การแก้สี เป็นขบวนการหลังการถ่ายทำ Post Production
หลังจากการตัดต่อเบื้องตนเสร็จแล้ว
เคยมั้ย บ่อยเลย กับการแก้สีที่ถ่ายมาด้วย DSLR
การพยายามแก้โดยใช้ตัวแก้ ใน color correction 3 ways
ของ Final cut pro 7 หรือ X
แก้ยังงัยก็ไม่เห็นสวยงามเหมือนที่เค้าทำกัน
พยายามเอาไปเกรดแก้สีบนเครื่อง Telecine ราคาแพงก็แพงมาก
ชั่วโมงละ 20,000 บาท ถูกๆ ก็ 15,000 ก็ยังได้ไม่สะใจ
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมได้พูดคุยกับผู้กำกับ น้องๆท่านหนึ่ง
เค้าบอกผมว่าพี่ไปหา preset สีที่เค้าตั้งค่าเอาไว้แล้ว
เอามาใข้สิพี่
ปัญญาพุ่งแล่น
Google search คำว่า Preset color correction
มาเพียบ เยอะ มากมาย
แต่มาสะดุดอยู่ที่ home page หนึ่ง
http://fenchel-janisch.com/presets-color-grading-after-effects-presets
โอ้เจอค่า preset สีแบบฟรี download 50 preset
พระเจ้านี่คือโลกแห่งการพัฒนาแล้วจริงๆ
เอามาแจก เอามาโชว์เอามาแข่ง
และผมเชื่อว่าลอง search ไปเยอะๆ ก็อาจจะมีอีก
ผมจึง share link ไปให้น้องที่ทำงาน post ด้วยกันบ่อยๆ
ว่าลอง test ดูหน่อยสิ เพราะมันเป็น preset แก้สี
บนโปรแกรม after effect
วันต่อมาน้องคนแรกที่ทำ cg ส่ง preset บน final cut pro x มาให้
บอกว่าพี่ test เองเลยดิ
บ้า.. ผม
เกลียด final cut pro x มากซื้อมา 299 USD
ใช้ครั้งเดียวเลิก ใช้ยาก เพราะไม่ค่อยเข้าใจ
น้องเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวนี้มันง่ายขึ้นเยอะ ลองดูเด๋วก็ชิน
เพราะ apple พัฒนาบน final cut pro x มากกว่า final cut pro 7
และเมื่อวานก็ยังไม่ได้ test เพราะยังทำใจไม่ได้กับ final cut pro x
ส่วนน้องอีกคนเซียนตัดต่อ ก็บอกว่ายังไม่มีเวลา test เหมือนกัน
-
วันนี้โชคดีแต่เช้า DVD drive เจ๊ง หรือแผ่นเก่าก็ไม่ทราบ
write ให้ลูกค้าไม่ได้ เลยไปขอความช่วยเหลือให้น้องเค้า write ให้หน่อย
แล้วก็เอาแผ่นตัวเองไปด้วย จะได้รู้ว่า drive เสีย หรือแผ่นมันเก่า
ปรากฎว่า write สะดวกผ่านฉลุยด้วยแผ่นของผม
นึกในใจเสียเงินเปลี่ยน DVD drive อีกแล้วกู
ระหว่างรอ write ก็เลยมีโอกาศพูดคุยกับน้องว่า เออ
ลอง preset สีรึยัง คำตอบยังพี่แต่มันต้องถ่ายมาด้วย mode
cinestyle
cinestyle
cinestyle
cinestyle
ถึงจะใช้ preset แก้ลีนี้ได้ดี
ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
จรืงๆ ครับให้ตายเถอะ
น้องเค้าเลยอธิบายให้ฟังว่า
ในบรรดากล้อง DSLR ที่นิยมทั้งหลาย
จะไม่มี mode นี้ จะต้องไป download มาลง com
