คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 (มติชนรายวัน 2 เมษายน 2556)
ติดพันจากข้อเสนอ ปฏิรูป พรรคประชาธิปัตย์อีกสักนิดเถอะครับ
หลังจากที่ประชาธิปัตย์ประชุมใหญ่ แล้ว นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค
เสนอให้มีการปฏิรูปภายในพรรค
แม้จะไม่เห็นมีใครออกมาตอบรับ แต่ก็หวังลึกๆ ว่ากระบวนการภายในคงกระเพื่อมบ้าง
อย่างน้อยก็กระเพื่อมให้เห็นความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
เห็นลีลาการค้านเชิงบวก ที่ค้านแล้วสามารถ เพิ่มเครดิต ให้ประชาธิปัตย์
ไม่ใช่ค้านเชิงลบที่ดึงประชาธิปัตย์ให้ตกต่ำ ขาดความนิยมไปเรื่อยๆ
เช่น การค้าน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลนำเสนอ
ทั้งที่ประชาธิปัตย์ย้ำว่า ค้านการกู้เงิน ไม่ได้ค้านโครงการ แต่ผลสรุปที่ออกมา
คนก็ยังเชื่อว่าค้านรถไฟไฮสปีด
ตอนที่ประชาธิปัตย์ค้านเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อมาบริหารจัดการน้ำและ
ฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศ
ประชาธิปัตย์ยืนยันว่าค้านการกู้เงิน แต่ข้อสรุปออกมาว่า ถูกมองว่าค้านการฟื้นฟูประเทศ
เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่แตกต่าง
ประชาธิปัตย์ระบุภารกิจตัวเองชัดว่า ค้านการเอื้อประโยชน์แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
แต่ผลที่ออกมา คือ ถูกมองว่าการขัดขวางมิให้ประชาชนเข้ามาร่างรัฐธรรมนูญ
เพราะไปค้านมิให้เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.
เลยกลายเป็นการค้านมิให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองไปซะ
แล้วลองไล่เรียงประเด็นที่ค้านดูสิครับ จะเห็นว่าประชาธิปัตย์ถูกมองว่าค้านอะไร
ค้านฟื้นฟูประเทศ ค้านพัฒนาประเทศ ค้านประชาชนเข้ามายกร่างรัฐธรรมนูญ
ค้านแบบนี้ ยิ่งค้านมากเท่าไหร่ เครดิตของพรรคก็ยิ่งลด
แม้ประชาธิปัตย์จะรักษาเครดิตในมวลหมู่แฟนคลับ และกลุ่มคนต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ
แต่มวลหมู่คนที่เหลือ ซึ่งต้องยอมรับว่ามีมากไม่น้อย...เขาจะศรัทธาประชาธิปัตย์หรือเปล่า?
กลุ่มที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่ยอมรับ แต่กลุ่มที่เหลือล่ะ...
ประเด็นของประชาธิปัตย์ตอนนี้ คือ ค้านอย่างไรจึงไม่ไปขัดขวางการพัฒนา
ไม่ไปคัดค้านประชาชน
มีคนแนะนำว่า ประชาธิปัตย์ไม่ควรจะหลงไปสู้กับพรรคเพื่อไทยในความฝัน
เพราะเพื่อไทยชู ฝันดี แต่ประชาธิปัตย์ชู ฝันร้าย...สู้อย่างไรก็แพ้
เพื่อไทยขายความหวัง ประชาธิปัตย์ค้าความกลัว..
แล้วทำไม ประชาธิปัตย์จึงไม่เปลี่ยนแนวทางการต่อสู้
เปลี่ยนจากคัดค้านความฝันในอนาคต มาเป็นตรวจสอบความจริงในปัจจุบัน
อย่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2ล้านล้านบาท แม้พรรคเพื่อไทยจะมีเสียงมากกว่า
และสามารถยกมือผ่าน
ขณะที่ประชาธิปัตย์ก็สามารถติติงไปตามสิทธิ
แต่หลังจากรัฐบาลได้อำนาจตาม พ.ร.บ.กู้ไปแล้ว ประชาธิปัตย์ก็ตั้งทีมขึ้นมาเกาะติด...
เหมือนกับเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อบริหารจัดการน้ำ
ประชาธิปัตย์น่าจะตั้งชุดขึ้นมาตามงาน
ตรวจสอบและผลักดันให้รัฐบาลทำจริง
นโยบายจำนำข้าวก็ถึงเวลาที่จะตรวจสอบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้แล้ว?
แต่การตรวจสอบและติดตามทั้งหมด ล้วนต้องการให้ทุกอย่างเป็นจริง
มีระบบบริหารจัดการน้ำจริง มีระบบรางทันสมัยจริง ชาวนาได้ประโยชน์จริง
ถ้าพบโกงก็ล้มโกง ไม่ใช่ล้มโครงการ
ถ้าพบความล้มเหลวก็ชี้ให้เห็นว่ามันล้มเหลว...แต่ถ้าทำสำเร็จก็ยอมรับไป
ค้านแบบนี้น่าจะเป็นประโยชน์เกิดแก่คนในชาติ
ค้านเพื่อการพัฒนา ค้านเพื่อให้สำเร็จ เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิ มีเสียง มีส่วนร่วม
ค้านแบบนี้ ประชาชนได้ประโยชน์ ประชาธิปัตย์ก็ได้ประโยชน์
และถ้ารัฐบาลทำสำเร็จก็ได้ประโยชน์...
แต่ถ้ารัฐบาลทำไม่ได้ก็เสียประโยชน์
ส่วนประชาชน และประชาธิปัตย์ยังคงได้ประโยชน์อยู่ดี
................
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364901348&grpid=&catid=02&subcatid=0207
ปชป. ...จะทำเป็นหรือป่าว ...ค้านแบบนี้ เขาเรียกว่า ค้านแบบตรวจสอบ .... อ่ะ
ค้านให้เกิดประโยชน์ โดย นฤตย์ เสกธีระ ....มติชนออนไลน์
ติดพันจากข้อเสนอ ปฏิรูป พรรคประชาธิปัตย์อีกสักนิดเถอะครับ
หลังจากที่ประชาธิปัตย์ประชุมใหญ่ แล้ว นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค
เสนอให้มีการปฏิรูปภายในพรรค
แม้จะไม่เห็นมีใครออกมาตอบรับ แต่ก็หวังลึกๆ ว่ากระบวนการภายในคงกระเพื่อมบ้าง
อย่างน้อยก็กระเพื่อมให้เห็นความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
เห็นลีลาการค้านเชิงบวก ที่ค้านแล้วสามารถ เพิ่มเครดิต ให้ประชาธิปัตย์
ไม่ใช่ค้านเชิงลบที่ดึงประชาธิปัตย์ให้ตกต่ำ ขาดความนิยมไปเรื่อยๆ
เช่น การค้าน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลนำเสนอ
ทั้งที่ประชาธิปัตย์ย้ำว่า ค้านการกู้เงิน ไม่ได้ค้านโครงการ แต่ผลสรุปที่ออกมา
คนก็ยังเชื่อว่าค้านรถไฟไฮสปีด
ตอนที่ประชาธิปัตย์ค้านเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อมาบริหารจัดการน้ำและ
ฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศ
ประชาธิปัตย์ยืนยันว่าค้านการกู้เงิน แต่ข้อสรุปออกมาว่า ถูกมองว่าค้านการฟื้นฟูประเทศ
เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่แตกต่าง
ประชาธิปัตย์ระบุภารกิจตัวเองชัดว่า ค้านการเอื้อประโยชน์แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
แต่ผลที่ออกมา คือ ถูกมองว่าการขัดขวางมิให้ประชาชนเข้ามาร่างรัฐธรรมนูญ
เพราะไปค้านมิให้เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.
