เมื่อคู่กรรมที่รับโดย ณเดช มาผลิตที่ค่ายนี้ก็แอบหวั่นใจแล้วว่ามันจะเหมือนเรื่องอื่นๆในค่ายรึเปล่า
แถมชื่อผู้กำกับ เราก็ไม่รู้ว่าแกดังมาจากหนังเรื่องอะไร
แต่เราเคยดูผลงานเค้านะ หลายเรื่องเลยทีเดียว แต่ดูแล้วก็จบไปไม่มีอะไรตราตรึง
แต่กระนั้น เราก็ยังอยากดูคู่กรรม V.ณเดช อยากสัมผัสบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักที่ค่ายหนังพยายามโปรโมทออกมา
ต้องยอมรับว่าการตลาดนั้นประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
ด้วยหน้าหนังที่ดูสุดแสนจะโรแมนติก เพลงประกอบที่ไพเราะเสียจนชั้นร้องตามเป็นภาษาญี่ปุ่นได้(แม้มันจะผิดๆถูกๆก็ตาม)
นางเอกใหม่ที่จะเปิดตัวให้พิสูจน์ความสามารถในหนังเรื่องแรกของเธอ
พร้อมการตีความหนังใหม่ที่ผู้กำกับเอาชื่อเสียงของตนเองมาการันตี
และขอให้ผู้ชมเปิดใจดู เราจึงได้ซื้อตั๋วเข้าไปพิสูจน์และพบว่า
..เราโดนหน้าหนังหลอกเข้าแล้วไง
เราไม่พบเห็นการตีความใหม่ตรงไหนใดๆเลย
นอกจากรวบรัดตัดตอนให้พระนางเจอกัน พระนางได้กัน โดนระเบิดสวยๆ แล้วก็ตายๆไปซะ
ส่วนที่ดีที่สุดของหนังคือนักแสดงนำชายจริง(ไม่ได้อวยนะ)
สามารถเล่นทุกฉากให้คนดูรู้สึกได้ว่าเค้ารู้สึกยังไงแม้ไม่มีบทพูด
เห็นสายตาที่บอกอะไรกับคนดูทุกฉากทุกตอน
แล้วยังได้ฟังภาษาไทยสำเนียงญี่ปุ่นที่ไม่มีโกโบริคนไหนพูดได้เลย มันเจ๋งมาก
..ส่วนนางเอก หวั่นๆตั้งแต่เห็นใบปิดหนังแล้วว่าเธอดูสายตาว่างเปล่า ดูไม่มีอะไรที่น่าจดจำเลย
นอกจากว่าเธอเป็นนางเอกหนังคนแรกของณเดช
ในส่วนของการแสดงเธอก็ไม่ได้ทำให้ชั้นรู้สึกกับเธอผิดไปแต่ประการใด
การแสดงของเธอมันช่างว่างเปล่า ไร้อารมณ์ ไม่สามารถสื่ออะไรได้เลยว่านางเอกรู้สึกยังไงกับพระเอก
คนดูจะรู้ว่าเธอรู้สึกอะไรได้โดยที่นางเอกพะงาบปากพูดเท่านั้น
มีหลายฉากมากที่นางเอกเงียบคล้ายต้องการจะสื่ออะไรบาง (แต่มันคงถึงแค่ผู้กำกับไม่ส่งมาถึงคนดู)
ซึ่งคนที่เคยดูมาก่อนบอกว่ามันคือฉากนึกในใจของนางเอก แต่ที่เราดูมีแค่ฉากเดียวบนสะพานก่อระเบิด
ฉากนั้นๆเลยดูเหมือนคนทั้งโรงโดนอังสุมาลินเสกคาถานะจังงัง เงียบกันทั้งโรง
แล้วมีเสียงบ่นว่่าหนังมันเงียบทำไมวะ
เหมือนฉากๆนี้มันต้องมีอะไร แต่ช้านนนนไม่รู้ว่ามันคืออะไร (ฮา)
ผลปรากฏคือทั้งโรงขำนางเอกซึ่งมันเลยดูตลกตัวนางเอกที่ยืนนิ่งๆตัวเอนไปมาเล็กน้อย
นางเอกแสดงหนังเหมือนโดนบังคับมา แสดงเหมือนว่าให้มันจบๆไป เพราะคนดันชั้นคือ ณเดช
แสดงแบบไม่คิดอะไรใดๆเลย(หรือไง)
แทนที่จะแจ้งเกิด แต่เธอดับอนาถตายก่อนโกโบริตายซะอีก
..นั่นคือความรับผิดชอบของผู้กำกับซึ่งต้องยอมรับว่า
1. เค้นความสามารถของนางเอกออกมาไม่ได้(หรือว่าไม่มี อันนี้ส่วนตัว..แฮ่ๆ)