แล้วลงกล้อง
นั่นดิ่ ตากล้องก็ไม่เห็นเคยบอกว่ามีแบบนี้เลยนะ
น้องเค้าเล่าต่อว่าภาพที่ถ่ายมาจะสีตุ่นๆ
ผมถึงบางอ้อ ความคิดผม rewind กลับไปที่ปี 2003
สาส นี่มันเบสิคที่มีมานานแล้วนี่หว่า
การที่ภาพถ่ายมาเป็นสีตุ่นๆ เนื่องจาก การถ่ายด้วย mode นี้
เราจะได้ภาพ mid tone มามากกว่าปกติ
ซึ่งทำให้เราสามารถแก้สีได้มากกว่า
ภาพ rewind ไปที่ผมดู web วันก่อน
http://fenchel-janisch.com/presets-color-grading-after-effects-presets
http://fenchel-janisch.com
มิน่าทำมัยฝรั่งมันเอาภาพมาเปรียบเทียบก่อนหลัง
ภาพก่อนแก้สี
ฝ้าๆ ตอนนั้นก็ยังคิดไม่ออก
ตอนนี้ถึงบางอ้อ
แล้วไอ้บอริสัสกล้องทำมัยไม่ให้มาด้วยเลยก็ไม่รู้ งง
บางท่านอาจรู้ดีอยู่แล้วเรื่องนี้ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นวงแคบๆ
เฉพาะพวกคนที่เรียกว่าเซียน
แต่ผมอยากให้คนรุ่นใหม่ๆ เด็กจบใหม่
อาจารย์นำเข้าไปสอนในมหาลัย
ที่เขียนมาเนี่ย ผมไม่ได้ตื่นเต้นกับมันเท่ากับ
มันคือเบสิคมากๆ ที่ผมเจอมาต้ังแต่ปี 2002-3
ที่ผมบอกว่า rewind กลับไปนั่นแหละ
มันคือเบสิคของการแก้สีที่ว่าต้องทำให้ค่า mid tone มีมากพอ
การแก้สีถึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อปี 2003 ผมมีประสบการณ์ไป telecine ที่ sydney
ฝรั่งก็เอา film ที่ถ่ายมาลง hard disk หรือ beta digi
มันก็ลงแบบตุ่นๆ ผมยังนึกในใจว่าจะทำให้มันดีๆ หน่อยก็ไม่ได้นะ
ผมคิดเอาเองว่าการ telecine รอบแรกมันไม่อยากแก้สีมากนัก
มันอยากให้เราดูการตัดต่อเป็นหลัก
และพอมันมาแก้สี full grade มันก็เอาสีตุ่นๆ จาก beta digi
มาแก้ แต่ผมไม่รู้
แต่ที่
เซียนคือมันทำเร็วมากคือถ้าคนไทยทำ
ก็ตก 12 ขั่วโมง
และยังไม่ได้ดีเท่ามัน
แต่นี่
ทำประมาณ 3 ชั่วโมงเสร็จ
ตอนนั้นผมไม่รู้หรอก
แต่ที่น่าสนใจ คนที่ทำแก้สีเค้าเรียกว่า colorist
ผมฟังดูมันก็เซียนดีนะ
แต่การทำงานมันเซียนกว่าแน่ๆ คือ มันไปเอารูปมาเป็นเล่ม
มาคุยกับผู้กำกับ ตอนนั้นผู้กำกับก็เป็นฝรั่ง
คือเราเป็น agency จ้าง house ที่ sydney
มันเหมือนเป็น manual preset ที่เอามาตกลงกันว่าจะไปทางไหน
ไอ้ฝรั่งผู้กำกับมันก็ต้องเอามาให้ creative เราดูว่ามันจะแก้สีเป็นแบบนี้
พวกเราก็เห็นด้วย
เรื่องดีคืออะไรครับ เรามีทางเดินไปทางที่เราตกลงกัน
แล้วไอ้ที่เราไม่เห็น ผู้กำกับอาจมีการส่งตัวอย่างสีมาตั้งแต่หลัง
pre production ก่อนถ่าย หรือมันอาจคุยกันก่อนถ่าย
ต่างกับฝั่งไทย ชอบบอกว่า เด๋วไปดูตอนแก้สี
บางทีก็ความเห็นต่างกันอีก ก็ยื้อกันไป มาเสียเงินค่าแก้สีบาน
