย่าเป็นคนไทย นางเอกสาวป้ายแดง "ริชชี่"อรเณศ ดี คาบาเลส เลยกลายเป็นลูกเสี้ยวที่มีหลายเชื้อชาติ
ทั้งไทย-จีน-ฟิลิปปินส์-สวิส-อังกฤษ-สเปน ส่วนผสมกลมกล่อมเลยออกมาเป็นสาวริชชี่ที่มีหน้าตาสวยงามแบบ "อังศุมาลิน" ของผู้กำกับฯ "เรียว"กิตติกร เลียว ศิริกุล
"ริชชี่" เกิดเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2537 มีคุณพ่อเป็นลูกเสี้ยวไทย-สวิส-อังกฤษ-ฟิลิปปินส์-สเปน คุณแม่เป็นลูกครึ่งไทย-จีน
เดิมชื่อ "อมราวดี" พอเข้าวงการ เปลี่ยนเป็น "อรเณศ" ส่วนนามสกุล "ดี คาบาเลส" นั้นดี มาจากนามสกุลคุณแม่ คือ โทณะวณิก ส่วน คาบาเลส เป็นนามสกุลคุณพ่อ
นางเอกสาวมีพี่น้องสามคน เธอเป็นคนกลาง โดยมีพี่สาวกับน้องชาย
เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนวารีเชียงใหม่ ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปี 1 คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ริชชี่เป็นนักกีฬาแบดมินตัน มีผลงานโดดเด่นคว้ารางวัลชนะเลิศหญิงเดี่ยวภาคเหนือ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี (แบดมินตัน) กีฬาเยาวชนภาค เข้าวงการมาด้วยการชักชวนของนักปั้นมือทอง "เอ"ศุภชัย ศรีวิจิตร
"ริชไม่รู้ว่าเซ็นสัญญากับพี่เอกี่ปี ต้องถามคุณแม่ค่ะ เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงแล้วก็สนุกดี ได้เจอสังคมใหม่ๆ ซึ่งพี่ๆ ก็น่ารักทุกคน แฮปปี้ค่ะ เพิ่งเข้ามาในวงการถามว่ากังวลอะไรไหม ริช ไม่ได้กังวลค่ะ เราก็ใช้ชีวิตตามปกติ ถ้าไม่มีงานก็ไปเรียนค่ะ คุณแม่สอนเสมอว่าเราจะทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง แต่ต้องรู้จักการแบ่งเวลาให้ถูกต้องค่ะ" ริชชี่กล่าว
ข่าวจาก : ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObGJuUXdNVEEzTURRMU5nPT0=§ionid=TURNeE1nPT0=&day=TWpBeE15MHdOQzB3Tnc9PQ==
ภาพประกอบจาก : นิตยสารแฮมเบอร์เกอร์
บทสัมภาษณ์ ณเดชน์-ริชชี่ จาก นสพ.ข่าวสด ค่ะ & ประวัติของน้องริชชี่
"ณเดชน์"ป๋าดัน ส่ง"ริชชี่"ประดับมายา
สุวัฒน์ ฉัตรสง่า เรื่อง
แค่ทีเซอร์และภาพโปรโมตที่ออกมาก็ทำเอาหลายคนอยากดูภาพยนตร์เรื่อง "คู่กรรม" เวอร์ชั่น 2013 ที่มีพระเอกฮอต "ณเดชน์ คูกิมิยะ" รับบท "โกโบริ" จับคู่นางเอกใหม่ถอดด้าม "ริชชี่"อรเณศ ดี คาบาเลส ที่มารับบท "อังศุมาลิน" กันเป็นแถว
หลังภาพยนตร์ลงโรง "ณเดชน์" ก็จูงมือหนู "ริชชี่" มาพูดคุย
ได้มาเล่นหนัง "คู่กรรม" ของค่ายเอ็ม 39 กันได้อย่างไร
