จากที่เคยอ่านประสบการณ์ท่านอื่นมานาน ก็เลยจะลองแชร์ประสบการณ์การได้ไปเยือนสิงคโปร์ ครั้งแรกของการเที่ยวต่างแดนแบบจริงๆจังๆ ครับ
เริ่มจากเมื่อปีที่แล้ว ช่วงเดือน ก.ค. 2012 แอร์เอชียมีโปร ราคาถูก ซึ่งก็เป็นการหัดจองครั้งแรกเหมือนกัน เดาๆสุ่มๆ เมื่อถึงเวลาที่เขาให้เริ่มจองก็ นึกอะไรไม่ออกว่าจะไปไหน เลยโทรหาเพื่อนก่อนว่า อยากไปไหน เลยเลือกที่จะไปสิงคโปร์กัน
ถามไปมา ก็หาเพื่อนได้ 2 คน ที่จะไปด้วยกัน เลยเลือกจอง ได้ตํ๋ว ไปกลับ 4,283 บาท ก็เนื่องจากทำครั้งแรก เลยเลือกซะทุกอย่าง ทั้งโหลดกระเป๋า เลือกที่นั่ง และ ประกันภัย เอาครบเลย
และก่อนที่จะได้เดินทางกัน ประมาณ 1 เดือน คนที่จะไปด้วยกัน 1 คนก็ได้สละตั๋วซะ เพราะลางานไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ได้จองโรงแรม เพราะยังหวังว่า จะได้ไปด้วยกันอยู่ จนเหลือ 2 สัปดาห์ เขาว่าไม่ได้ไปด้วยแล้วจริงๆ เหลือกันแค่ 2 คน เลยได้จองโรงแรม
ผ่าน Agoda เพื่อนแนะนำว่า แถว Gaylang ราคาถูก เลยเลือกได้ Hotel 101 (โรงแรมร้อยเอ็ดน่ะน่ะ) ที่จริงจะนอนกัน 3 คืน แต่เพื่อนบอกให้จองก่อนแค่ 2 คืน เผื่ออยากเปลี่ยนว่างั้น เราก็เลยได้จอง 2 คืน
ก่อนเดินทางก็ทำการเตรียมใบจองโรงแรม และทำเว็บเช็คอินไว้ และที่สำคัญหาซื้อหนังสือแนะนำเที่ยวสิงคโปร์ไว้ติดไปด้วย
เมื่อวันเดินทาง 22 มี.ค. ก็ได้ลางานช่วงบ่ายเพื่อเตรียมอะไรต่างๆ สำหรับขึ้นเครื่องรอบ 18.50 น. ก็วานให้น้องที่รู้จักไปส่งที่ดอนเมือง ออกจากบ้านยุดยา ก็ประมาณ 16.00 น. ถึงดอนเมืองก็ เกือบๆ 17.00 น.
ถึงดอนเมืองแล้ว ก็ยังต้องรอเพื่อนที่จะไปด้วยกัน เขาอยู่แถวบางบอน กว่าเพื่อนจะมาก็เกือบๆ 17.40 น. แล้ว จึงพากันไปแลกเงิน
แล้วก็ไปโหลดกระเป๋ากัน
เวลาก็จวนที่จะ18.20 น.แล้ว เพื่อนก็ยังโอ้เอ้อยากกินข้าวอีก ก็เลยพาไปหาข้าวกิน จากนั้นก็รีบๆกัน ไปที่เกทสำหรับขึ้นเครื่อง เมื่อถึงเวลา ก็ได้ขึ้นเครื่อง เครื่องออกก็ 19.00 น. นิดหน่อย
เดินทางกลางคืนก็ได้เห็นวิวกรุงเทพ ตอนกลางคืน สวยดีครับ
นั่งเครื่อง 2 ชม.กว่าๆ ก็ถึงดินแดนสิงคโปร์แล้วหละ แต่ไปถึงบ้านเขาก็ 22.30 น.แล้ว ต้องรีบๆกันเพื่อที่จะไปหาโรงแรมที่ได้จองไว้กัน กลัวเขาจะปิดเช็คอินก่อน เลยต้องรีบมากๆ แต่ในการจองก็แจ้งเขาไว้อยู่ว่าจะเช็คอินช้า เนื่องจากถึงดึก แต่ก็กลัวไว้ก่อน
เมื่อลงเครื่องได้ก็ต้องอ่านตามหนังสือกัน หารถไฟฟ้าย้าย Terminal เพื่อที่จะต่อรถเข้าเมือง ซึ่งก็ต้องอาศัยหนังสือที่เราพกติดตัวนั่นแหละ ช่วยได้มาก