-
แสดงว่าเบสิคตัวนี้มันมีมานานแล้ว
เวลาผ่านมาอีก 7-8 ปี
มีโอกาสไปแก้สีที่ฮ่องกง
ฮ่องกงมี colorist แก้สีที่เก่งมาก
ที่ไทยยังแพ้ฮ่องกงอยู่หลายขุม
ก็ไปเจอน้องที่ post house บอกว่า
มันลง telecine ทีเดียว เป็นสีแบบกลางๆ
แล้วค่อยเอาเทปที่ลงแล้วมาเกรดอีกที
ผมก็บอกว่ามันจะบ้าเหรอ ฟังแล้วงง
เมื่อวงแห่งความทรงจำมาบรรจบจึงถึงบางอ้อ
ที่นี้เรากลับมาปัจจุบัน
ถ่ายด้วยกล้อง 5D 6D 7D pana BMC
ด้วย mode cinestyle
ถ้าไม่มีไป load มา
https://www.technicolorcinestyle.com/forms/cinestyle-profile-download/
ถ่าย ถ่าย ถ่าย
ตัดด้วย final cut x
และถ้าใช้ตัวแก้บน after effect ก็ไป load preset
ตาม link ข้างบน
แต่ถ้าอยากเป็นเซียน
เราแก้ที่ effect ของ final cut x
color correction 3 ways แก้เองเลยครับท่าน
ปัญหาอีกอย่างการใช้ mouse ลากแก้มันอาจไม่ได้ feel
ก็ต้องไปซื้อ ลูกกลิ้ง 3 ball มาต่อ กับ com
ทีนี้พอได้สีที่ต้องการ เราก็จดค่าเอาไว้
หรือถ้าน้องยังไม่เก่งก็ต้องไปจดค่า preset ใน after effect
แล้วมาที่ effect color correction 3 ways ของ final cut x
หรือ 7 ก็ได้ เปลี่ยนให้เป็น numberic แล้วเราก็ใส่ค่า perset
ที่เราจดมา
ปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งที่เราถ่ายมามันจะไม่เหมือนที่ preset ถ่ายมา
ไม่ว่า contrast สี คน location
colorist จะต้องใช้การสังเกตุว่า ในส่วนสว่างถ้าเพี้ยนไปก็ปรับส่วนสว่าง
ถ้ามืดเพี้ยนก็ปรับส่วนมืด
และที่สำคัญคราวนี้เราสามารปรับส่วนที่เป็น mid tone ได้มากกว่าปรกติ
ซึ่งสามารถเปรียบเทียบทดลองดูเลยว่า
ถ้าไม่ได้ถ่ายเป็น cinestyle เราจะปรับส่วนที่เป็น mid tone ไม่ค่อยได้
จงอย่าเชื่อ โปรดทดลองดูครับ เราเป็นคนรุ่นใหม่
และในความเป็นคนไทยยุคใหม่ เราต้องหา preset ค่าสีของเราเอง
ถ้ามีน้องๆ ขยันทำซัก 100 คน 1,000 คน ผมว่าวงการนี้จะไปไกล
เพราะเราก็จะทำสีแปลกๆ สวยๆ ใหม่ๆ ให้คนรุ่นใหม่ดู
ส่วนคนที่เป็นรุ่นพี่ก็ควรเข้ามาส่งเสริมทฤษฎีสีกับน้องๆ
และที่สำตัญอย่ากั๊ก ควรเอามาแลกเปลี่ยนกัน แชร์เทคนิคกัน
เพราะในขั้นสูงเราต้องใช้การแก้แบบ shot by shot
รวมถึงการใช้เทคนิค masking ตัวกันแก้เฉพาะส่วน
ซึ่งตรงนั้น after effect ก็อาจจะสะดวกเหมือนกัน ฝรั่งมันถึงทำ Preset บน after effect
และถ้าใช้วิธีปรับเองบน final cut pro 7 ก็สามารถครับ เพราะเราใช้ color correction 3 ways
อยากเห็นสี preset โดยคนไทย
อยากให้ทำกันในวงกว้าง แข่งกันที่คุณภาพที่สูงขึ้น
