เนื่องจากกระแสการเกณฑ์ทหารปีนี้ถือว่าคนสนใจกันมากเลย
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวของกับการที่ ทบ. เพิ่มจำนวนความต้องการทหารด้วยรึป่าว ? อันนี้ก็น่าสงสัยนะครับ
ผมคนนึงเคยมีประสบการณ์คัดเลือกทหารเมื่อช่วงต้นปี 52
ก่อนหน้านั้นผมเรียนจบเพียง ปวช. เท่านั้น การเรียนต่อมีปัญหาจนออกหาทำงานครับ
ผมเข้ารับการตรวจ โดยร่างกายผมสมบูรณ์ดี
ออกอวบๆอ้วนหน่อยก็ตามที จัดไปที่ดี 1 ประเภท 1 ตามที่หมอทหารขาน
โดยความต้องการทหารในอำเภอของผมคือ 120 จากร่วมๆ 700
[อัตราส่วน 1 ทหารใหม่ต่อคนจับใบดำ/แดง 6 คน]
และผมก็คือหนึ่งในผู้โชคดีครับ "ทบ.1" [ทหารบก ผลัดที่ 1] นั่นเอง
ความรู้สึกคือ ทำตัวไม่ถูกครับ ยอมรับว่ากลัวนิดๆด้วยสาเหตุข้างต้น
คิดไปเรื่อยในหัว เราต้องเป็นทหาร 2 ปี ??? จะอะไรยังไง? ต่างๆนานา
ระหว่างนั้นก็ถูกพี่ทหารจับปั๊มๆมือเขียนๆอะไรซักอย่าง แล้วก็เดินทางกลับบ้าน
พ่อแม่ให้กำลังใจหลายขนานทีเดียว ออกดีใจด้วยซ้ำ ฮ่า า า า
ผ่านมาจากนั้น ร่วม 1 เดือน
ต้นเดือน พฤษภาคม ก็ได้ไปตามกำหนดการรับใช้ชาติผลัด 1 ตามกำหนด
และก็เป็นโชคดี ได้อยู่ค่ายใกล้บ้าน ผมก็ได้เรียนรู้กับความเป็นทหารอย่างหนักหน่วง
อะไรที่ไม่เคยเจอ ไม่เคยเป็น ได้รับรู้รสชาติกันที่นี่ล่ะ รู้สึกตัวเอง "ถึก" อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จนครบสามเดือน กลับออกมา เรื่องหุ่นไม่ต้องพูดถึง น้ำหนักหายไป 13 กิโลกรัม
ถึงกับผอมลงไปทันตา (อย่าเพิ่งคิดว่านี่เยอะ ในรุ่นผมตอนนั้นสถิติมีคนลดได้ 25 กิโลกรัม)
กลับออกไปอย่างที่ชีวิตมีค่าในรู้แบบของทหาร มันเท่ไม่หยอกจริงๆ (คนไม่เคยไม่เข้าใจหรอก อิอิ)
และผมก็ได้ทำหน้าที่หลายๆอย่างทั้งกิจวัตรประจำวันทั่วไป ทำความสะอาด แบกหาม สารพัด
เข้าเวรยามต่างๆตามมอบหมาย ซึ่งช่วงปีสุดท้ายดีหน่อย ผมได้โอกาสรับงานที่ผมถนัด
ซึ่งผมเรียนมาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และมีประสบการณ์กับงานราชการ แม้จะชั่วคราวก็ตาม
ก็ได้รับหน้าที่เป็น "เด็ก บ.ก." หรือภาษาบ้านๆคือ ธุรการทั่วไป และดูแลสิ่งต่างๆของกองร้อย
ผมได้เรียนรู้ความคิดอ่านหลายๆอย่าง จากนายทหาร หมู่ จ่า และนายสิบหลายๆคนได้เยอะทีเดียว
หลังจากทำหน้าที่ครบวาระ 2 ปี พร้อมสิ้นสุดด้วยการสวนสนามปลดประจำการอย่างสง่างาม
ซึ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ผมอยากจะบอกว่า "ผมภูมิใจครับ ที่ได้ทำหน้าที่ของลูกผู้ชาย"
ทุกวันนี้ ผมสามารถนำความคิด คำสอนหลายๆอย่าง ที่เรียนรู้มา จากรอบด้านที่พบและได้เจอ
มาปรับใช้กับชีวิตที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวครับ (แปลงร่างกลับมาเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกครั้งแล้ว อิอิอิ!!!)
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ เสื้อลายพรางสีเขียว ความลำบากในเสื้อสีนั้น สร้างคนที่เข้มแข็งในวันนี้
ปล. อย่าได้กลัวครับ ใบแดงไม่เคยฆ่าใคร //// แต่ถ้าลงใต้ ผมโนคอมเม้นนะครับ ^^
ล็อกอินใดบ้างเคยมีโอกาสรับใช้ชาติด้วยการเกณฑ์ทหาร มาแชร์ประสบการณ์กันครับ!!!!
