เตือนภัยจากประสบการณ์จริง!! แค่กัดรองเท้าน้องหมาก็เป็นลำไส้อักเสบได้

กระทู้สนทนา
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา

ลูกสาวเป็นพันธุ์พิทบูลอายุ 3 เดือนครึ่ง มีอาการป่วยซึม ไม่กินอาหาร ไปหาหมอก็ฉีดยาลดไข้มาให้น้องก็นอนซึม มีถ่ายเหลวและอ้วก(แค่ครั้งเดียว) เราก็นอนปลอบเค้าจนเค้าหลับ เราเลยมาตั้งกระทู้ถาม http://pantip.com/topic/30341054 จนตัดสินใจให้เค้าทานยา norfloaxazin 400mg ครึ่งเม็ด ตื่นเช้ามาน้องอาการดีขึ้นมาก วิ่งลงบันไดเองแล้วก็มาขอข้าวกิน มื้อเช้าเลยให้อาหารเม็ดผสมกับเนื้อหมูสับแต่เห็นว่าเพิ่งหายท้องเสียเลยยังไม่ให้นมไปก่อน เค้าก็เล่นด้วยตลอด มีนอนบ้างแต่เราก็ยังวัดไข้อยู่ทุก 2 ชั่วโมง (กลัวไข้ดีดกลับ) ปรากฏว่าไข้ก็ไม่กลับมา อุณหภูมิน้องขึ้นลงอยู่ที่ 100.5-102 หมอบอกว่าปกติ แต่พอตกกลางคืนน้องอ้วกและถ่ายเหลวสีออกเขียวๆกลิ่นเหม็นคาว อ้วกเล็กน้อยเราเลยป้อนน้ำเกลือแร่และเฮลบูลบอยให้เค้า

มาวันนี้วันที่ 8 วันที่ทำให้ใจเราไม่เป็นสุขอีกต่อไป เราพาน้องหมาไปหาหมอในตอนเช้าซึ่งเป็นหมอเดียวกับที่รักษาโรคไตให้น้องแมวเรา(แอบคิดไปเองว่าดีกว่าทุกที่ที่เคยไปมาในจังหวัด) หมอเจาะเลือดไปตรวจ แล้วน้องก็อ้วกค่ะ หมอไม่รอดูอาการรีบตรวจด้วยชุดเทสลำไส้อักเสบและผลก็ออกมาว่าลูกสาวของเราเป็นลำไส้อักเสบชนิดรุนแรงค่ะ(พาร์โวไวรัส) หมอบอกว่าทำใจครึ่งนึง เรานี่น้ำตารื้น เราเลี้ยงน้องบลูมาตัวเดียว ทุ่มเทความรักเต็มที่ ทำใจให้ไม่ร้องไห้ต่อหน้าหมอ แค่คิดว่าเค้าเป็นอะไรก็ใจหายวาบแต่ต้องเข้มแข็งเพื่อลูกสาวของเรา ตอนนี้น้องบลูแอดมิทอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วค่ะ น้องอ้วกเป็นฟองขาวๆและถ่ายเหลว กลิ่นเหม็นคาวมาก แต่ยังน้อยกว่าตัวอื่นๆที่มา เราได้แต่ภาวนาทุกวิถีทางทั้งที่พึ่งทางแพทย์และที่พึ่งทางใจ เพิ่งเปิดมาเจอหมอชูศักดิ์ที่อุดรก็ช่วงหัวค่ำแล้ว พรุ่งนี้อยากจะโทรไปขอซื้อ HIS มาแต่ไม่รู้หมอจะจัดส่งให้รึเปล่าเพราะน้องคงเดินทางไม่ไหวต้องต่อเครื่องที่กรุงเทพอีก

อีกคำถามที่โผล่เข้ามาในหัวเราคือ น้องเป็นได้ยังไง ???

