ทั้งๆที่ชาติบ้านเมืองมีปัญหามากมายรอให้รัฐบาลแก้ไขทั้งภาวะค่างครองชีพของประชาชนที่สูงขึ้นภาวะถังแตกของประเทศจากการกู้และใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินอย่างมือเติบไปกับสารพัดโครงการประชานิยมของรัฐบาล และที่กำลังเป็นปัญหารุนแรงเฉพาะหน้าในขณะนี้ก็คือวิกฤติภัยแล้งค่อนประเทศ แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยหุ่นเชิดระบอบทักษิณนอกจากตะบันกู้สร้างหนี้ให้ประเทศส่อเจตนาเปิดช่องทำมาหากินกันอย่างมูมมามแล้ว ยังตั้งหน้าตั้งตาดันทุรังเดินหน้ารวบรัดหักดิบมุ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญซี่งไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรต่อชาติบ้านเมืองและประชาชนเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังเป็นชนวนสุมไฟวิกฤติแตกแยกในบ้านเมืองให้ลุกโชน โดยที่ประโยชน์ทั้งหมดตกอยู่กับระบอบทักษิณและคนเพียงหยิบมือเดียว
การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มุ่ง 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1. แก้มาตรา 68 ซึ่งสำคัญที่สุดเพราะซ่อนเล่ห์อำพรางเป้าหมายแอบแฝงเพื่อให้อำนาจสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งที่ผ่านมาถูกตั้งข้อสงสัยมาตลอดว่ารับใช้ระบอบทักษิณผูกขาดอำนาจในการรับเรื่องร้องเรียนและวินิจฉัยชี้ขาดกรณีการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัริย์ทรงเป็นประมุข โดยตัดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญและของประชาชนออกไป ซึ่งการทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่ยังค้างอยู่ในวาระที่ 3 และเสนอโดยพรรคเพื่อไทยและพวกซึ่งมีสาระสำคัญให้ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เดินหน้าต่อไปได้หลังจากที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68
เมื่อมาตรา 291 เดินหน้าต่อไปได้ก็สามารถผลักดัน ส.ส.ร.ร่างทรงขึ้นมารื้อรัฐธรรมนูญปัจจุบันทั้งฉบับได้ตามใจชอบ ซึ่งไม่ต่างจากการรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญโดยมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่การลบล้างโทษความผิดทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณและทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาทที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินคืน รวมทั้งลดอำนาจของสถาบันหลักต่างๆของชาติและบรรดาองค์กรอิสระต่างๆที่เป็นอุปสรรคขวากหนามในแผนผูกขาดอำนาจแสวงหาผลประโยชน์เพื่อยึดครองประเทศของระบอบทักษิณ
2.แก้ไขมาตรา 237 เพื่อยกเลิกโทษยุบพรรคการเมืองในกรณีที่ถูกสอบสวนพบว่าซื้อเสียงหรือทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง ซึ่งประเด็นนี้เป็นประโยชน์กับพรรคการเมืองล้วนๆ โดยที่สังคมและชาติบ้านเมืองไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย อีกทั้งยังเป็นการถอยหลังเข้าคลองส่งเสริมให้พรรคการเมืองซื้อเสียงหรือทำผิดกฏหมายเลือกตั้งเพราะไม่เกรงกลัวโทษยุบพรรค
3.แก้ไขว่าด้วยที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.) โดยกำหนดให้ยกเลิกสว.สรรหาแล้วให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดรวม 200 คนซึ่งจะเข้าทางระบอบทักษิณที่ได้เปรียบทั้งเงินทุน ระบบหัวคะแนนและคุมกลไกอำนาจรัฐผ่านรัฐบาลหุ่นเชิดจึงสามารถที่จะกวาด ส.ว.เลือกตั้งทั่วปรเทศได้เกือบทั้งหมดทำให้สามารถยึดทั้งสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภาอันเป็นการทำลายระบบตรวจสอบถ่วงดุลกลายเป็นระบอบเผด็จการรัฐสภาอย่างสมบูรณ์แบบ
4.แก้ไขมาตรา 190 โดยกำหนดให้การทำสัญญาข้อตกลงระหว่างประเทศในบางเรื่องไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นการเปิดช่องให้มีการมุบมิบแอบไปทำข้อตกลงแสวงหาผลประโยชน์ทับซ้อนกับประเทศต่างๆผ่านรัฐบาลหุ่นเชิดได้ง่ายขึ้น
เพราะฉะนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ประเด็นครั้งนี้จึงเป็นการดันทุรังและส่อเจตนาที่ล้วนมุ่งเป้าหมายแอบแฝงเพียงเพื่อผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณและพวกเท่านั้น ขณะที่สังคมส่วนรวมไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียวซ้ำยังอาจเป็นชนวนนำบ้านเมืองไปสู่วิกฤติความรุนแรงซึ่งแค่บรรยากาศการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันแรกก็เริ่มส่อสัญญาณความแตกแยกให้เห็นบ้างแล้ว
ที่มา:
http://www.naewna.com/creative/47005
ปล.ผมเองก็อยากรู้ ประชาชนได้อะไรบ้าง...เอิ๊ก ๆ ๆ
ดันทุรังแก้รธม.กินรวบประเทศ ชาติไม่ได้อะไรซ้ำสุมไฟวิกฤติ.
การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มุ่ง 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1. แก้มาตรา 68 ซึ่งสำคัญที่สุดเพราะซ่อนเล่ห์อำพรางเป้าหมายแอบแฝงเพื่อให้อำนาจสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งที่ผ่านมาถูกตั้งข้อสงสัยมาตลอดว่ารับใช้ระบอบทักษิณผูกขาดอำนาจในการรับเรื่องร้องเรียนและวินิจฉัยชี้ขาดกรณีการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัริย์ทรงเป็นประมุข โดยตัดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญและของประชาชนออกไป ซึ่งการทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่ยังค้างอยู่ในวาระที่ 3 และเสนอโดยพรรคเพื่อไทยและพวกซึ่งมีสาระสำคัญให้ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เดินหน้าต่อไปได้หลังจากที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68
เมื่อมาตรา 291 เดินหน้าต่อไปได้ก็สามารถผลักดัน ส.ส.ร.ร่างทรงขึ้นมารื้อรัฐธรรมนูญปัจจุบันทั้งฉบับได้ตามใจชอบ ซึ่งไม่ต่างจากการรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญโดยมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่การลบล้างโทษความผิดทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณและทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาทที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินคืน รวมทั้งลดอำนาจของสถาบันหลักต่างๆของชาติและบรรดาองค์กรอิสระต่างๆที่เป็นอุปสรรคขวากหนามในแผนผูกขาดอำนาจแสวงหาผลประโยชน์เพื่อยึดครองประเทศของระบอบทักษิณ
2.แก้ไขมาตรา 237 เพื่อยกเลิกโทษยุบพรรคการเมืองในกรณีที่ถูกสอบสวนพบว่าซื้อเสียงหรือทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง ซึ่งประเด็นนี้เป็นประโยชน์กับพรรคการเมืองล้วนๆ โดยที่สังคมและชาติบ้านเมืองไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย อีกทั้งยังเป็นการถอยหลังเข้าคลองส่งเสริมให้พรรคการเมืองซื้อเสียงหรือทำผิดกฏหมายเลือกตั้งเพราะไม่เกรงกลัวโทษยุบพรรค
3.แก้ไขว่าด้วยที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.) โดยกำหนดให้ยกเลิกสว.สรรหาแล้วให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดรวม 200 คนซึ่งจะเข้าทางระบอบทักษิณที่ได้เปรียบทั้งเงินทุน ระบบหัวคะแนนและคุมกลไกอำนาจรัฐผ่านรัฐบาลหุ่นเชิดจึงสามารถที่จะกวาด ส.ว.เลือกตั้งทั่วปรเทศได้เกือบทั้งหมดทำให้สามารถยึดทั้งสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภาอันเป็นการทำลายระบบตรวจสอบถ่วงดุลกลายเป็นระบอบเผด็จการรัฐสภาอย่างสมบูรณ์แบบ
4.แก้ไขมาตรา 190 โดยกำหนดให้การทำสัญญาข้อตกลงระหว่างประเทศในบางเรื่องไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นการเปิดช่องให้มีการมุบมิบแอบไปทำข้อตกลงแสวงหาผลประโยชน์ทับซ้อนกับประเทศต่างๆผ่านรัฐบาลหุ่นเชิดได้ง่ายขึ้น
เพราะฉะนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ประเด็นครั้งนี้จึงเป็นการดันทุรังและส่อเจตนาที่ล้วนมุ่งเป้าหมายแอบแฝงเพียงเพื่อผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณและพวกเท่านั้น ขณะที่สังคมส่วนรวมไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียวซ้ำยังอาจเป็นชนวนนำบ้านเมืองไปสู่วิกฤติความรุนแรงซึ่งแค่บรรยากาศการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันแรกก็เริ่มส่อสัญญาณความแตกแยกให้เห็นบ้างแล้ว
ที่มา:http://www.naewna.com/creative/47005
ปล.ผมเองก็อยากรู้ ประชาชนได้อะไรบ้าง...เอิ๊ก ๆ ๆ