พากันซื้อตั๋ว Easy link กันเพื่อความสะดวก ขึ้นจากสถานี Changi ไปลง สถานี Tanah Merah เพื่อเปลี่ยนรถ ต่อไปลงที่ สถานี Aljunied เพราะ Hotel 101 อยู่ แถว Geylang Lorong 12 ซึ่งโรงแรมอยู่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้ามาก
เมื่อลงจากรถไฟฟ้าแล้ว ก็ถามทางไปโรงแรมกัน ดีที่ป้าแกใจดี บอกละเอียดเลย ซึ่งแกคงไปทางเดียวกัน และพอเห็นเราจะไปผิด แกก็บอกใหม่ แต่ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่ง แถมยังต้องลากกระเป๋าอีก เหนื่อยมาก คิดๆกันว่าถ้าบ้านเขามีพี่วิน เราคงไม่เหนื่อย เพราะถ้าให้ขึ้นรถเมล์คงลงกันไปกันไม่ถึงโรงแรมแน่ ส่วนแท็กซี่ก็ยังไม่กล้าเรียก เลยต้องเดินเท้ากัน
กว่าจะไปถึงโรงแรมก็ เกือบ 24.00 กันเลยหละ ส่งใบจองให้เขาดูพร้อมพาสปอร์ต เขาก็ส่งกุญแจห้องให้ ถึงห้องก็เอากระเป๋าเก็บก่อน เพราะหิวจึงต้องลงมาหาอะไรกินกันก่อน ถึงแม้จะดึกแล้วก็ตาม

แต่ก็นึกแปลกใจ คนเมืองนี้พากันนอนดึกกันจัง ดึกแล้วคนก็ยังพลุกพล่าน เยอะแยะไปหมด และแถวๆโรงแรมก็ สาวบริการเพียบ
แต่เพราะความหิวก็ต้องเดินหาร้านอาหารเพื่อประทังความหิวกัน เดินกันอยู่นานเห็นร้านที่คนไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ พอมีที่นั่ง ก็เลยไปนั่งกัน
เพื่อนก็สั่งไป จานนี้คล้ายราดหน้า ราคาก็ประมาณ 6$
ส่วนเราก็ จานนี้คล้ายเส้นสปาเก็ตตี แต่คงไม่ใช่นัก ราคาก็เท่ากัน รสก็พอกินได้ เพราะไม่ใช่อาหารบ้านเรา
แล้วเห็นเมนู น้ำผึ้งมะนาว เลยขอลองซะ เป็นเยลลี่น้ำผึ้งผสมน้ำมะนาว ใส่ในน้ำแข็ง กะจะให้หายกระหาย แต่ก็ไม่เพราะไม่ใช่แบบน้ำซะเนี่ย แต่ก็อร่อยดี ราคาก็ 2.5$
ก่อนกลับขึ้นโรงแรม ก็แชะรูปนิดหน่อย เพราะเหนื่อยกัน
โรงแรมนี้ก็ดีที่มี Wifi ให้ใช้ถึงห้องเลย แต่บางทีสัญญาณก็อ่อน มีหลุดบ้างบางครั้ง จนเพื่อนต้องออกมาเล่นหน้าห้องเลยทีเดียว
ตอนเช้ากว่าจะตื่นกันได้ ก็ เกือบ 09.00 กันเลย ก็เตรียมชุดสีเจ็บๆ สำหรับการเดินเที่ยว
ออกจากโรงแรมสายๆ ก็ยังเห็นสาวๆ ยืนรอแขกกันอยู่เลย เขาหาเงินกัน 24 ชม. เลยหรือไงก็ไม่รู้
แต่ก็ไม่กล้าถ่ายรูปเขาหรอกครับ
ถ่ายวิวบ้านเมืองเขาไปเรื่อย
และนี่ก็สถานี Aljunied ต้นทางสำหรับวันแรกนี้ เราตกลงกันวันจะไป Sentosa กัน โดยที่ไม่ได้เตรียมว่าจะไปไหนกันต่อ แบบไปเรื่อยๆตามกำลัง
