ช่วยเชียร์ หมอลี่ กันดีกว่าครับ ไม่งั้นคนทรู บีเอฟเคที ลอยนวลอีกแน่ๆ

กระทู้ข่าว
เห็นข้อมูลจากข่าวนี้ ใครที่เคยสงสัยว่า การให้บริการของทรูมูฟ เอช ผิดยังไงลองอ่านรายละเอียดดูนะครับ

ให้รายละเอียดไว้ชัดเจนพอสมควร ถึงความผิดที่เกิดขึ้นแล้ว ถ้าไม่เชียร์หมอลี่

แล้วเห็นตามกทค.คนอื่น แค่ทำใบอนุญาตก็ให้บริการย้อนหลังได้นี้อุตสาหกรรมโทรคมคงถึงคราววิกฤติ

--------------------------------------------------

งานนี้เชียร์ 'หมอลี่' (Cyber Talk)

ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย แค่ระยะเวลาผ่านไปไม่กี่เดือน จากการประมูลความถี่ 2.1 GHz ของกสทช.เมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมา หากยังจำกันได้ น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เป็นเสียงเดียวที่ออกมาคัดค้าน เงื่อนไขที่เสียงส่วนใหญ่ในคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เห็นชอบให้ปรับเพดานการถือครองคลื่นความถี่ (Spectrum Cap) จากเดิม 20 MHz ให้เหลือ 15 MHz โดยไม่มีการปรับราคาเริ่มต้นการประมูลที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก 4,500 ล้านบาท แม้จะมีหน่วยงานและนักวิชาการหลายแขนงออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยเนื่องจากเป็นราคาที่ต่ำเกินไป หรืออย่างไม่น่าเกลียดที่สุดก็สามารถตั้งราคาได้เท่ากับที่ปรึกษาเสนอมาคือประมาณ 6,440 ล้านบาทต่อ 1 ใบอนุญาต
       
       หมอลี่หรือน.พ.ประวิทย์ ฟันธงล่วงหน้าว่าการปรับSpectrum Cap เหลือ15 MHz ในขณะที่ราคาตั้งต้นประมูลใบอนุญาตละ 4,500 ล้านบาทไม่มีการเพิ่มขึ้น จะเป็นการลดระดับการแข่งขันการประมูลอย่างแน่นอน ซึ่งทำให้คาดได้ว่าราคาชนะการประมูลจะไม่แตกต่างจากราคาเริ่มต้น
       
       ตัดภาพมาที่ผลการประมูลปรากฎว่ามีการเคาะราคาเพิ่มขึ้นเพียง 3 ใบอนุญาต จากทั้งหมด 9 ใบอนุญาต (ใบอนุญาตละ 5 MHz รวมทั้งหมดจำนวนความถี่ 45 MHz) แบ่งเป็น 4,950 ล้านบาท 2 ใบ และ 4,725 ล้านบาท 1 ใบ รวมมูลค่า 14,625 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่เคาะราคา 3 ใบ นี้ คือ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค (บริษัทลูกของเอไอเอส) ส่วนอีก 6 ใบที่เหลือ ราคาสุดท้ายยังคงอยู่ที่ราคาตั้งต้นการประมูลใบละ 4,500 ล้านบาท โดยเรียล ฟิวเจอร์ (บริษัทลูกของทรู) และ ดีแทค เนทเวอร์ค (บริษัทลูกของดีแทค) เสนอราคาเท่ากันที่ 13,500 ล้านบาทรายละ 3 ใบ
       
       สรุปแล้วราคาประมูล 9ใบอนุญาตความถี่ 2.1 GHz ได้เงินรวม 41,625 ล้านบาท ขยับจากราคากลาง 40,500 ล้านบาท หรือเพิ่มจากราคาเริ่มต้นเพียง 2.38% มาจากใบอนุญาตของบริษัทลูกเอไอเอสเท่านั้น
       
       ครั้งนั้นหมอลี่ ไม่ต้องพึ่งจิตสัมผัส ไม่ต้องเปิดไพ่ทาโร หรือ ไม่ต้องนั่งทางใน ก็คาดเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดล่วงหน้าได้แม่นยำ แต่ไม่ต้องสนใจกสทช.ผู้ทรงเกียรติท่านอื่นจะมีเหตุผลอะไร ถือว่ามันผ่านไปแล้ว
       
       ตัดภาพมาที่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นดีกว่าวันที่ 5 เม.ย.จะมีการพิจารณาเรื่องผลสอบข้อกฎหมายบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) ที่สร้างโครงข่ายมือถือให้บริษัท กสท โทรคมนาคม เช่ามาให้บริการขายปลีกขายส่งกับบริษัท เรียลมูฟ แค่เขียนยังงง นับประสาอะไรกับกลุ่มสัญญาเกี่ยวกับการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่ ที่มีมากมายหลายฉบับ โดยหากแยกย่อยนำมาปฏิบัติทีละฉบับ ก็ไม่สามารถให้บริการได้ ต้องนำมามัดรวมกันถึงจะผลิตเป็นบริการให้ ณ เดช กับน้องยาย่า มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โฆษณาชวนเชื่อดึงดูดลูกค้าได้
       