ณเดชน์ - "จริงๆ ก่อนหน้านี้เคยเข้ามาคุยกับพี่เรียว (กิตติกร เลียวศิริกุล) ผู้กำกับฯ แต่คุยหนังอีกเรื่องหนึ่ง คุยกันแล้ว พี่เรียวบอกว่าบทอาจจะไม่เหมาะกับผม จากนั้นผ่านไปไม่ถึงเดือนพี่เรียวก็บอกว่าเขาจะทำหนังคู่กรรม อยากเล่นไหม ลองเข้ามาคุยกันอีกที ตอนแรกไม่อยากเล่นเลย ใจตกไปที่ตาตุ่ม (หัวเราะ) เพราะกลัวเล่นไม่ได้ มันค่อนข้างใหญ่เกินตัว เรื่องนี้เป็นบทประพันธ์ที่อมตะ เป็นสิ่งที่คิดว่าเราไม่น่าจะเอื้อมถึง ยากและกดดันมาก รวมถึงเป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตด้วย ทำให้ไม่กล้าเล่น"
"แต่พอคิดแล้วก็ตัดสินใจว่าสักครั้งหนึ่งกับหนังเรื่อง คู่กรรม ใครจะมีโอกาสที่ดีอย่างเรา และอีกเหตุผลหนึ่งคือพี่เรียวเคยกำกับหนัง โกล์คลับ ซึ่งผมชอบมาก เลยตัดสินใจลองร่วมงานดู ทั้งที่จริงๆ ก็หวั่นหลายเรื่องมาก ทั้งกลัวเล่นได้ไม่ถึง รวมถึงเรื่องเวลา แต่สักพักหลังคุยกับคุณแม่และพี่เอ-ศุภชัย ผู้จัดการส่วนตัวก็รับเลย เพราะพยายามจัดคิวให้ลงตัวที่สุดครับ"
ริชชี่ - "ได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ได้ เพราะปี 2554 ที่น้ำท่วม พี่เอไปเชียงใหม่เจอริชกำลังซ้อมแบดฯอยู่ที่ม.เชียงใหม่ ก็เลยเข้ามาคุย พี่เออยากหานางเอกที่มีบุคลิกเข้มแข็งมีความตั้งใจ เขาเห็นเราซ้อมแบดฯ ดูมีความพยายามและตั้งใจ เลยเรียกให้มาแคสต์ ช่วงนั้นริชเรียนอยู่ชั้นม.6 ที่ร.ร.วารีเชียงใหม่"
"จากนั้นเม.ย.ปี 2555 ริชกับคุณแม่ก็มาหาพี่เอที่บ้าน เขาก็พามา แคสติ้งกับพี่เรียว ตอนแรกไม่ทราบว่ามาแคสต์หนังเรื่อง คู่กรรม พอเจอพี่เรียว เขาก็สัมภาษณ์เรา ให้ลองแนะนำตัวและบอกความสามารถพิเศษ ก็บอกพี่เรียวว่าเราเป็นนักกีฬาแบดมินตัน ไม่เคยเรียนแอ๊กติ้ง พี่เรียวเลยให้เล่นเกมแคสต์เหมือนทดสอบจิตวิทยา, ทดสอบเรื่องสมาธิหลายๆ อย่าง ไม่นานพี่เรียวก็ติดต่อกลับมาบอกให้มาเวิร์กช็อป"
พอรู้ว่าได้เล่นบท "อังศุมาลิน" แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง
ริชชี่ - "ตื่นเต้นมากค่ะ ปกติริชขี้อายมากๆ ไม่คิดว่าจะได้เล่นหนัง พี่เรียวให้มาเวิร์กช็อป สอนการแสดงทุกอย่าง ปูพื้นฐานตั้งแต่การเดิน การมอง การเคลื่อนไหวร่างกาย ทำเวิร์กช็อปประมาณ 3 เดือนค่ะ"
ณเดชน์ - "ตัวผมก็ต้องเวิร์กช็อปกับน้องริช ช่วงแรกมีเกร็งๆ บ้าง แต่พอได้มาเวิร์กช็อปด้วยกันก็พยายามคุยกับน้องเพื่อสร้างความสนิท"
แต่ละคนเตรียมความพร้อมอย่างไรกับการแสดงหนังเรื่องนี้
ริชชี่ - "หลังเวิร์กช็อปและเรียนแสดงแล้ว ริชก็กลับไปฝึกซ้อม นอกจากเรียนการแสดง ริชยังต้องฝึกพายเรือ เรียนว่ายน้ำเพราะริชว่ายน้ำไม่เป็น ซึ่งฉากว่ายน้ำ น้ำจะลึกมาก แต่เขาปูแพลตฟอร์มใต้น้ำให้เรายืนได้ นอกจากนี้ก็มีการฝึกความเป็นไทย รวมถึงเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วย"
ณเดชน์ - "ส่วนตัวผมต้องไปฝึกเข้าค่ายเป็นทหาร ฝึกระเบียบแถว การออกคำสั่งเป็นภาษาญี่ปุ่น การทำวันทยหัตถ์ ฝึกการเดินแถวแบบทหาร การตะเบ็งเสียงแบบทหาร ซึ่งจะมีพี่ๆ ที่เขาเป็นนักเรียนทุนที่เรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นมาคุมให้ แล้วพอผมถ่ายที่กองถ่ายเขาก็จะมาสอนและมาดูให้ครับ"