พากันขึ้นลงรถไฟตามที่อ่านในหนังสือ ไปถึง Marina Bay เพื่อข้ามไปยัง Sentosa แล้วพากันไปลงสถานี้ Imbiah เพื่อจะได้ไปถ่ายรูปกับ Merlion ตัวที่อยู่ Sentosa กัน
เข้า Sentosa ก็ไม่ได้เล่นเครื่องเล่น หรือ เข้าอะไรที่ต้องเสียตังค์กันเลย แค่ไปถ่ายรูปกัน
ไปเห็นนี่มา เขาคงไว้สำหรับการแสดง เพราะไม่เปิดให้เข้า ได้แต่แอบถ่าย เห็นสวยดี
เดินกันเหนื่อย หิวๆ ก็พากันกิน KFC ซะ ราคาก็คงใกล้เคียงบ้านเรา
แต่มีอย่างที่ ราคาเกินไปก็ เจลาโต้นี่ โห แท่งเดียว 5.2$ เลยคร้าบ เพราะอยากกินเย็นๆ เลยต้องเอาซะ
พักขากันแป๊บ ก็เดินต่อไป Universal จุดถ่ายรูปเท่านั้นเอง
แล้วก็เดินเรื่อยๆ เพื่อจะกลับ โดยไม่ใช้บริการรถไฟฟ้า จึงได้รูป แถว Habour Front
สระน้ำสีฟ้าสวยมาก
เมื่อออกจาก Sentosa เราก็ชวนกันไปเดิน China Town ซึ่งมันคงไม่ไกลกันเท่าไหร่ แต่นั่งรถใต้ดินจึงไม่รู้เหนือ-ใต้เป็นยังไง มาโผล่เห็นตึกแนวจีนๆ ก็คงใช่แล้วหละ
ก็เลยพากันไปเดิน เห็นร้านขายน้ำหอมปลอดภาษี มีป้ายภาษาไทยต่างหาก เลยต้องแวะซะหน่อย
ก็ต่อราคาจนเขาไม่ขายให้ พอเราจะเดินหนีถึงลดให้นิดหน่อย แต่ก็เสียดายที่ไม่ได้ราคาที่เขาบอกตอนแรก ยังไงก็ถูกกว่าที่ซื้อผ่านเน็ตอยู่ดีหละ
เดินกันเรื่อยๆ
มาเจอวัดแนวแขก ไม่รู้จักชื่อ เพราะขี้เกียจอ่านแล้ว หนังสือเอาไว้อ่านหาเส้นทางอย่างเดียว
เวลา 16.00 น. กว่าๆ แล้ว ยังมีคนเข้า แต่เราก็ไม่กล้าเข้า เลยถ่ายได้แต่ภายนอก
เดินเรื่อยเปื่อยแล้วครับ
ถึงนี้แล้วเหมือนฝนจะตก ก็เลยพากันหาทาง ขึ้นรถไฟฟ้า เพื่อที่จะไปแถว Marina Bay Sand กัน
ก็พากัน หาทางไป Marina Bay Sand แต่ก็ไปลงสถานี Marina Bay ซะ ขึ้นลงสถานีกันเหนื่อย พอมองเห็นตึกแล้วก็ตกลงกันว่า เดินเอาก็ได้ว่ะ ใกล้นิดเดียว หุหุ แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยสุดๆครับ
ไปถึง Garden by the Bay ซะมืดแล้ว ถ่ายรูปไม่ชัดเลยได้แค่ไม่กี่รูปกัน
แล้วก็พากันเดินต่อมาที่สะพาน Helix
ถ่ายรูปกันสักพัก เขาก็เหมือนนัดกันเล่นไฟ ให้เราได้ถ่ายรูปสวยๆกัน
บ้านเราน่าจะมีบ้างนะ
ด้าน Singapore Flyer ก็เล่นด้วยอีกแน่ะ
ก็พากันเดินต่อมาแถวตึกทุเรียนกัน เจอเขาแสดงดนตรี ก็เลยได้โอกาสพัก
พอรู้สึกว่าดึกแล้ว ก็ชวนกันกลับ
ก่อนถึงโรงแรมก็แวะกินข้าวกัน เพราะความเหนื่อยเลยสั่งชุดใหญ่กัน ลองอาหานจีนที่ Foodloft32 3 จาน แนวอาหารจีน
นี่ก็ผัดบล็อคเคอรี่กุ้ง
นี่ผัดเต้าหู้
และหมูพริกไทยดำ
ราคา รวมน้ำอัดลม ข้าว 2 จาน ก็ 48.8$ ก็หาร 2 เพราะมีกัน สองคน
อิ่มกันแล้วก็กลับโรงแรม พัก ก่อนนอนก็อัพรูปขึ้นเฟซนิดหน่อย