2. บทหนังที่รวบรัดเสียจนคนที่ไม่เคยรู้จักคู่กรรมมาก่อนต้องรู้สึกว่า อะไรแว๊ ไอ้นี่มายังไง ไอ้นั่นเป็นใคร
แล้วมันมาทำอะไรกันที่นี่ โอ๊ยยย เยอะไม่ไหวจะพรรณนา
3. ตัวประกอบฉากที่ประหลาด ทุกคนดูอยู่ผิดที่ ผิดธรรมชาติ
บทพูดที่คนธรรมดาเค้าไม่พูดกัน แม่ลูกคุยกันก้อแสร้งทำเป็นสนิทกัน
ไม่มีสิ่งใดธรรมชาติเลยนอกจากพระเอก(แฮ่ อีกแล้ว)
ขนาดบทพูดของพระเอกดูไม่มีที่มาที่ไป
ดูผิดมนุษย์จะคุยกันแต่ณเดชก็ทำให้มันดูธรรมชาติอย่างไม่น่าเชื่อต้องนับถือ
4. ฉากหลายฉากที่ไม่รู้จะใส่เข้ามาทำไม ดูไม่จำเป็นเลย ฉากที่ควรมีดันไม่มี ฉากที่ไม่จำเป็น ดันเอามาใส่ซะงั้น (ทำเพื่อคร๊ายยย)
- เรื่องคำสัญญาของอังศุมาลินและวนัสมันดูตลกมาก
มันดูไม่ออกถ้าไม่พูดออกมาว่ามันกลับมาหากันตามสัญญา
ตอนพบเจอกันก็ดูเก้ๆกังๆ เป็นฉากพยายามสนิทจริงๆ ดูแล้วอึดอัดมาก(โว้ย!! คุยอะไรกันวะคะ)
วนัสแลดูเป็นนักศึกษาชาวร็อคผู้เรียกร้องอยากไปดูคอนเสิร์ตหนุ่มบาวสาวปานมากกว่าเป็นขบวนการลับใต้ดิน เสรีไทย
ต้องร้องว่าเฮ้อ!!ออกมาดังๆจริงๆ อึดอัดสุดๆ
- ฉากจบสามีตายนะคะได้ข่าว เสียใจได้แค่นี้เองหรอ ไม่มีวิ่งเข้าไปกอด
ไม่มีดึงทึ้งร่างกายสามีให้พ้นไปจากเศษซากปรักหักพัง ไม่มีร้องไห้ฟูมฟาย
นอกจากภาพสโลโมชั่นร้องไห้ เราเศร้าค่ะ เศร้าแทนจริงๆ
สุดท้ายนี้ต้องพูดว่า "พิสูจน์ด้วยตัวคุณเองเถอะค่ะ"
คู่กรรม V.ณเดช น่าเสียดายของจริงๆ
แถมชื่อผู้กำกับ เราก็ไม่รู้ว่าแกดังมาจากหนังเรื่องอะไร
แต่เราเคยดูผลงานเค้านะ หลายเรื่องเลยทีเดียว แต่ดูแล้วก็จบไปไม่มีอะไรตราตรึง
แต่กระนั้น เราก็ยังอยากดูคู่กรรม V.ณเดช อยากสัมผัสบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักที่ค่ายหนังพยายามโปรโมทออกมา
ต้องยอมรับว่าการตลาดนั้นประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
ด้วยหน้าหนังที่ดูสุดแสนจะโรแมนติก เพลงประกอบที่ไพเราะเสียจนชั้นร้องตามเป็นภาษาญี่ปุ่นได้(แม้มันจะผิดๆถูกๆก็ตาม)
นางเอกใหม่ที่จะเปิดตัวให้พิสูจน์ความสามารถในหนังเรื่องแรกของเธอ
พร้อมการตีความหนังใหม่ที่ผู้กำกับเอาชื่อเสียงของตนเองมาการันตี
และขอให้ผู้ชมเปิดใจดู เราจึงได้ซื้อตั๋วเข้าไปพิสูจน์และพบว่า
..เราโดนหน้าหนังหลอกเข้าแล้วไง
เราไม่พบเห็นการตีความใหม่ตรงไหนใดๆเลย
นอกจากรวบรัดตัดตอนให้พระนางเจอกัน พระนางได้กัน โดนระเบิดสวยๆ แล้วก็ตายๆไปซะ
ส่วนที่ดีที่สุดของหนังคือนักแสดงนำชายจริง(ไม่ได้อวยนะ)
สามารถเล่นทุกฉากให้คนดูรู้สึกได้ว่าเค้ารู้สึกยังไงแม้ไม่มีบทพูด
เห็นสายตาที่บอกอะไรกับคนดูทุกฉากทุกตอน
แล้วยังได้ฟังภาษาไทยสำเนียงญี่ปุ่นที่ไม่มีโกโบริคนไหนพูดได้เลย มันเจ๋งมาก