แล้วคุณพ่อบุญธรรมที่เป็นคนญี่ปุ่น เราได้ปรึกษาท่านบ้างหรือเปล่า
ณเดชน์ - "ผมว่าคุณพ่อผมมีความเป็นไทยค่อนข้างเยอะมาก เพราะท่านมาอยู่เมืองไทยนานแล้ว เราก็สังเกตบางอย่างของท่านในเรื่องของรีแอ๊กชั่นหรือกายภาพครับ"
ฉากไหนของหนัง "คู่กรรม" ยากที่สุด
ริชชี่ - "น่าจะเป็นซีนจบของเรื่องค่ะ เป็นตอนที่โกโบริตาย เราต้องเล่นอารมณ์ความสูญเสีย มีร้องไห้ มันยากมากค่ะ"
ณเดชน์ - "ซีนนี้ถ่ายที่โล่งกว้าง เป็นไซต์งานก่อสร้าง แถวราชพฤกษ์ มีทั้งยุงและเสียงรถวิ่งผ่าน อุปสรรคการถ่ายทำค่อนข้างเยอะ ที่มาถ่ายที่นี่ทีมงานต้องการหลีกเลี่ยงเสียงรบกวน แต่มันก็ยังมีอยู่ ต้องถ่ายสองครั้ง ถ่ายฉากรถไฟครั้งหนึ่งและถ่ายฉากเน้นอารมณ์ของผมกับริชชี่อีกครั้ง ผมว่าฉากสุดท้ายยากที่สุดแล้ว มันเป็นไคลแม็กซ์ของเรื่อง ตอนแสดงต้องใช้สมาธิค่อนข้างสูงครับ"
พอเพื่อนๆ รู้ว่า "ริชชี่" เล่นหนังกับ "ณเดชน์" เป็นอย่างไรบ้าง
ริชชี่ - "ริชยอมรับว่าเชยมาก ไม่รู้ว่าพี่เขาดัง ไม่เคยดูละครเลย เลิกเรียน 4 โมงเย็นก็ไปซ้อมแบดฯ ถึง 4 ทุ่ม กลับมาทำการบ้านถึงตี 1-ตี 2 เพราะเรียนสายวิทย์-คณิต งานเยอะ พอตื่นเช้ามาก็ไปเรียน แต่ตอนเจอพี่ณเดชน์ครั้งแรกก็รู้สึกว่าทำไมหน้าคุ้น พอคิดมาคิดไปก็รู้ว่าเคยเจอพี่เขาทุกวันตามป้ายโฆษณา ไปไหนก็เจอตลอด (หัวเราะ) แต่ไม่รู้จักพี่เขา พี่ณเดชน์เฟรนด์ลี่มากๆ ดูสนิทกับทุกคน น่ารักมากค่ะ ใจดี ช่วยสอนริชตั้งแต่วันแรก ให้กำลังใจเราทุกครั้งเลย"
เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ณเดชน์ขึ้นแท่นเป็นป๋าดันแล้ว
ณเดชน์ - "ช่วยกันดันครับ พี่เอ-ศุภชัย ฝากฝังให้ช่วยดูแล เราก็เป็นห่วงในความใหม่ ทำงานหนักเกินวัยหรือเปล่า ไหวไหม ไม่ใช่เรื่องการดันหรอก แต่เป็นการดูแล น้องเป็นผู้หญิง บางครั้งถ่ายทำถึงตี 4 บางวันถ่ายทำตอนตี 2 จนถึง 10 โมงเช้า ก็ห่วงว่าจะไหวไหม แต่ปรากฏผมไม่ไหวคนเดียว (หัวเราะ)"
ริชชี่ถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะกับบทอังศุมาลิน รู้สึกอย่างไร
ริชชี่ - "ริชว่ามุมมองของแต่ละคนแตกต่างกันค่ะ"
แน่นอนว่าพอหนังออกฉายต้องเกิดกระแสคู่จิ้น "ณเดชน์-ริชชี่" ตรงนี้เตรียมรับมืออย่างไร
ริชชี่ - "ริชว่ามันเป็นเรื่องของหนังและละครที่อาจต้องมีการโปรโมตแบบนี้ หรือคนดูแล้วอาจจะอินตาม ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรค่ะ"
ณเดชน์ - "ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีฐานแฟนคลับเป็นคู่ๆ อย่างผมมีผลงานกับน้องริชชี่ก็อาจจะมีฐานแฟนคลับที่เขาอาจจะไม่ได้จิ้นให้เป็นแฟนกัน แต่จิ้นแบบคอยติดตามผลงาน ตรงนี้ไม่มีอะไรน่าซีเรียสครับ"