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวของกับการที่ ทบ. เพิ่มจำนวนความต้องการทหารด้วยรึป่าว ? อันนี้ก็น่าสงสัยนะครับ
ผมคนนึงเคยมีประสบการณ์คัดเลือกทหารเมื่อช่วงต้นปี 52
ก่อนหน้านั้นผมเรียนจบเพียง ปวช. เท่านั้น การเรียนต่อมีปัญหาจนออกหาทำงานครับ
ผมเข้ารับการตรวจ โดยร่างกายผมสมบูรณ์ดี
ออกอวบๆอ้วนหน่อยก็ตามที จัดไปที่ดี 1 ประเภท 1 ตามที่หมอทหารขาน
โดยความต้องการทหารในอำเภอของผมคือ 120 จากร่วมๆ 700
[อัตราส่วน 1 ทหารใหม่ต่อคนจับใบดำ/แดง 6 คน]
และผมก็คือหนึ่งในผู้โชคดีครับ "ทบ.1" [ทหารบก ผลัดที่ 1] นั่นเอง
ความรู้สึกคือ ทำตัวไม่ถูกครับ ยอมรับว่ากลัวนิดๆด้วยสาเหตุข้างต้น
คิดไปเรื่อยในหัว เราต้องเป็นทหาร 2 ปี ??? จะอะไรยังไง? ต่างๆนานา
ระหว่างนั้นก็ถูกพี่ทหารจับปั๊มๆมือเขียนๆอะไรซักอย่าง แล้วก็เดินทางกลับบ้าน
พ่อแม่ให้กำลังใจหลายขนานทีเดียว ออกดีใจด้วยซ้ำ ฮ่า า า า
ผ่านมาจากนั้น ร่วม 1 เดือน
ต้นเดือน พฤษภาคม ก็ได้ไปตามกำหนดการรับใช้ชาติผลัด 1 ตามกำหนด
และก็เป็นโชคดี ได้อยู่ค่ายใกล้บ้าน ผมก็ได้เรียนรู้กับความเป็นทหารอย่างหนักหน่วง
อะไรที่ไม่เคยเจอ ไม่เคยเป็น ได้รับรู้รสชาติกันที่นี่ล่ะ รู้สึกตัวเอง "ถึก" อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จนครบสามเดือน กลับออกมา เรื่องหุ่นไม่ต้องพูดถึง น้ำหนักหายไป 13 กิโลกรัม
ถึงกับผอมลงไปทันตา (อย่าเพิ่งคิดว่านี่เยอะ ในรุ่นผมตอนนั้นสถิติมีคนลดได้ 25 กิโลกรัม)
กลับออกไปอย่างที่ชีวิตมีค่าในรู้แบบของทหาร มันเท่ไม่หยอกจริงๆ (คนไม่เคยไม่เข้าใจหรอก อิอิ)
และผมก็ได้ทำหน้าที่หลายๆอย่างทั้งกิจวัตรประจำวันทั่วไป ทำความสะอาด แบกหาม สารพัด
เข้าเวรยามต่างๆตามมอบหมาย ซึ่งช่วงปีสุดท้ายดีหน่อย ผมได้โอกาสรับงานที่ผมถนัด
ซึ่งผมเรียนมาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และมีประสบการณ์กับงานราชการ แม้จะชั่วคราวก็ตาม
ก็ได้รับหน้าที่เป็น "เด็ก บ.ก." หรือภาษาบ้านๆคือ ธุรการทั่วไป และดูแลสิ่งต่างๆของกองร้อย
ผมได้เรียนรู้ความคิดอ่านหลายๆอย่าง จากนายทหาร หมู่ จ่า และนายสิบหลายๆคนได้เยอะทีเดียว
หลังจากทำหน้าที่ครบวาระ 2 ปี พร้อมสิ้นสุดด้วยการสวนสนามปลดประจำการอย่างสง่างาม
ซึ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ผมอยากจะบอกว่า "ผมภูมิใจครับ ที่ได้ทำหน้าที่ของลูกผู้ชาย"
ทุกวันนี้ ผมสามารถนำความคิด คำสอนหลายๆอย่าง ที่เรียนรู้มา จากรอบด้านที่พบและได้เจอ
มาปรับใช้กับชีวิตที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวครับ (แปลงร่างกลับมาเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกครั้งแล้ว อิอิอิ!!!)
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ เสื้อลายพรางสีเขียว ความลำบากในเสื้อสีนั้น สร้างคนที่เข้มแข็งในวันนี้
ปล. อย่าได้กลัวครับ ใบแดงไม่เคยฆ่าใคร //// แต่ถ้าลงใต้ ผมโนคอมเม้นนะครับ ^^