เห็นมันเลื้อยเข้าห้องเครื่องอะค่ะ อยากทราบว่ามันจะเข้าไปห้องโดยสารได้มั๊ย
ตัวมันไม่ใหญ่มากเลยกลัวว่ามันจะเข้ามาทางช่องแอร์ ยอมรับค่ะว่าวิตกจริตมากๆ
ตอนนี้หลอน...นนน มากๆ ไม่กล้าใช้รถเลยค่ะ TT^TT
**แวะมาเล่าเรื่องราวโดยละเอียด+ความคืบหน้าไว้เป็นอุทาหรณ์ เผื่อใครเจอเหตุการณ์เดียวกันค่ะ
เป็นงูจริงๆค่ะไม่ได้เล่นมุก ตัวลายๆหัวเล็กเท่านิ้วก้อยคล้ายๆรูปสามเหลี่ยม
ลำตัวประมาณนิ้วกลาง ยาวประมาณหนึ่งเมตรเห็นจะได้
ตอนแรกก็ไม่รู้ว่างูอะไร เพราะตอนเกิดเหตุอยู่คนเดียวค่ะ
กระโดดอยู่คนเดียว กรี๊ดอยู่คนเดียว สติแตกอยู่คนเดียว -*-
หลังเหตุการณ์สงบเลยลองถามน้าดู น้าบอกว่าน่าจะเป็นงูแมวเซา(มั้ง)
เพราะที่บ้านงูแมวเซากะงูเห่าจะเยอะ.. บรื้อออ ขนลุก
มันมาจากไหนอย่างไรไม่ทราบ รู้แต่ว่ามันไต่อยู่ฝากระโปรงท้าย บอกตรงๆค่ะว่าตอนแรกไม่เห็น
มันน่าจะเห็นเราก่อนแล้ว พอมันยกหัวขึ้นส่ายไปมา หางตาจึงเหลือบไปว่าอะไรเคลื่อนไหวอยู่
เท่านั้นแหละเราก็ไม่รู้จะทำไง พยายามหาไม้ที่ยาวที่สุดเพื่อจะเขี่ยแต่ก็หาไม่ได้ มีแต่สั้นๆ
ซักพักมันก็ลงไปอยู่ตรงซอกช่องยางรีดน้ำที่เป็นยางระหว่างกระจกหลังกับฝาท้าย
พอเห็นอย่างนั้นแล้วกลัวมากค่ะ กลัวว่ามันจะมุดเข้าไปฝากระโปรงท้าย
แล้วย้ายไปนอนเล่นในห้องโดยสาร ถ้ามันเข้าไปได้ล่ะก็..งานยักษ์เลยทีเดียว
(จริงๆมันเข้าได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ตอนนั้นก็ค่อนข้างสติแตกค่ะ กังวลไปหมด)
วินาทีนั้นบอกตรงค่ะว่าไม่กลัวบาป วิ่งไปคว้ากระป๋องดีดีทีมาฉีดไล่ ขอแค่ให้มันไปไกลๆก็พอ
ได้ผลค่ะ มันเลื้อยลงมาที่พื้น แต่แทนที่มันจะหนีไป มันดันเข้าไปใต้ท้องรถ
ก้มๆเงยๆดูได้แค่ไกลๆ หัวมันขึ้นไปทางใต้ท้องรถหลังจากนั้นหางมันก็ตามขึ้นไป
ในใจก็นึก ทำไงดี ทำไงดี จะเปิดฝากระโปรงหน้าก็ไม่กล้า
กลัวตอนที่ต้องเอานิ้วเข้าไปปลดล็อค มันจะแอบออกมาจ๊ะเอ๊
เราก็เลยวิ่งไปสตาร์ทเครื่อง ไม่ทันคิดหรอกค่ะ ว่ามันอาจจะตายหรือทำให้เครื่องยนต์เสียหาย
กะว่าถ้าเครื่องสั่นๆ เสียงดังๆ มันคงจะหนีไป แต่ก็ไม่เห็นมันจะออกมา
ปัญหามันอยู่ที่ว่า ถ้ามันอยู่ในห้องเครื่องอย่างเดียว ไม่ย้ายมาที่ห้องโดยสารก็คงไม่เป็นไร
แต่กังวลค่ะ และไม่แน่ใจเลยวิ่งมาโพสถามผู้รู้ในกระทู้ หลังจากนั้นก็หาเบอร์โทร
ศูนย์ฉุกเฉินของฮอนด้า เพื่อเช็คให้แน่ใจว่ามันจะเข้ามาไม่ได้
ตอนแรกเรากังวลว่าจะมันอาจจะเข้ามาทางช่องแอร์ เพราะหัวมันไม่ใหญ่มาก
และโดยคุณสมบัติของความเป็นงู มันหยืดหยุ่นได้ ช่องเล็กๆ คงไม่มีปัญหาสำหรับมัน