น้องใหม่ขอแชร์ประสบการณ์ไปเที่ยวสิงคโปร์ กับเพื่อนสองคน แบบไปตามหนังสือแนะนำเที่ยวครับ
เริ่มจากเมื่อปีที่แล้ว ช่วงเดือน ก.ค. 2012 แอร์เอชียมีโปร ราคาถูก ซึ่งก็เป็นการหัดจองครั้งแรกเหมือนกัน เดาๆสุ่มๆ เมื่อถึงเวลาที่เขาให้เริ่มจองก็ นึกอะไรไม่ออกว่าจะไปไหน เลยโทรหาเพื่อนก่อนว่า อยากไปไหน เลยเลือกที่จะไปสิงคโปร์กัน
ถามไปมา ก็หาเพื่อนได้ 2 คน ที่จะไปด้วยกัน เลยเลือกจอง ได้ตํ๋ว ไปกลับ 4,283 บาท ก็เนื่องจากทำครั้งแรก เลยเลือกซะทุกอย่าง ทั้งโหลดกระเป๋า เลือกที่นั่ง และ ประกันภัย เอาครบเลย
และก่อนที่จะได้เดินทางกัน ประมาณ 1 เดือน คนที่จะไปด้วยกัน 1 คนก็ได้สละตั๋วซะ เพราะลางานไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ได้จองโรงแรม เพราะยังหวังว่า จะได้ไปด้วยกันอยู่ จนเหลือ 2 สัปดาห์ เขาว่าไม่ได้ไปด้วยแล้วจริงๆ เหลือกันแค่ 2 คน เลยได้จองโรงแรม
ผ่าน Agoda เพื่อนแนะนำว่า แถว Gaylang ราคาถูก เลยเลือกได้ Hotel 101 (โรงแรมร้อยเอ็ดน่ะน่ะ) ที่จริงจะนอนกัน 3 คืน แต่เพื่อนบอกให้จองก่อนแค่ 2 คืน เผื่ออยากเปลี่ยนว่างั้น เราก็เลยได้จอง 2 คืน
ก่อนเดินทางก็ทำการเตรียมใบจองโรงแรม และทำเว็บเช็คอินไว้ และที่สำคัญหาซื้อหนังสือแนะนำเที่ยวสิงคโปร์ไว้ติดไปด้วย
เมื่อวันเดินทาง 22 มี.ค. ก็ได้ลางานช่วงบ่ายเพื่อเตรียมอะไรต่างๆ สำหรับขึ้นเครื่องรอบ 18.50 น. ก็วานให้น้องที่รู้จักไปส่งที่ดอนเมือง ออกจากบ้านยุดยา ก็ประมาณ 16.00 น. ถึงดอนเมืองก็ เกือบๆ 17.00 น.
ถึงดอนเมืองแล้ว ก็ยังต้องรอเพื่อนที่จะไปด้วยกัน เขาอยู่แถวบางบอน กว่าเพื่อนจะมาก็เกือบๆ 17.40 น. แล้ว จึงพากันไปแลกเงิน
แล้วก็ไปโหลดกระเป๋ากัน
เวลาก็จวนที่จะ18.20 น.แล้ว เพื่อนก็ยังโอ้เอ้อยากกินข้าวอีก ก็เลยพาไปหาข้าวกิน จากนั้นก็รีบๆกัน ไปที่เกทสำหรับขึ้นเครื่อง เมื่อถึงเวลา ก็ได้ขึ้นเครื่อง เครื่องออกก็ 19.00 น. นิดหน่อย
เดินทางกลางคืนก็ได้เห็นวิวกรุงเทพ ตอนกลางคืน สวยดีครับ
นั่งเครื่อง 2 ชม.กว่าๆ ก็ถึงดินแดนสิงคโปร์แล้วหละ แต่ไปถึงบ้านเขาก็ 22.30 น.แล้ว ต้องรีบๆกันเพื่อที่จะไปหาโรงแรมที่ได้จองไว้กัน กลัวเขาจะปิดเช็คอินก่อน เลยต้องรีบมากๆ แต่ในการจองก็แจ้งเขาไว้อยู่ว่าจะเช็คอินช้า เนื่องจากถึงดึก แต่ก็กลัวไว้ก่อน
เมื่อลงเครื่องได้ก็ต้องอ่านตามหนังสือกัน หารถไฟฟ้าย้าย Terminal เพื่อที่จะต่อรถเข้าเมือง ซึ่งก็ต้องอาศัยหนังสือที่เราพกติดตัวนั่นแหละ ช่วยได้มาก
