ตอนนี้ห้างร้านต่างๆ พากันมาทำการตลาดกับลูกค้าแบบ one to one contact ซึ่งหนึ่งในวิธีนั้นก็คือ การเปิดรับสมาชิก ผมเองต้องซื้อของบ่อยๆ ก็เป็นสมาชิกกับเขาด้วยความยินดี
แต่ว่าห้างร้านบางแห่ง มักจะมีรายการพิเศษในช่วงศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ โดยจะต้องตัดคูปองส่วนลดจาก นสพ. และนำไปใช้ร่วมกับบัตรสมาชิก เช่น ซื้อครบ 700 บาท จะได้ส่วนลดจากคูปอง นสพ. 70 บาท เป็นต้น
แต่ว่ามันไม่สะดวกสำหรับลูกค้าบางกลุ่ม และทำให้บุคคลบางคนได้สร้างการกระทำที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นจากประเด็นนี้ มันเป็นอย่างนี้ครับ
1. บ้านผมไม่ได้รับ นสพ. ดังนั้นต้องไปหาซื้อ นสพ. ดังกล่าวมา (??? ประเด็นคือผมจะซื้อของที่ห้างร้านเขา ผมไม่ต้องการซื้อ นสพ.)
2. ร้าน นสพ. ฝั่งตรงข้ามบ้านผม ไม่ยอมขาย นสพ. ดังกล่าวครับ เพราะเจ๊แกสาธยายให้ผมฟังถึง นสพ. ฉบับดังกล่าวว่า
2.1 ต้องฉบับนี้เก็บไว้ให้ลูกค้าขาประจำเท่านั้น
2.2 ถ้าไปซื้อที่...(ระบุสถานที่) ขายฉบับละ 12 บาทนะคุ้ณณ...
2.3 "นี่ชั้นไปเหมามาจากร้านสะดวกซื้อตั้งแต่ 6 โมงเช้าแน่ะ"
3. ที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยไม่มีขายเพราะว่าข้อ 2.3
4. พนักงานร้านสะดวกซื้อบอกว่า ลูกค้าบางคนตัดคูปองขายกันใบละ 20 บาท
ผมเคยคุยกับพนักงาน floor ของห้างร้านนี้ถึงความไม่สะดวกที่ได้รับ ทางพนักงานบอกว่าได้รับทราบเรื่องนี้จากลูกค้าหลายคนแล้ว ขอให้ลูกค้าช่วยกันส่งเรื่องแจ้งสำนักงานใหญ่ เพราะว่าพวกหนูบอกไปก็ไม่มีผลอะไร ส่วนพนักงานอีกคนบอกว่า หนูไม่รู้เหมือนกันนะว่าทางสำนักงานใหญ่คุยกับ นสพ. ไว้อย่างไร
ผมเป็นลูกค้า ผมอยากได้สินค้าคุณภาพ ราคาถูก สมเหตุสมผลนะครับ ผมไม่อยากรู้เหตุผลของความวุ่นวายที่ต้องให้ลูกค้าตัดคูปองหรอกครับ ไม่อยากรู้ว่าใครคุยกับใครไว้อย่างไร (ทำไมห้างร้านอื่นยังทำได้เลยครับ)
ผมอยากสะท้อนภาพของการบริหารงานในยุคนี้ครับ ผมยอมรับในองค์ความรู้ที่ทันสมัยล้ำเลิศที่องค์กรต่างๆ มีอยู่ สิ่งเหล่านี้ต่างพากันให้คนทำงานเชิดหน้าชูตาเดินกันเท้าไม่ติดดินด้วยความภาคภูมิใจในอีโก้ของตัวเอง แต่ไม่สามารถตอบคำถามของคนเดินดินที่เอาเงินไปให้คุณถึงที่ได้ ไม่ทราบว่ากำลังหลงประเด็นกันหรือเปล่าครับท่าน ขอถามสั้นๆ ว่า คำว่า"Human Sense" เข้าใจกันแค่ไหนครับ
ถ้ายังเชื่อมันในองค์ความรู้ในการบริหารงานสมัยใหม่ แต่ยังตอบคำถามนี้ไม่ได้ ลองย้อนอดีตกลับไปหลายๆๆ สิบปี กับคำกล่าวของ มหาตมะ คานธี เรื่อง "ลูกค้า" ดีไหมครับ
[CR] คูปองหนังสือพิมพ์ กับ การซื้อของที่ห้างร้าน...