เลยกลายเป็นการค้านมิให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองไปซะ
แล้วลองไล่เรียงประเด็นที่ค้านดูสิครับ จะเห็นว่าประชาธิปัตย์ถูกมองว่าค้านอะไร
ค้านฟื้นฟูประเทศ ค้านพัฒนาประเทศ ค้านประชาชนเข้ามายกร่างรัฐธรรมนูญ
ค้านแบบนี้ ยิ่งค้านมากเท่าไหร่ เครดิตของพรรคก็ยิ่งลด
แม้ประชาธิปัตย์จะรักษาเครดิตในมวลหมู่แฟนคลับ และกลุ่มคนต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ
แต่มวลหมู่คนที่เหลือ ซึ่งต้องยอมรับว่ามีมากไม่น้อย...เขาจะศรัทธาประชาธิปัตย์หรือเปล่า?
กลุ่มที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่ยอมรับ แต่กลุ่มที่เหลือล่ะ...
ประเด็นของประชาธิปัตย์ตอนนี้ คือ ค้านอย่างไรจึงไม่ไปขัดขวางการพัฒนา
ไม่ไปคัดค้านประชาชน
มีคนแนะนำว่า ประชาธิปัตย์ไม่ควรจะหลงไปสู้กับพรรคเพื่อไทยในความฝัน
เพราะเพื่อไทยชู ฝันดี แต่ประชาธิปัตย์ชู ฝันร้าย...สู้อย่างไรก็แพ้
เพื่อไทยขายความหวัง ประชาธิปัตย์ค้าความกลัว..
แล้วทำไม ประชาธิปัตย์จึงไม่เปลี่ยนแนวทางการต่อสู้
เปลี่ยนจากคัดค้านความฝันในอนาคต มาเป็นตรวจสอบความจริงในปัจจุบัน
อย่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2ล้านล้านบาท แม้พรรคเพื่อไทยจะมีเสียงมากกว่า
และสามารถยกมือผ่าน
ขณะที่ประชาธิปัตย์ก็สามารถติติงไปตามสิทธิ
แต่หลังจากรัฐบาลได้อำนาจตาม พ.ร.บ.กู้ไปแล้ว ประชาธิปัตย์ก็ตั้งทีมขึ้นมาเกาะติด...
เหมือนกับเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อบริหารจัดการน้ำ
ประชาธิปัตย์น่าจะตั้งชุดขึ้นมาตามงาน
ตรวจสอบและผลักดันให้รัฐบาลทำจริง
นโยบายจำนำข้าวก็ถึงเวลาที่จะตรวจสอบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้แล้ว?
แต่การตรวจสอบและติดตามทั้งหมด ล้วนต้องการให้ทุกอย่างเป็นจริง
มีระบบบริหารจัดการน้ำจริง มีระบบรางทันสมัยจริง ชาวนาได้ประโยชน์จริง
ถ้าพบโกงก็ล้มโกง ไม่ใช่ล้มโครงการ
ถ้าพบความล้มเหลวก็ชี้ให้เห็นว่ามันล้มเหลว...แต่ถ้าทำสำเร็จก็ยอมรับไป
ค้านแบบนี้น่าจะเป็นประโยชน์เกิดแก่คนในชาติ
ค้านเพื่อการพัฒนา ค้านเพื่อให้สำเร็จ เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิ มีเสียง มีส่วนร่วม
ค้านแบบนี้ ประชาชนได้ประโยชน์ ประชาธิปัตย์ก็ได้ประโยชน์
และถ้ารัฐบาลทำสำเร็จก็ได้ประโยชน์...
แต่ถ้ารัฐบาลทำไม่ได้ก็เสียประโยชน์
ส่วนประชาชน และประชาธิปัตย์ยังคงได้ประโยชน์อยู่ดี
................
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364901348&grpid=&catid=02&subcatid=0207
ปชป. ...จะทำเป็นหรือป่าว ...ค้านแบบนี้ เขาเรียกว่า ค้านแบบตรวจสอบ .... อ่ะ