พากันซื้อตั๋ว Easy link กันเพื่อความสะดวก ขึ้นจากสถานี Changi ไปลง สถานี Tanah Merah เพื่อเปลี่ยนรถ ต่อไปลงที่ สถานี Aljunied เพราะ Hotel 101 อยู่ แถว Geylang Lorong 12 ซึ่งโรงแรมอยู่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้ามาก
เมื่อลงจากรถไฟฟ้าแล้ว ก็ถามทางไปโรงแรมกัน ดีที่ป้าแกใจดี บอกละเอียดเลย ซึ่งแกคงไปทางเดียวกัน และพอเห็นเราจะไปผิด แกก็บอกใหม่ แต่ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่ง แถมยังต้องลากกระเป๋าอีก เหนื่อยมาก คิดๆกันว่าถ้าบ้านเขามีพี่วิน เราคงไม่เหนื่อย เพราะถ้าให้ขึ้นรถเมล์คงลงกันไปกันไม่ถึงโรงแรมแน่ ส่วนแท็กซี่ก็ยังไม่กล้าเรียก เลยต้องเดินเท้ากัน
กว่าจะไปถึงโรงแรมก็ เกือบ 24.00 กันเลยหละ ส่งใบจองให้เขาดูพร้อมพาสปอร์ต เขาก็ส่งกุญแจห้องให้ ถึงห้องก็เอากระเป๋าเก็บก่อน เพราะหิวจึงต้องลงมาหาอะไรกินกันก่อน ถึงแม้จะดึกแล้วก็ตาม
แต่ก็นึกแปลกใจ คนเมืองนี้พากันนอนดึกกันจัง ดึกแล้วคนก็ยังพลุกพล่าน เยอะแยะไปหมด และแถวๆโรงแรมก็ สาวบริการเพียบ
แต่เพราะความหิวก็ต้องเดินหาร้านอาหารเพื่อประทังความหิวกัน เดินกันอยู่นานเห็นร้านที่คนไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ พอมีที่นั่ง ก็เลยไปนั่งกัน
เพื่อนก็สั่งไป จานนี้คล้ายราดหน้า ราคาก็ประมาณ 6$
ส่วนเราก็ จานนี้คล้ายเส้นสปาเก็ตตี แต่คงไม่ใช่นัก ราคาก็เท่ากัน รสก็พอกินได้ เพราะไม่ใช่อาหารบ้านเรา
แล้วเห็นเมนู น้ำผึ้งมะนาว เลยขอลองซะ เป็นเยลลี่น้ำผึ้งผสมน้ำมะนาว ใส่ในน้ำแข็ง กะจะให้หายกระหาย แต่ก็ไม่เพราะไม่ใช่แบบน้ำซะเนี่ย แต่ก็อร่อยดี ราคาก็ 2.5$
ก่อนกลับขึ้นโรงแรม ก็แชะรูปนิดหน่อย เพราะเหนื่อยกัน
โรงแรมนี้ก็ดีที่มี Wifi ให้ใช้ถึงห้องเลย แต่บางทีสัญญาณก็อ่อน มีหลุดบ้างบางครั้ง จนเพื่อนต้องออกมาเล่นหน้าห้องเลยทีเดียว
ตอนเช้ากว่าจะตื่นกันได้ ก็ เกือบ 09.00 กันเลย ก็เตรียมชุดสีเจ็บๆ สำหรับการเดินเที่ยว
ออกจากโรงแรมสายๆ ก็ยังเห็นสาวๆ ยืนรอแขกกันอยู่เลย เขาหาเงินกัน 24 ชม. เลยหรือไงก็ไม่รู้
แต่ก็ไม่กล้าถ่ายรูปเขาหรอกครับ
ถ่ายวิวบ้านเมืองเขาไปเรื่อย
และนี่ก็สถานี Aljunied ต้นทางสำหรับวันแรกนี้ เราตกลงกันวันจะไป Sentosa กัน โดยที่ไม่ได้เตรียมว่าจะไปไหนกันต่อ แบบไปเรื่อยๆตามกำลัง
พากันขึ้นลงรถไฟตามที่อ่านในหนังสือ ไปถึง Marina Bay เพื่อข้ามไปยัง Sentosa แล้วพากันไปลงสถานี้ Imbiah เพื่อจะได้ไปถ่ายรูปกับ Merlion ตัวที่อยู่ Sentosa กัน
