อกชนสุดทนอัด "รัฐ" เรียงตัว แก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งหลงทางสู้คู่แข่งไม่ได้
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ปัญหาค่าเงินบาทผันผวนที่กระทบต่อภาคการส่งออกว่า ต้องการให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยปัญหาขณะนี้อยู่ที่ราคาสินค้าไทยไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่ง อย่างมาเลเซีย จีน และเวียดนาม ได้ เพราะค่าบาทแข็งค่าขึ้นจากต้นปี 56 ถึง 5% ขณะที่ค่าเงินคู่แข่งกลับแข็งค่าเพียงเล็กน้อย ดังนั้น รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องหาเครื่องมือดูแลไม่ให้ค่าเงินผันผวน แข็งค่าเกินกว่าประเทศอื่น
“ปัญหาการส่งออกอยู่ที่ปัญหาค่าเงินและราคา ไม่ได้อยู่ที่การทำตลาด หรือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ดังนั้นจึงไม่อยากให้รัฐมุ่งแก้ด้วยการทุ่มงบประมาณ จัดกิจกรรมเพิ่มเพียงอย่างเดียวเพราะต่อให้ไปโปรโมตแล้ว แต่สินค้าไทยยังแพงกว่าคู่แข่ง มีมาตรฐานน้อยกว่าคู่แข่ง ก็จะขายไม่ได้อยู่ดี ที่จริงพาณิชย์น่าจะเป็นเจ้าภาพดูแล พัฒนาห่วงโซ่การผลิตทั้งระบบมากกว่า โดยนำเงินที่ตั้งใจไปช่วยจัดกิจกรรมเปิดตลาด มาพัฒนาการผลิตให้ได้มาตรฐานร่วมกันทั้งระบบ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เอกชน นอกจากนี้ ยังต้องการให้ ธปท.เปิดช่องทางรับฟังความคิดเห็นจากภาคการค้ามากขึ้น เพราะที่ผ่านมายังได้มีการหารือกันไม่มากนัก เพราะตอนนี้ค่าเงินบาทก็ผันผวนมากจนเป็นต้นเหตุให้ภาคส่งออกสะดุดลงไปด้วย จึงอยากให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ”
ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะไม่ทำให้การส่งออกสินค้าไทยในเชิงปริมาณลดลง แต่ในเชิงมูลค่าอาจได้รับผลกระทบ เพราะเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าจะทำให้ยอดขายเมื่อคิดเป็นเงินบาทหายไป โดยกลุ่มสินค้าเกษตรคาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะมีต้นทุนวัตถุดิบที่ผลิตได้ในประเทศเป็นหลัก ทำให้เมื่อส่งออกไปแล้วอาจมีรายได้กลับมาในรูปค่าบาทน้อยลง อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้วางแผนช่วยเหลือโดยการทำตลาดอย่างจริงจัง เพื่อผลักดันการส่งออกให้เติบโตตามเป้าหมาย 8-9%
“กระทรวงฯพร้อมหารือกับภาคเอกชน เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ ซึ่งอะไรที่เสนอมาแล้วสามารถทำได้เลยก็จะเร่งดำเนินการ”.
ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
8 เมษายน 2556, 05:20 น.
http://www.thairath.co.th/content/eco/337482
เอกชนสุดทนอัด "รัฐ" เรียงตัว แก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งหลงทางสู้คู่แข่งไม่ได้
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ปัญหาค่าเงินบาทผันผวนที่กระทบต่อภาคการส่งออกว่า ต้องการให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยปัญหาขณะนี้อยู่ที่ราคาสินค้าไทยไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่ง อย่างมาเลเซีย จีน และเวียดนาม ได้ เพราะค่าบาทแข็งค่าขึ้นจากต้นปี 56 ถึง 5% ขณะที่ค่าเงินคู่แข่งกลับแข็งค่าเพียงเล็กน้อย ดังนั้น รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องหาเครื่องมือดูแลไม่ให้ค่าเงินผันผวน แข็งค่าเกินกว่าประเทศอื่น
“ปัญหาการส่งออกอยู่ที่ปัญหาค่าเงินและราคา ไม่ได้อยู่ที่การทำตลาด หรือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ดังนั้นจึงไม่อยากให้รัฐมุ่งแก้ด้วยการทุ่มงบประมาณ จัดกิจกรรมเพิ่มเพียงอย่างเดียวเพราะต่อให้ไปโปรโมตแล้ว แต่สินค้าไทยยังแพงกว่าคู่แข่ง มีมาตรฐานน้อยกว่าคู่แข่ง ก็จะขายไม่ได้อยู่ดี ที่จริงพาณิชย์น่าจะเป็นเจ้าภาพดูแล พัฒนาห่วงโซ่การผลิตทั้งระบบมากกว่า โดยนำเงินที่ตั้งใจไปช่วยจัดกิจกรรมเปิดตลาด มาพัฒนาการผลิตให้ได้มาตรฐานร่วมกันทั้งระบบ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เอกชน นอกจากนี้ ยังต้องการให้ ธปท.เปิดช่องทางรับฟังความคิดเห็นจากภาคการค้ามากขึ้น เพราะที่ผ่านมายังได้มีการหารือกันไม่มากนัก เพราะตอนนี้ค่าเงินบาทก็ผันผวนมากจนเป็นต้นเหตุให้ภาคส่งออกสะดุดลงไปด้วย จึงอยากให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ”
ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะไม่ทำให้การส่งออกสินค้าไทยในเชิงปริมาณลดลง แต่ในเชิงมูลค่าอาจได้รับผลกระทบ เพราะเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าจะทำให้ยอดขายเมื่อคิดเป็นเงินบาทหายไป โดยกลุ่มสินค้าเกษตรคาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะมีต้นทุนวัตถุดิบที่ผลิตได้ในประเทศเป็นหลัก ทำให้เมื่อส่งออกไปแล้วอาจมีรายได้กลับมาในรูปค่าบาทน้อยลง อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้วางแผนช่วยเหลือโดยการทำตลาดอย่างจริงจัง เพื่อผลักดันการส่งออกให้เติบโตตามเป้าหมาย 8-9%
“กระทรวงฯพร้อมหารือกับภาคเอกชน เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ ซึ่งอะไรที่เสนอมาแล้วสามารถทำได้เลยก็จะเร่งดำเนินการ”.
ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
8 เมษายน 2556, 05:20 น.
http://www.thairath.co.th/content/eco/337482