ไม่ใช่ทำกันแค่วงแคบๆ วงการไม่พัฒนา
กั๊กหวงความรู้กลัวคนมาแย่งงาน พวกแก่ๆ พวกนี้ปล่อยแม่ตายไปเหอะ
ฝรั่งเขาพัฒนาเพราะเขาเอามาสอน
แล้วนคนที่เรียนก็เอาไปค้นคว้าต่อ เพิ่มพูนความรู้ขึ้นไป
-
วันนี้ขอจบเบื้องต้นแค่นี้ ใครมีคำถาม โพสต์มาเลยนะครับ
ตอบไม่ได้จะไปหาคำตอบมาตอบให้
แต่ที่สำคัญที่สุดการถ่ายทำต้องถ่ายมาให้ได้ตามแพลนที่วางไว้
การแก้สีเป็นเพียงการสร้างดรามาติคทางภาพ
ถ่าถ่ายมาห่วย แย่ ไม่ได้ถ่ายมาเพื่อ post production ก็จะเริ่มยากครับ
-
สำหรับพี่ๆ ที่เก่งเรื่องนี้ ทราบว่ารู้ดีกว่าผมอีกหลายเท่า
ถ้าอยากแชร์ประสบการณ์ เพจนี้ยินดีมากนะครับ
เพราะผมก็ไม่ได้รู้ลึกอะไรมากครับ
หรือถ้ามีเพจอยู่แล้วก็ โพสต์แชร์ link ให้น้องๆ ได้เรียน
ได้รู้กัน ครับ
ขอบคุณครับที่อ่าน
ชอบก็ไลท์
มีไรเจ๋งก็แชร์ต่อได้เลย
เขื่อว่ายังมีพี่ที่เก่งๆ อีกเยอะ
ฝากแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันเยอะๆ นะครับ
คัดลอกมาจาก เพจผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
facebook.com/pmkrrnmk
https://www.facebook.com/notes/ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน/color-correction-preset-color-การแก้สี-สีสวย-แก้ยาก-ใครบอก-colorist-เชื่อมั้ย/319080844885038 
Color Correction, Preset Color, การแก้สี สีสวย แก้ยาก ใครบอก Colorist เชื่อมั้ย (Post Production Film Maker)
หลังจากการตัดต่อเบื้องตนเสร็จแล้ว
เคยมั้ย บ่อยเลย กับการแก้สีที่ถ่ายมาด้วย DSLR
การพยายามแก้โดยใช้ตัวแก้ ใน color correction 3 ways
ของ Final cut pro 7 หรือ X
แก้ยังงัยก็ไม่เห็นสวยงามเหมือนที่เค้าทำกัน
พยายามเอาไปเกรดแก้สีบนเครื่อง Telecine ราคาแพงก็แพงมาก
ชั่วโมงละ 20,000 บาท ถูกๆ ก็ 15,000 ก็ยังได้ไม่สะใจ
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมได้พูดคุยกับผู้กำกับ น้องๆท่านหนึ่ง
เค้าบอกผมว่าพี่ไปหา preset สีที่เค้าตั้งค่าเอาไว้แล้ว
เอามาใข้สิพี่
ปัญญาพุ่งแล่น
Google search คำว่า Preset color correction
มาเพียบ เยอะ มากมาย
แต่มาสะดุดอยู่ที่ home page หนึ่ง
http://fenchel-janisch.com/presets-color-grading-after-effects-presets
โอ้เจอค่า preset สีแบบฟรี download 50 preset
พระเจ้านี่คือโลกแห่งการพัฒนาแล้วจริงๆ
เอามาแจก เอามาโชว์เอามาแข่ง
และผมเชื่อว่าลอง search ไปเยอะๆ ก็อาจจะมีอีก
ผมจึง share link ไปให้น้องที่ทำงาน post ด้วยกันบ่อยๆ
ว่าลอง test ดูหน่อยสิ เพราะมันเป็น preset แก้สี