เข้า Sentosa ก็ไม่ได้เล่นเครื่องเล่น หรือ เข้าอะไรที่ต้องเสียตังค์กันเลย แค่ไปถ่ายรูปกัน
ไปเห็นนี่มา เขาคงไว้สำหรับการแสดง เพราะไม่เปิดให้เข้า ได้แต่แอบถ่าย เห็นสวยดี
เดินกันเหนื่อย หิวๆ ก็พากันกิน KFC ซะ ราคาก็คงใกล้เคียงบ้านเรา
แต่มีอย่างที่ ราคาเกินไปก็ เจลาโต้นี่ โห แท่งเดียว 5.2$ เลยคร้าบ เพราะอยากกินเย็นๆ เลยต้องเอาซะ
พักขากันแป๊บ ก็เดินต่อไป Universal จุดถ่ายรูปเท่านั้นเอง
แล้วก็เดินเรื่อยๆ เพื่อจะกลับ โดยไม่ใช้บริการรถไฟฟ้า จึงได้รูป แถว Habour Front
สระน้ำสีฟ้าสวยมาก
เมื่อออกจาก Sentosa เราก็ชวนกันไปเดิน China Town ซึ่งมันคงไม่ไกลกันเท่าไหร่ แต่นั่งรถใต้ดินจึงไม่รู้เหนือ-ใต้เป็นยังไง มาโผล่เห็นตึกแนวจีนๆ ก็คงใช่แล้วหละ
ก็เลยพากันไปเดิน เห็นร้านขายน้ำหอมปลอดภาษี มีป้ายภาษาไทยต่างหาก เลยต้องแวะซะหน่อย
ก็ต่อราคาจนเขาไม่ขายให้ พอเราจะเดินหนีถึงลดให้นิดหน่อย แต่ก็เสียดายที่ไม่ได้ราคาที่เขาบอกตอนแรก ยังไงก็ถูกกว่าที่ซื้อผ่านเน็ตอยู่ดีหละ
เดินกันเรื่อยๆ
มาเจอวัดแนวแขก ไม่รู้จักชื่อ เพราะขี้เกียจอ่านแล้ว หนังสือเอาไว้อ่านหาเส้นทางอย่างเดียว
เวลา 16.00 น. กว่าๆ แล้ว ยังมีคนเข้า แต่เราก็ไม่กล้าเข้า เลยถ่ายได้แต่ภายนอก
เดินเรื่อยเปื่อยแล้วครับ
ถึงนี้แล้วเหมือนฝนจะตก ก็เลยพากันหาทาง ขึ้นรถไฟฟ้า เพื่อที่จะไปแถว Marina Bay Sand กัน
ก็พากัน หาทางไป Marina Bay Sand แต่ก็ไปลงสถานี Marina Bay ซะ ขึ้นลงสถานีกันเหนื่อย พอมองเห็นตึกแล้วก็ตกลงกันว่า เดินเอาก็ได้ว่ะ ใกล้นิดเดียว หุหุ แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยสุดๆครับ
ไปถึง Garden by the Bay ซะมืดแล้ว ถ่ายรูปไม่ชัดเลยได้แค่ไม่กี่รูปกัน
แล้วก็พากันเดินต่อมาที่สะพาน Helix
ถ่ายรูปกันสักพัก เขาก็เหมือนนัดกันเล่นไฟ ให้เราได้ถ่ายรูปสวยๆกัน
บ้านเราน่าจะมีบ้างนะ
ด้าน Singapore Flyer ก็เล่นด้วยอีกแน่ะ
ก็พากันเดินต่อมาแถวตึกทุเรียนกัน เจอเขาแสดงดนตรี ก็เลยได้โอกาสพัก
พอรู้สึกว่าดึกแล้ว ก็ชวนกันกลับ
ก่อนถึงโรงแรมก็แวะกินข้าวกัน เพราะความเหนื่อยเลยสั่งชุดใหญ่กัน ลองอาหานจีนที่ Foodloft32 3 จาน แนวอาหารจีน
นี่ก็ผัดบล็อคเคอรี่กุ้ง
นี่ผัดเต้าหู้
และหมูพริกไทยดำ
ราคา รวมน้ำอัดลม ข้าว 2 จาน ก็ 48.8$ ก็หาร 2 เพราะมีกัน สองคน
อิ่มกันแล้วก็กลับโรงแรม พัก ก่อนนอนก็อัพรูปขึ้นเฟซนิดหน่อย