ในฐานะรุ่นพี่มีอะไรแนะนำบ้าง
ณเดชน์ - "ผมมั่นใจว่าผู้ใหญ่คอยสอนและบอกริชชี่หมดแล้ว ตอนนี้ริชชี่อายุ 18 ปี เข้ามาวงการช่วงวัยเท่าผมตอนผมเข้ามาใหม่ๆ ซึ่งตอนนั้นก็มีคนช่วยเทรนผม ตอนนี้เราก็ช่วยน้องครับ"
เข้าวงการมา 3 ปี ชีวิตทุกวันนี้ของณเดชน์ ถือว่าลงตัวหรือยัง
ณเดชน์ - "ยังไม่ลงตัวครับ ยังมีเล็กๆ น้อยๆ ไปเรื่อยๆ ปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ ความสุขมันก็มีปนๆ กันไปตามธรรมดาของชีวิต"
คนส่วนใหญ่อิจฉาณเดชน์ที่ดัง ทำรายได้สูง ขณะที่อายุยังน้อย
ณเดชน์ - "อิจฉาไหม ตรงนี้ผมไม่รู้ แต่ถ้าเขาชื่นชอบและชื่นชมเราก็รู้สึกขอบคุณมากๆ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนและติดตามผลงาน รวมถึงให้กำลังใจ เชียร์อัพในสิ่งที่ผมทำมาตลอด ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าผมทำอะไรได้บ้าง มันก็มาเรื่อยๆ ตรงนี้ถือว่ามีสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต อย่างการร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ มันเหมือนประสบการณ์ใหม่ๆ แต่ถามว่าจะเป็นนักร้องไหม ไม่เอาดีกว่า เราร้องไม่ถึงอยู่แล้ว"
มีมุมไหนในตัวเราที่คิดว่าไม่ควรอิจฉาเลย
ณเดชน์ - "ผมว่าชีวิตในวัยมหาวิทยาลัยในคนวัยเดียวกับผม ไม่มีอะไรมาก จะหนักเรื่องเรียน การคบเพื่อน การแบ่งเวลาให้ครอบครัวและตัวเอง แต่พอมาทำงานจริงๆ คุณก้าวไปมีชีวิตของการเป็นผู้ใหญ่แล้วต้องเจอปัญหาหลายอย่าง ปัญหาคนเกลียด คนอิจฉา หรือเจอสิ่งดีๆ คือคนรัก คนชื่นชม เพื่อนที่ดีและเพื่อนที่ไม่ดี มันเป็นธรรมดา ของแบบนี้ถือเป็นรสชาติของชีวิต ถึงผมจะขาดช่วงชีวิตการเป็นเด็กวัยรุ่นที่เรียนอย่างเดียวและมีเวลาไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน แต่ผลตอบแทนก็ทำให้คนข้างหลังเรามีความสุข ให้คุณแม่คุณพ่อมีความสุข รวมถึงญาติทุกๆ คนครับ"
แล้วความรักล่ะ หลังๆ ดูเปิดตัวกับ "ญาญ่า-อุรัสยา"
ณเดชน์ - "โอ้ยไม่ได้เปิดตัวครับ ถามว่าพัฒนาขึ้นไหมจากวันแรกที่รู้จักกัน ก็ธรรมดาครับ ผมทำงานกับน้องเยอะมาก ก็สนิทกัน มีอะไรก็คุยกัน ผมไม่ได้สนิทกับน้องคนเเดียว สนิทกับเพื่อนในกลุ่ม ทั้งพี่หมาก(ปริญ), พี่บอย(ปกรณ์), คิมเบอร์ลี่, น้องมิ้นต์(ชาลิดา), พี่มาร์กี้ (ราศรี) คนที่เชียร์ผมกับน้องญาญ่าก็ขอบคุณแล้วกันครับ ส่วนอนาคตจะมีสิทธิ์พัฒนาหรือเปล่า ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้เป็นพี่น้องกันตาม ปกติครับ"
ในมุมมองคนวัย 22 ปี มองความรักอย่างไรบ้าง