บนโปรแกรม after effect
วันต่อมาน้องคนแรกที่ทำ cg ส่ง preset บน final cut pro x มาให้
บอกว่าพี่ test เองเลยดิ
บ้า.. ผม
ใช้ครั้งเดียวเลิก ใช้ยาก เพราะไม่ค่อยเข้าใจ
น้องเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวนี้มันง่ายขึ้นเยอะ ลองดูเด๋วก็ชิน
เพราะ apple พัฒนาบน final cut pro x มากกว่า final cut pro 7
และเมื่อวานก็ยังไม่ได้ test เพราะยังทำใจไม่ได้กับ final cut pro x
ส่วนน้องอีกคนเซียนตัดต่อ ก็บอกว่ายังไม่มีเวลา test เหมือนกัน
-
วันนี้โชคดีแต่เช้า DVD drive เจ๊ง หรือแผ่นเก่าก็ไม่ทราบ
write ให้ลูกค้าไม่ได้ เลยไปขอความช่วยเหลือให้น้องเค้า write ให้หน่อย
แล้วก็เอาแผ่นตัวเองไปด้วย จะได้รู้ว่า drive เสีย หรือแผ่นมันเก่า
ปรากฎว่า write สะดวกผ่านฉลุยด้วยแผ่นของผม
นึกในใจเสียเงินเปลี่ยน DVD drive อีกแล้วกู
ระหว่างรอ write ก็เลยมีโอกาศพูดคุยกับน้องว่า เออ
ลอง preset สีรึยัง คำตอบยังพี่แต่มันต้องถ่ายมาด้วย mode
cinestyle
cinestyle
cinestyle
cinestyle
ถึงจะใช้ preset แก้ลีนี้ได้ดี
ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
จรืงๆ ครับให้ตายเถอะ
น้องเค้าเลยอธิบายให้ฟังว่า
ในบรรดากล้อง DSLR ที่นิยมทั้งหลาย
จะไม่มี mode นี้ จะต้องไป download มาลง com
แล้วลงกล้อง
นั่นดิ่ ตากล้องก็ไม่เห็นเคยบอกว่ามีแบบนี้เลยนะ
น้องเค้าเล่าต่อว่าภาพที่ถ่ายมาจะสีตุ่นๆ
ผมถึงบางอ้อ ความคิดผม rewind กลับไปที่ปี 2003
สาส นี่มันเบสิคที่มีมานานแล้วนี่หว่า
การที่ภาพถ่ายมาเป็นสีตุ่นๆ เนื่องจาก การถ่ายด้วย mode นี้
เราจะได้ภาพ mid tone มามากกว่าปกติ
ซึ่งทำให้เราสามารถแก้สีได้มากกว่า
ภาพ rewind ไปที่ผมดู web วันก่อน
http://fenchel-janisch.com/presets-color-grading-after-effects-presets
http://fenchel-janisch.com
มิน่าทำมัยฝรั่งมันเอาภาพมาเปรียบเทียบก่อนหลัง
ภาพก่อนแก้สี
ตอนนี้ถึงบางอ้อ
แล้วไอ้บอริสัสกล้องทำมัยไม่ให้มาด้วยเลยก็ไม่รู้ งง
บางท่านอาจรู้ดีอยู่แล้วเรื่องนี้ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นวงแคบๆ
เฉพาะพวกคนที่เรียกว่าเซียน
แต่ผมอยากให้คนรุ่นใหม่ๆ เด็กจบใหม่
อาจารย์นำเข้าไปสอนในมหาลัย
ที่เขียนมาเนี่ย ผมไม่ได้ตื่นเต้นกับมันเท่ากับ
มันคือเบสิคมากๆ ที่ผมเจอมาต้ังแต่ปี 2002-3
ที่ผมบอกว่า rewind กลับไปนั่นแหละ
มันคือเบสิคของการแก้สีที่ว่าต้องทำให้ค่า mid tone มีมากพอ