ทางช่างเทคนิคเค้าก็แจ้งให้เราใจชื้นค่ะ ว่ามันเข้าทางช่องแอร์ไม่ได้แน่นอน
เพราะมีก้อนขี้หมาอุดไว้แล้ว ... แต่ค่ะแต่.. หลังจากที่สบายใจได้ไม่เกิน 10 วินาที
ช่างก็บอกว่า ที่น่าห่วงน่าจะเป็นช่องสายไฟในคอนโซลหน้ามากกว่า หากมีพื้นที่เหลือ
ก็มีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน เท่านั้นแหละค่ะ บอกได้คำเดียวว่าหลอน...นนนน มากๆ
เลยวิ่งไปขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้าน เค้าก็เลยมาเปิดเช็คให้
โชคดีที่ทั้งรถมีแค่(ตุ๊กตา)น้องหมีกะน้องเต่าสองตัวเท่านั้น ไม่เห็นน้องงู
มันอาจจะหนีไปแล้ว หรือไม่ก็ไปนอนเล่นบนพลาสติกใต้ท้องรถ
ตอนนี้คงต้องลุ้นกันเอาเองค่ะ ว่ามันอยากอยู่หรืออยากไป..
จากเหตุการณ์ในวันนี้ สอนให้รู้ว่า...
ก่อนขึ้นรถ ควรเดินสำรวจรอบรถทุกครั้ง จะได้รู้ว่าตัวประหลาดขอโดยสารฟรีหรือไม่
หากไม่จำเป็นอย่าเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ถึงไม่เปิดประตูทิ้งไว้ก็อย่าชะล่าใจค่ะ
สัตว์บางจำพวกไม่ง้อประตู ช่องเล็กช่องน้อยทั้งหลายมันก็เข้ามาได้หมด
ก่อนขึ้นไปนั่งให้เหลือบมองเบาะและพื้นรอบๆด้วยก็จะดีมาก และอย่าปล่อยให้รถรก
เพราะถ้ามีแขกไม่ได้รับเชิญแอบขึ้นรถมาจะได้ไหวตัวทัน
ขอบคุณทุกความคิดเห็นอีกครั้งค่ะ ^^
ช่วยด้วยค่ะ!!! งูเข้าห้องเครื่อง city
ตัวมันไม่ใหญ่มากเลยกลัวว่ามันจะเข้ามาทางช่องแอร์ ยอมรับค่ะว่าวิตกจริตมากๆ
ตอนนี้หลอน...นนน มากๆ ไม่กล้าใช้รถเลยค่ะ TT^TT
**แวะมาเล่าเรื่องราวโดยละเอียด+ความคืบหน้าไว้เป็นอุทาหรณ์ เผื่อใครเจอเหตุการณ์เดียวกันค่ะ
เป็นงูจริงๆค่ะไม่ได้เล่นมุก ตัวลายๆหัวเล็กเท่านิ้วก้อยคล้ายๆรูปสามเหลี่ยม
ลำตัวประมาณนิ้วกลาง ยาวประมาณหนึ่งเมตรเห็นจะได้
ตอนแรกก็ไม่รู้ว่างูอะไร เพราะตอนเกิดเหตุอยู่คนเดียวค่ะ
กระโดดอยู่คนเดียว กรี๊ดอยู่คนเดียว สติแตกอยู่คนเดียว -*-
หลังเหตุการณ์สงบเลยลองถามน้าดู น้าบอกว่าน่าจะเป็นงูแมวเซา(มั้ง)
เพราะที่บ้านงูแมวเซากะงูเห่าจะเยอะ.. บรื้อออ ขนลุก
มันมาจากไหนอย่างไรไม่ทราบ รู้แต่ว่ามันไต่อยู่ฝากระโปรงท้าย บอกตรงๆค่ะว่าตอนแรกไม่เห็น
มันน่าจะเห็นเราก่อนแล้ว พอมันยกหัวขึ้นส่ายไปมา หางตาจึงเหลือบไปว่าอะไรเคลื่อนไหวอยู่
เท่านั้นแหละเราก็ไม่รู้จะทำไง พยายามหาไม้ที่ยาวที่สุดเพื่อจะเขี่ยแต่ก็หาไม่ได้ มีแต่สั้นๆ
ซักพักมันก็ลงไปอยู่ตรงซอกช่องยางรีดน้ำที่เป็นยางระหว่างกระจกหลังกับฝาท้าย
พอเห็นอย่างนั้นแล้วกลัวมากค่ะ กลัวว่ามันจะมุดเข้าไปฝากระโปรงท้าย