ณเดชน์ - "ผมว่าเมื่อไหร่ที่ความรักมามันจะมาเอง ถ้าอะไรที่เหมาะสมและสมควรแก่เวลาก็ควรเป็นไปตามนั้น แต่อะไรที่ไม่เหมาะสมหรือไม่สมควรแก่เวลาเราอย่าเพิ่งไปคิดหรือใส่ใจมันมาก ถามว่าน้องญาญ่าใช่ผู้หญิงในสเป๊กไหม ผมว่าน้องทำงานเก่ง ตั้งใจเรียน น่ารักครับ"
สุดท้าย อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ เกี่ยวกับหนัง "คู่กรรม"
ริชชี่ - "หนัง คู่กรรม เป็นงานที่พี่เรียวตีความใหม่ อยากให้ทุกคนติดตามชมค่ะ พี่ณเดชน์ นักแสดง และทีมงานทุกคนตั้งใจทำงานกันมากๆ เป็นผลงานชิ้นแรกของริชก็อยากฝากเป็นกำลังใจให้ริชด้วยค่ะ"
ณเดชน์ - "ผมเองก็ขอขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ให้กำลังใจผมกับน้องริชชี่ พี่เรียว และทีมงานทุกคนครับ"
"ริชชี่"สนุกทำงานบันเทิง
เพราะคุณปู่เป็นลูกครึ่งฟิลิปปินส์-สเปน คุณย่าเป็นลูกผสมไทย-สวิส-อังกฤษ คุณตาเป็นคนจีน คุณย่าเป็นคนไทย นางเอกสาวป้ายแดง "ริชชี่"อรเณศ ดี คาบาเลส เลยกลายเป็นลูกเสี้ยวที่มีหลายเชื้อชาติ
ทั้งไทย-จีน-ฟิลิปปินส์-สวิส-อังกฤษ-สเปน ส่วนผสมกลมกล่อมเลยออกมาเป็นสาวริชชี่ที่มีหน้าตาสวยงามแบบ "อังศุมาลิน" ของผู้กำกับฯ "เรียว"กิตติกร เลียว ศิริกุล
"ริชชี่" เกิดเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2537 มีคุณพ่อเป็นลูกเสี้ยวไทย-สวิส-อังกฤษ-ฟิลิปปินส์-สเปน คุณแม่เป็นลูกครึ่งไทย-จีน
เดิมชื่อ "อมราวดี" พอเข้าวงการ เปลี่ยนเป็น "อรเณศ" ส่วนนามสกุล "ดี คาบาเลส" นั้นดี มาจากนามสกุลคุณแม่ คือ โทณะวณิก ส่วน คาบาเลส เป็นนามสกุลคุณพ่อ
นางเอกสาวมีพี่น้องสามคน เธอเป็นคนกลาง โดยมีพี่สาวกับน้องชาย
เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนวารีเชียงใหม่ ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปี 1 คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ริชชี่เป็นนักกีฬาแบดมินตัน มีผลงานโดดเด่นคว้ารางวัลชนะเลิศหญิงเดี่ยวภาคเหนือ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี (แบดมินตัน) กีฬาเยาวชนภาค เข้าวงการมาด้วยการชักชวนของนักปั้นมือทอง "เอ"ศุภชัย ศรีวิจิตร
"ริชไม่รู้ว่าเซ็นสัญญากับพี่เอกี่ปี ต้องถามคุณแม่ค่ะ เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงแล้วก็สนุกดี ได้เจอสังคมใหม่ๆ ซึ่งพี่ๆ ก็น่ารักทุกคน แฮปปี้ค่ะ เพิ่งเข้ามาในวงการถามว่ากังวลอะไรไหม ริช ไม่ได้กังวลค่ะ เราก็ใช้ชีวิตตามปกติ ถ้าไม่มีงานก็ไปเรียนค่ะ คุณแม่สอนเสมอว่าเราจะทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง แต่ต้องรู้จักการแบ่งเวลาให้ถูกต้องค่ะ" ริชชี่กล่าว
ข่าวจาก : ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObGJuUXdNVEEzTURRMU5nPT0=§ionid=TURNeE1nPT0=&day=TWpBeE15MHdOQzB3Tnc9PQ==
ภาพประกอบจาก : นิตยสารแฮมเบอร์เกอร์