การแก้สีถึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อปี 2003 ผมมีประสบการณ์ไป telecine ที่ sydney
ฝรั่งก็เอา film ที่ถ่ายมาลง hard disk หรือ beta digi
มันก็ลงแบบตุ่นๆ ผมยังนึกในใจว่าจะทำให้มันดีๆ หน่อยก็ไม่ได้นะ
ผมคิดเอาเองว่าการ telecine รอบแรกมันไม่อยากแก้สีมากนัก
มันอยากให้เราดูการตัดต่อเป็นหลัก
และพอมันมาแก้สี full grade มันก็เอาสีตุ่นๆ จาก beta digi
มาแก้ แต่ผมไม่รู้
แต่ที่
และยังไม่ได้ดีเท่ามัน
แต่นี่
ตอนนั้นผมไม่รู้หรอก
แต่ที่น่าสนใจ คนที่ทำแก้สีเค้าเรียกว่า colorist
ผมฟังดูมันก็เซียนดีนะ
แต่การทำงานมันเซียนกว่าแน่ๆ คือ มันไปเอารูปมาเป็นเล่ม
มาคุยกับผู้กำกับ ตอนนั้นผู้กำกับก็เป็นฝรั่ง
คือเราเป็น agency จ้าง house ที่ sydney
มันเหมือนเป็น manual preset ที่เอามาตกลงกันว่าจะไปทางไหน
ไอ้ฝรั่งผู้กำกับมันก็ต้องเอามาให้ creative เราดูว่ามันจะแก้สีเป็นแบบนี้
พวกเราก็เห็นด้วย
เรื่องดีคืออะไรครับ เรามีทางเดินไปทางที่เราตกลงกัน
แล้วไอ้ที่เราไม่เห็น ผู้กำกับอาจมีการส่งตัวอย่างสีมาตั้งแต่หลัง
pre production ก่อนถ่าย หรือมันอาจคุยกันก่อนถ่าย
ต่างกับฝั่งไทย ชอบบอกว่า เด๋วไปดูตอนแก้สี
บางทีก็ความเห็นต่างกันอีก ก็ยื้อกันไป มาเสียเงินค่าแก้สีบาน
-
แสดงว่าเบสิคตัวนี้มันมีมานานแล้ว
เวลาผ่านมาอีก 7-8 ปี
มีโอกาสไปแก้สีที่ฮ่องกง
ฮ่องกงมี colorist แก้สีที่เก่งมาก
ที่ไทยยังแพ้ฮ่องกงอยู่หลายขุม
ก็ไปเจอน้องที่ post house บอกว่า
มันลง telecine ทีเดียว เป็นสีแบบกลางๆ
แล้วค่อยเอาเทปที่ลงแล้วมาเกรดอีกที
ผมก็บอกว่ามันจะบ้าเหรอ ฟังแล้วงง
เมื่อวงแห่งความทรงจำมาบรรจบจึงถึงบางอ้อ
ที่นี้เรากลับมาปัจจุบัน
ถ่ายด้วยกล้อง 5D 6D 7D pana BMC
ด้วย mode cinestyle
ถ้าไม่มีไป load มา
https://www.technicolorcinestyle.com/forms/cinestyle-profile-download/
ถ่าย ถ่าย ถ่าย
ตัดด้วย final cut x
และถ้าใช้ตัวแก้บน after effect ก็ไป load preset
ตาม link ข้างบน
แต่ถ้าอยากเป็นเซียน
เราแก้ที่ effect ของ final cut x
color correction 3 ways แก้เองเลยครับท่าน
ปัญหาอีกอย่างการใช้ mouse ลากแก้มันอาจไม่ได้ feel
ก็ต้องไปซื้อ ลูกกลิ้ง 3 ball มาต่อ กับ com
ทีนี้พอได้สีที่ต้องการ เราก็จดค่าเอาไว้
หรือถ้าน้องยังไม่เก่งก็ต้องไปจดค่า preset ใน after effect
แล้วมาที่ effect color correction 3 ways ของ final cut x
หรือ 7 ก็ได้ เปลี่ยนให้เป็น numberic แล้วเราก็ใส่ค่า perset
ที่เราจดมา
ปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งที่เราถ่ายมามันจะไม่เหมือนที่ preset ถ่ายมา