แล้วย้ายไปนอนเล่นในห้องโดยสาร ถ้ามันเข้าไปได้ล่ะก็..งานยักษ์เลยทีเดียว
(จริงๆมันเข้าได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ตอนนั้นก็ค่อนข้างสติแตกค่ะ กังวลไปหมด)
วินาทีนั้นบอกตรงค่ะว่าไม่กลัวบาป วิ่งไปคว้ากระป๋องดีดีทีมาฉีดไล่ ขอแค่ให้มันไปไกลๆก็พอ
ได้ผลค่ะ มันเลื้อยลงมาที่พื้น แต่แทนที่มันจะหนีไป มันดันเข้าไปใต้ท้องรถ
ก้มๆเงยๆดูได้แค่ไกลๆ หัวมันขึ้นไปทางใต้ท้องรถหลังจากนั้นหางมันก็ตามขึ้นไป
ในใจก็นึก ทำไงดี ทำไงดี จะเปิดฝากระโปรงหน้าก็ไม่กล้า
กลัวตอนที่ต้องเอานิ้วเข้าไปปลดล็อค มันจะแอบออกมาจ๊ะเอ๊
เราก็เลยวิ่งไปสตาร์ทเครื่อง ไม่ทันคิดหรอกค่ะ ว่ามันอาจจะตายหรือทำให้เครื่องยนต์เสียหาย
กะว่าถ้าเครื่องสั่นๆ เสียงดังๆ มันคงจะหนีไป แต่ก็ไม่เห็นมันจะออกมา
ปัญหามันอยู่ที่ว่า ถ้ามันอยู่ในห้องเครื่องอย่างเดียว ไม่ย้ายมาที่ห้องโดยสารก็คงไม่เป็นไร
แต่กังวลค่ะ และไม่แน่ใจเลยวิ่งมาโพสถามผู้รู้ในกระทู้ หลังจากนั้นก็หาเบอร์โทร
ศูนย์ฉุกเฉินของฮอนด้า เพื่อเช็คให้แน่ใจว่ามันจะเข้ามาไม่ได้
ตอนแรกเรากังวลว่าจะมันอาจจะเข้ามาทางช่องแอร์ เพราะหัวมันไม่ใหญ่มาก
และโดยคุณสมบัติของความเป็นงู มันหยืดหยุ่นได้ ช่องเล็กๆ คงไม่มีปัญหาสำหรับมัน
ทางช่างเทคนิคเค้าก็แจ้งให้เราใจชื้นค่ะ ว่ามันเข้าทางช่องแอร์ไม่ได้แน่นอน
เพราะมีก้อนขี้หมาอุดไว้แล้ว ... แต่ค่ะแต่.. หลังจากที่สบายใจได้ไม่เกิน 10 วินาที
ช่างก็บอกว่า ที่น่าห่วงน่าจะเป็นช่องสายไฟในคอนโซลหน้ามากกว่า หากมีพื้นที่เหลือ
ก็มีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน เท่านั้นแหละค่ะ บอกได้คำเดียวว่าหลอน...นนนน มากๆ
เลยวิ่งไปขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้าน เค้าก็เลยมาเปิดเช็คให้
โชคดีที่ทั้งรถมีแค่(ตุ๊กตา)น้องหมีกะน้องเต่าสองตัวเท่านั้น ไม่เห็นน้องงู
มันอาจจะหนีไปแล้ว หรือไม่ก็ไปนอนเล่นบนพลาสติกใต้ท้องรถ
ตอนนี้คงต้องลุ้นกันเอาเองค่ะ ว่ามันอยากอยู่หรืออยากไป..
จากเหตุการณ์ในวันนี้ สอนให้รู้ว่า...
ก่อนขึ้นรถ ควรเดินสำรวจรอบรถทุกครั้ง จะได้รู้ว่าตัวประหลาดขอโดยสารฟรีหรือไม่
หากไม่จำเป็นอย่าเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ถึงไม่เปิดประตูทิ้งไว้ก็อย่าชะล่าใจค่ะ
สัตว์บางจำพวกไม่ง้อประตู ช่องเล็กช่องน้อยทั้งหลายมันก็เข้ามาได้หมด
ก่อนขึ้นไปนั่งให้เหลือบมองเบาะและพื้นรอบๆด้วยก็จะดีมาก และอย่าปล่อยให้รถรก
เพราะถ้ามีแขกไม่ได้รับเชิญแอบขึ้นรถมาจะได้ไหวตัวทัน
ขอบคุณทุกความคิดเห็นอีกครั้งค่ะ ^^