เราเลี้ยงลูกสาวในบ้านตลอดค่ะ มีแค่ครั้งเดียวที่พาไปเดินสวนสาธารณะเพราะอยากให้เค้าชินกับคนเยอะๆจะได้ไม่ตื่นตอนโต(ป้องกันไม่ให้เค้ามีนิสัยพุ่งจู่โจมคน) ซึ่งมันเกิน 10 วันไปแล้ว ชีวิตประจำวันของบลูจะอยู่ในบ้านเสียส่วนใหญ่เพราะเราเองกำลังปรับปรุงร้านและน้องแมวเพิ่งเป็นไตในหนึ่งวันจึงหัวหมุนเกินกว่าจะพาน้องบลูไปเที่ยวไหน เลยอาศัยวิ่งเล่นในสวนเอาเค้าก็ร่าเริงดี มีพลังล้นเหลือยิ่งเล่นก็ยิ่งไม่เหนื่อย ที่นอนน้องก็นอนในห้องเราค่ะ ซึ่งในห้องเรามีเพียงเรากับน้องเท่านั้นที่เข้าห้อง กันไม่ให้เค้าไปกวนแมวตอนกลางคืน ทีสำคัญเราเลี้ยงน้องตัวเดียว วัคซีนก็ฉีดแล้วถึงแม้จะยังไม่ครบแต่อย่างน้อยน้องบลูก็ได้เข็มที่ 2 มาแล้ว ซึ่งกำหนดเข็มที่ 3 คือ 23 เม.ย. นี้ ซอยบ้านเราไม่มีหมาจรจัดนะคะ กลางคืนนี่เดินสบายไม่ต้องกลัวหมาไล่เพราะเป็นหมาเลี้ยงหมดจะมีแค่เสียงเห่าตามตลอดทุกบ้าน ถ้าอย่างนั้นน้องติดโรคมาจากที่ไหน ? กว่าจะหาต้นเหตุเจอเราอยากจะตีตัวเองจริงๆ เพราะต้นเหตุของการเจ็บป่วยอย่างหนักของน้องบลูคือ "รองเท้าของเราค่ะ"

น้องบลูชอบแอบกัดรองเท้าเราเวลาที่เราปล่อยให้วิ่งเล่น สิ่งแรกที่ทำก่อนคือหารองเท้าค่ะ บ้านเราจะวางรองเท้าที่ใส่ประจำไว้บนชั้นเล็กๆซึ่งไม่เกินความสามารถของน้องบลูเลยที่จะคาบมันมาเล่น ส่วนรองเท้าที่ไม่ค่อยได้ใส่บ่อยก็อยู่ในตู้น้องบลูเลยหมดสิทธิ์แตะ แต่เพราะเป็นรองเท้าคู่โปรดที่ใส่ประจำนั่นก็หมายถึงเราสวมมันไปทุกที่ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าที่ไหนบ้างที่มีเชื้ออยู่ (หมอบอกว่าเชื้อจะอยู่ได้ 6-12 เดือนโดยไม่ตาย) และเพราะน้องบลูคาบรองเท้าไปแอบแทะและตามประสาลูกหมาแทะแล้วก็มีเลีย จนสุดท้ายน้องก็ต้องมาป่วยเพราะรองเท้าเพียงคู่เดียว ฝากถึงพี่ๆเพื่อนๆทุกคนที่เลี้ยงหมาด้วยนะคะ บางครั้งเราระมัดระวังทุกอย่างไว้อย่างดี ซื้อหมาจากที่ดีๆ เลี้ยงดีๆ ดูแลดีๆ แต่เราก็อาจลืมสิ่งใกล้ตัวไปซึ่งตัวเรายอมรับว่าไม่รู้มาก่อนเลย คิดว่าติดจากการเลียของเสียของสุนัขที่ป่วยโรคนี้เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าการเดินเล่นเพลิดเพลินของเราจะนำเชื้อโรคร้ายมาให้ลูกสาวที่เรารัก

สุดท้ายที่อยากจะเตือน เก็บรองเท้าของเราดีๆนะคะ อย่าให้ลูกสาวลูกชายใครต้องมาเจ็บเหมือนน้องบลูอีกเลย

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่