ไม่ว่า contrast สี คน location
colorist จะต้องใช้การสังเกตุว่า ในส่วนสว่างถ้าเพี้ยนไปก็ปรับส่วนสว่าง
ถ้ามืดเพี้ยนก็ปรับส่วนมืด
และที่สำคัญคราวนี้เราสามารปรับส่วนที่เป็น mid tone ได้มากกว่าปรกติ
ซึ่งสามารถเปรียบเทียบทดลองดูเลยว่า
ถ้าไม่ได้ถ่ายเป็น cinestyle เราจะปรับส่วนที่เป็น mid tone ไม่ค่อยได้
จงอย่าเชื่อ โปรดทดลองดูครับ เราเป็นคนรุ่นใหม่
และในความเป็นคนไทยยุคใหม่ เราต้องหา preset ค่าสีของเราเอง
ถ้ามีน้องๆ ขยันทำซัก 100 คน 1,000 คน ผมว่าวงการนี้จะไปไกล
เพราะเราก็จะทำสีแปลกๆ สวยๆ ใหม่ๆ ให้คนรุ่นใหม่ดู
ส่วนคนที่เป็นรุ่นพี่ก็ควรเข้ามาส่งเสริมทฤษฎีสีกับน้องๆ
และที่สำตัญอย่ากั๊ก ควรเอามาแลกเปลี่ยนกัน แชร์เทคนิคกัน
เพราะในขั้นสูงเราต้องใช้การแก้แบบ shot by shot
รวมถึงการใช้เทคนิค masking ตัวกันแก้เฉพาะส่วน
ซึ่งตรงนั้น after effect ก็อาจจะสะดวกเหมือนกัน ฝรั่งมันถึงทำ Preset บน after effect
และถ้าใช้วิธีปรับเองบน final cut pro 7 ก็สามารถครับ เพราะเราใช้ color correction 3 ways
อยากเห็นสี preset โดยคนไทย
อยากให้ทำกันในวงกว้าง แข่งกันที่คุณภาพที่สูงขึ้น
ไม่ใช่ทำกันแค่วงแคบๆ วงการไม่พัฒนา
กั๊กหวงความรู้กลัวคนมาแย่งงาน พวกแก่ๆ พวกนี้ปล่อยแม่ตายไปเหอะ
ฝรั่งเขาพัฒนาเพราะเขาเอามาสอน
แล้วนคนที่เรียนก็เอาไปค้นคว้าต่อ เพิ่มพูนความรู้ขึ้นไป
-
วันนี้ขอจบเบื้องต้นแค่นี้ ใครมีคำถาม โพสต์มาเลยนะครับ
ตอบไม่ได้จะไปหาคำตอบมาตอบให้
แต่ที่สำคัญที่สุดการถ่ายทำต้องถ่ายมาให้ได้ตามแพลนที่วางไว้
การแก้สีเป็นเพียงการสร้างดรามาติคทางภาพ
ถ่าถ่ายมาห่วย แย่ ไม่ได้ถ่ายมาเพื่อ post production ก็จะเริ่มยากครับ
-
สำหรับพี่ๆ ที่เก่งเรื่องนี้ ทราบว่ารู้ดีกว่าผมอีกหลายเท่า
ถ้าอยากแชร์ประสบการณ์ เพจนี้ยินดีมากนะครับ
เพราะผมก็ไม่ได้รู้ลึกอะไรมากครับ
หรือถ้ามีเพจอยู่แล้วก็ โพสต์แชร์ link ให้น้องๆ ได้เรียน
ได้รู้กัน ครับ
ขอบคุณครับที่อ่าน
ชอบก็ไลท์
มีไรเจ๋งก็แชร์ต่อได้เลย
เขื่อว่ายังมีพี่ที่เก่งๆ อีกเยอะ
ฝากแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันเยอะๆ นะครับ
คัดลอกมาจาก เพจผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
facebook.com/pmkrrnmk
https://www.facebook.com/notes/ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน/color-correction-preset-color-การแก้สี-สีสวย-แก้ยาก-ใครบอก-colorist-เชื่อมั้ย/319080844885038