..ส่วนนางเอก หวั่นๆตั้งแต่เห็นใบปิดหนังแล้วว่าเธอดูสายตาว่างเปล่า ดูไม่มีอะไรที่น่าจดจำเลย
นอกจากว่าเธอเป็นนางเอกหนังคนแรกของณเดช
ในส่วนของการแสดงเธอก็ไม่ได้ทำให้ชั้นรู้สึกกับเธอผิดไปแต่ประการใด
การแสดงของเธอมันช่างว่างเปล่า ไร้อารมณ์ ไม่สามารถสื่ออะไรได้เลยว่านางเอกรู้สึกยังไงกับพระเอก
คนดูจะรู้ว่าเธอรู้สึกอะไรได้โดยที่นางเอกพะงาบปากพูดเท่านั้น
มีหลายฉากมากที่นางเอกเงียบคล้ายต้องการจะสื่ออะไรบาง (แต่มันคงถึงแค่ผู้กำกับไม่ส่งมาถึงคนดู)
ซึ่งคนที่เคยดูมาก่อนบอกว่ามันคือฉากนึกในใจของนางเอก แต่ที่เราดูมีแค่ฉากเดียวบนสะพานก่อระเบิด
ฉากนั้นๆเลยดูเหมือนคนทั้งโรงโดนอังสุมาลินเสกคาถานะจังงัง เงียบกันทั้งโรง
แล้วมีเสียงบ่นว่่าหนังมันเงียบทำไมวะ
เหมือนฉากๆนี้มันต้องมีอะไร แต่ช้านนนนไม่รู้ว่ามันคืออะไร (ฮา)
ผลปรากฏคือทั้งโรงขำนางเอกซึ่งมันเลยดูตลกตัวนางเอกที่ยืนนิ่งๆตัวเอนไปมาเล็กน้อย
นางเอกแสดงหนังเหมือนโดนบังคับมา แสดงเหมือนว่าให้มันจบๆไป เพราะคนดันชั้นคือ ณเดช
แสดงแบบไม่คิดอะไรใดๆเลย(หรือไง)
แทนที่จะแจ้งเกิด แต่เธอดับอนาถตายก่อนโกโบริตายซะอีก
..นั่นคือความรับผิดชอบของผู้กำกับซึ่งต้องยอมรับว่า
1. เค้นความสามารถของนางเอกออกมาไม่ได้(หรือว่าไม่มี อันนี้ส่วนตัว..แฮ่ๆ)
2. บทหนังที่รวบรัดเสียจนคนที่ไม่เคยรู้จักคู่กรรมมาก่อนต้องรู้สึกว่า อะไรแว๊ ไอ้นี่มายังไง ไอ้นั่นเป็นใคร
แล้วมันมาทำอะไรกันที่นี่ โอ๊ยยย เยอะไม่ไหวจะพรรณนา
3. ตัวประกอบฉากที่ประหลาด ทุกคนดูอยู่ผิดที่ ผิดธรรมชาติ
บทพูดที่คนธรรมดาเค้าไม่พูดกัน แม่ลูกคุยกันก้อแสร้งทำเป็นสนิทกัน
ไม่มีสิ่งใดธรรมชาติเลยนอกจากพระเอก(แฮ่ อีกแล้ว)
ขนาดบทพูดของพระเอกดูไม่มีที่มาที่ไป
ดูผิดมนุษย์จะคุยกันแต่ณเดชก็ทำให้มันดูธรรมชาติอย่างไม่น่าเชื่อต้องนับถือ
4. ฉากหลายฉากที่ไม่รู้จะใส่เข้ามาทำไม ดูไม่จำเป็นเลย ฉากที่ควรมีดันไม่มี ฉากที่ไม่จำเป็น ดันเอามาใส่ซะงั้น (ทำเพื่อคร๊ายยย)
- เรื่องคำสัญญาของอังศุมาลินและวนัสมันดูตลกมาก
มันดูไม่ออกถ้าไม่พูดออกมาว่ามันกลับมาหากันตามสัญญา
ตอนพบเจอกันก็ดูเก้ๆกังๆ เป็นฉากพยายามสนิทจริงๆ ดูแล้วอึดอัดมาก(โว้ย!! คุยอะไรกันวะคะ)
วนัสแลดูเป็นนักศึกษาชาวร็อคผู้เรียกร้องอยากไปดูคอนเสิร์ตหนุ่มบาวสาวปานมากกว่าเป็นขบวนการลับใต้ดิน เสรีไทย
ต้องร้องว่าเฮ้อ!!ออกมาดังๆจริงๆ อึดอัดสุดๆ
- ฉากจบสามีตายนะคะได้ข่าว เสียใจได้แค่นี้เองหรอ ไม่มีวิ่งเข้าไปกอด
ไม่มีดึงทึ้งร่างกายสามีให้พ้นไปจากเศษซากปรักหักพัง ไม่มีร้องไห้ฟูมฟาย
นอกจากภาพสโลโมชั่นร้องไห้ เราเศร้าค่ะ เศร้าแทนจริงๆ
สุดท้ายนี้ต้องพูดว่า "พิสูจน์ด้วยตัวคุณเองเถอะค่ะ"