แต่ว่าห้างร้านบางแห่ง มักจะมีรายการพิเศษในช่วงศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ โดยจะต้องตัดคูปองส่วนลดจาก นสพ. และนำไปใช้ร่วมกับบัตรสมาชิก เช่น ซื้อครบ 700 บาท จะได้ส่วนลดจากคูปอง นสพ. 70 บาท เป็นต้น
แต่ว่ามันไม่สะดวกสำหรับลูกค้าบางกลุ่ม และทำให้บุคคลบางคนได้สร้างการกระทำที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นจากประเด็นนี้ มันเป็นอย่างนี้ครับ
1. บ้านผมไม่ได้รับ นสพ. ดังนั้นต้องไปหาซื้อ นสพ. ดังกล่าวมา (??? ประเด็นคือผมจะซื้อของที่ห้างร้านเขา ผมไม่ต้องการซื้อ นสพ.)
2. ร้าน นสพ. ฝั่งตรงข้ามบ้านผม ไม่ยอมขาย นสพ. ดังกล่าวครับ เพราะเจ๊แกสาธยายให้ผมฟังถึง นสพ. ฉบับดังกล่าวว่า
2.1 ต้องฉบับนี้เก็บไว้ให้ลูกค้าขาประจำเท่านั้น
2.2 ถ้าไปซื้อที่...(ระบุสถานที่) ขายฉบับละ 12 บาทนะคุ้ณณ...
2.3 "นี่ชั้นไปเหมามาจากร้านสะดวกซื้อตั้งแต่ 6 โมงเช้าแน่ะ"
3. ที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยไม่มีขายเพราะว่าข้อ 2.3
4. พนักงานร้านสะดวกซื้อบอกว่า ลูกค้าบางคนตัดคูปองขายกันใบละ 20 บาท
ผมเคยคุยกับพนักงาน floor ของห้างร้านนี้ถึงความไม่สะดวกที่ได้รับ ทางพนักงานบอกว่าได้รับทราบเรื่องนี้จากลูกค้าหลายคนแล้ว ขอให้ลูกค้าช่วยกันส่งเรื่องแจ้งสำนักงานใหญ่ เพราะว่าพวกหนูบอกไปก็ไม่มีผลอะไร ส่วนพนักงานอีกคนบอกว่า หนูไม่รู้เหมือนกันนะว่าทางสำนักงานใหญ่คุยกับ นสพ. ไว้อย่างไร
ผมเป็นลูกค้า ผมอยากได้สินค้าคุณภาพ ราคาถูก สมเหตุสมผลนะครับ ผมไม่อยากรู้เหตุผลของความวุ่นวายที่ต้องให้ลูกค้าตัดคูปองหรอกครับ ไม่อยากรู้ว่าใครคุยกับใครไว้อย่างไร (ทำไมห้างร้านอื่นยังทำได้เลยครับ)
ผมอยากสะท้อนภาพของการบริหารงานในยุคนี้ครับ ผมยอมรับในองค์ความรู้ที่ทันสมัยล้ำเลิศที่องค์กรต่างๆ มีอยู่ สิ่งเหล่านี้ต่างพากันให้คนทำงานเชิดหน้าชูตาเดินกันเท้าไม่ติดดินด้วยความภาคภูมิใจในอีโก้ของตัวเอง แต่ไม่สามารถตอบคำถามของคนเดินดินที่เอาเงินไปให้คุณถึงที่ได้ ไม่ทราบว่ากำลังหลงประเด็นกันหรือเปล่าครับท่าน ขอถามสั้นๆ ว่า คำว่า"Human Sense" เข้าใจกันแค่ไหนครับ
ถ้ายังเชื่อมันในองค์ความรู้ในการบริหารงานสมัยใหม่ แต่ยังตอบคำถามนี้ไม่ได้ ลองย้อนอดีตกลับไปหลายๆๆ สิบปี กับคำกล่าวของ มหาตมะ คานธี เรื่อง "ลูกค้า" ดีไหมครับ