นายปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในรายการเจาะลึกข่าวร้อน เอฟเอ็ม101.5เมกะเฮริทซ์ กรณีเกาหลีเหนือประกาศสงครามกับเกาหลีใต้รวมทั้งท่าทีของสหรัฐอเมริกาในเรื่องนี้ว่า สองประเทศนี้มีปัญหามานานตั้งเเต่ช่วงสงครามเย็นที่ตอนนี้ยังเผชิญหน้าอย่างไม่เป็นทางการ ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือมีการข่มขู่เกาหลีใต้ในฐานะที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯมาเสมอ เเละก่อนหน้านี้เกิดการเจรจา6ฝ่ายเเต่ชะงักมา2-3ปีเเล้ว
เกาหลีเหนือทดลองนิวเคลียร์ใต้ดินเป็นครั้งที่สามในช่วงต้นปี โดยยูเอ็นมีมติคว่ำบาตร เกาหลีเหนือจึงตอบโต้ยูเอ็นรุนเเรง เเละตอนนี้มีการประเมินว่าเกาหลีเหนือน่าจะมีขีปนาวุธ10ลูก ขนาด7กิโลตัน เเละกรณีเเบบนี้เกิดขึ้นบ่อยในช่วง20ปีคือช่วงเปลี่ยนตัวประธานาธิบดีของเกาหลีใต้เเละการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ เกาหลีเหนือมักจะตอบโต้รุนเเรง อีกทั้งผู้นำเกาหลีเหนือคนใหม่เป็นคนหนุ่มที่ต้องตอบสนองนายทหารหัวรุนเเร งจึงมีเเนวนโยบายก้าวร้าวเพื่อรักษาความเป็นชาตินิยม เพื่อประกาศศักดาไม่ให้ยูเอ็นคว่ำบาตรเเละต่อรองการช่วยเหลือต่อเกาหลีเหนือ
3ปีที่เเล้วมีการปะทะกันของสองประเทศในกรณีเกาหลีเหนือยิงเรือของเกาหลีใต้ เเต่คราวนี้เเตกต่างกว่าครั้งอื่นๆคือยกเลิกโทรศัพท์ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ในการประกาศสภาวะสงครามครั้งใหม่ รวมทั้งประกาศว่าจะใช้นิวเคลียร์โจมตีสหรัฐฯก่อนนั้น สหรัฐฯจึงตอบโต้คือนำทหารเข้าพื้นที่เเบบช้าๆโดยอ้างซ้อมรบกับเกาหลีใต้ เเละพร้อมปกป้องเกาหลีใต้ จีนกังวลเรื่องนี้เพราะเกาหลีเหนือพึ่งพาจีนทางการค้ากว่าร้อยละ70 จีนจึงเเนะนำสองประเทศให้อดกลั้นเพราะไม่ต้องการสงครามในคาบสมุทรเกาหนลี
ส่วนเงื่อนไขคลี่คลายสถานการณ์นี้นั้น นายปณิธานกล่าวว่า ยูเอ็นน่าจะส่งตัวเเทนไปเจรจากับเกาหลีเหนือในการยกเลิกการคว่ำบาตรเเละเรื่องนิวเคลียร์ นานาชาติต้องส่งสัญญาณให้ชัดว่าไม่ควรยั่วยุทางกำลังทหารเเบบนี้ที่อาจเกิดสงครามเเบบไม่ตั้งใจ หากเกิดสงครามนี้ขึ้นจะเกิดหายนะกับเศรษฐกิจโลก เเละรอเวลากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในข้างต้น หากมีการเจรจาในเรื่องเเบบนี้เกาหลีเหนือจะผ่อนคลายเรื่องนี้
ต้องคอยลุ้นว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่
ทางออกที่ไม่ให้เกิดสงครามเกาหลี คือ ยูเอ็นน่าจะส่งตัวเเทนไปเจรจากับเกาหลีเหนือในการยกเลิกการคว่ำบาตรเเละเรื่องนิวเคลียร์
เกาหลีเหนือทดลองนิวเคลียร์ใต้ดินเป็นครั้งที่สามในช่วงต้นปี โดยยูเอ็นมีมติคว่ำบาตร เกาหลีเหนือจึงตอบโต้ยูเอ็นรุนเเรง เเละตอนนี้มีการประเมินว่าเกาหลีเหนือน่าจะมีขีปนาวุธ10ลูก ขนาด7กิโลตัน เเละกรณีเเบบนี้เกิดขึ้นบ่อยในช่วง20ปีคือช่วงเปลี่ยนตัวประธานาธิบดีของเกาหลีใต้เเละการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ เกาหลีเหนือมักจะตอบโต้รุนเเรง อีกทั้งผู้นำเกาหลีเหนือคนใหม่เป็นคนหนุ่มที่ต้องตอบสนองนายทหารหัวรุนเเร งจึงมีเเนวนโยบายก้าวร้าวเพื่อรักษาความเป็นชาตินิยม เพื่อประกาศศักดาไม่ให้ยูเอ็นคว่ำบาตรเเละต่อรองการช่วยเหลือต่อเกาหลีเหนือ
3ปีที่เเล้วมีการปะทะกันของสองประเทศในกรณีเกาหลีเหนือยิงเรือของเกาหลีใต้ เเต่คราวนี้เเตกต่างกว่าครั้งอื่นๆคือยกเลิกโทรศัพท์ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ในการประกาศสภาวะสงครามครั้งใหม่ รวมทั้งประกาศว่าจะใช้นิวเคลียร์โจมตีสหรัฐฯก่อนนั้น สหรัฐฯจึงตอบโต้คือนำทหารเข้าพื้นที่เเบบช้าๆโดยอ้างซ้อมรบกับเกาหลีใต้ เเละพร้อมปกป้องเกาหลีใต้ จีนกังวลเรื่องนี้เพราะเกาหลีเหนือพึ่งพาจีนทางการค้ากว่าร้อยละ70 จีนจึงเเนะนำสองประเทศให้อดกลั้นเพราะไม่ต้องการสงครามในคาบสมุทรเกาหนลี
ส่วนเงื่อนไขคลี่คลายสถานการณ์นี้นั้น นายปณิธานกล่าวว่า ยูเอ็นน่าจะส่งตัวเเทนไปเจรจากับเกาหลีเหนือในการยกเลิกการคว่ำบาตรเเละเรื่องนิวเคลียร์ นานาชาติต้องส่งสัญญาณให้ชัดว่าไม่ควรยั่วยุทางกำลังทหารเเบบนี้ที่อาจเกิดสงครามเเบบไม่ตั้งใจ หากเกิดสงครามนี้ขึ้นจะเกิดหายนะกับเศรษฐกิจโลก เเละรอเวลากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในข้างต้น หากมีการเจรจาในเรื่องเเบบนี้เกาหลีเหนือจะผ่อนคลายเรื่องนี้
ต้องคอยลุ้นว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่