       งานนี้แว่วว่า หมอลี่ กำลังจะเป็นพระเอกเรื่องโดดเดี่ยวผู้น่ารักอีกครั้ง หลังกทค. 4 คนจะลงมติให้บีเอฟเคที ไร้มลทิน ตามที่คณะทำงานฯและเลขาฯฐากร เสนอมา ประเภทถึงแม้บีเอฟเคทีจะได้ชื่อว่าเป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคม จำเป็นต้องมีใบอนุญาต แต่ไม่มีความผิดทางอาญา ไม่ต้องให้สำนักงานกสทช.ไปร้องทุกข์กล่าวโทษแต่อย่างใด เพราะไม่มีเจตนา อย่างมากก็แค่มาขอรับใบอนุญาตให้ถูกต้องเท่านั้น
       
       งานนี้หมอลี่ แจกแจงให้ฟังชัดเจนว่า ตามมาตรา 59 ประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติว่า ' การกระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือ ย่อมเล็งเห็นผลว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น' แล้วประเภทที่สร้างโครงข่ายผลิตแอร์ไทม์จนมาให้บริการได้ มันไม่รู้สำนึกตรงไหน หรือ มันไม่ประสงค์ผลตรงไหน
       
       เห็นได้ชัดว่าเจตนามันมี มันบรรลุแล้ว แต่จะผิดหรือถูกกฎหมาย ก็ไปว่ากันตามกระบวนการ ไม่ใช่กทค.มาตัดสินเอง ซึ่งการพ่วงเรื่องเจตนาเข้ามาด้วย ก็น่าสงสัยแล้วตั้งแต่เลขาฯฐากร ทำหนังสือแย้งผลสอบคณะทำงานฯ ครั้งแรก ลงวันที่ 13 ก.ย. 2555 โดยให้ไปหาข้อเท็จจริงและรายละเอียดเพิ่มเติมในประเด็นที่ว่า 'หากคณะทำงานเห็นว่ามีการกระทำความผิดซึ่งมีโทษทางอาญา ในรายงานจะต้องแสดงถึงพฤติกรรมแวดล้อมที่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่ากสทกับบีเอฟเคที เข้าข่ายว่าได้กระทำความผิดโดยมีเจตนาอย่างไร'
       
       ตลกร้ายกว่านั้นคือ หมอลี่ขอผลสอบคณะทำงานฯ ครั้งแรก (ที่สรุปว่ากสท กับบีเอฟเคที มีการดำเนินกิจการในลักษณะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานใช้ความถี่โดยไม่ได้รับ อนุญาต ตามมาตรา 11 วรรค 3 ของพ.ร.บ.วิทยุคมนาคม 2498 และความผิดฐานประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้ความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 67(3) ของพ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม 2544
       
       และกสท มีส่วนกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่บีเอฟเคที ใช้ความถี่โดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้ความถี่เพื่อการประกอบกิจการ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 86 พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายอาญา ประกอบมาตรา 11 วรรค 3 พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม 2498 และมาตรา 67 (3) พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม 2544 ซึ่งสำนักงานกสทช.จะต้องดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษตามกฎหมายต่อไป) จากเลขาฯฐากรตั้งแต่เดือนก.ย.2555 เพิ่งจะมาได้ตอนเดือนมี.ค.2556 เรียกได้ว่าเป็นกสทช.คนเดียวในกทค.ที่ไม่เห็นเอกสารฉบับเต็ม
       
       ศึกบีเอฟเคทีครั้งนี้ ถือว่าใหญ่กว่าศึกวันทรงชัยเยอะ เพราะจะเป็นบทพิสูจน์ศักดิ์ศรีขององค์กรอิสระว่าจะเลือกตัดสินใจบนความถูกต้องหรืออยู่ภายใต้อิทธิพลการครอบงำของกลุ่มทุนหรือกลุ่มการเมืองรายใด เฉพาะแค่ผลสอบคณะทำงานฯ ก็มีถึง 3 ชุด ต้องปรับต้องเปลี่ยนต้องชงให้กลมกล่อม แต่สิ่งที่ยังน่ายกย่องคณะทำงานฯ ที่ต้องทำผลสรุปภายใต้แรงกดดัน ยังให้ความเห็นผลกระทบกทค.ว่าหากไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษตามที่คณะทำงานฯมีความเห็น กทค.อาจเจอ ม.157 และกระบวนการตรวจสอบจากกรรมาธิการ รวมทั้งป.ป.ช. ด้วย เรียกว่าให้สรุปตามใจก็ได้ แต่ระวังตัวล่ะกัน
       
       งานนี้เชียร์ หมอลี่เต็มตัว เพราะแพ้โหวตในที่ประชุม ไม่ใช่หมายถึงสังคมไทย และ อุตสาหกรรมโทรคมนาคม จะต้องแพ้กับเหลี่ยมกฎหมาย ที่ไร้ยางอาย !!

http://www.manager.co.th/CBizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9560000040693
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่