ในบรรดาวรรณคดีที่คนไทยเคยรู้เคยอ่านและเคยรู้จักสุดยอดจอมกะล่อนปลิ้นปล้อนแล้ว ย่อมจะไม่มีใครเกิน”ศรีธนญชัย” และบัดนี้ศรีธนญชัยที่คนไทยรู้จักในวรรณคดีอาจจะกลับชาติมาเกิดเป็นนักการเมืองในบ้านเมืองของเราก็ได้
เพราะเมื่อสังเกตดูลีลาการพูดและวาทะกรรมมากหลายของนักการเมืองแล้วก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนถึงการเข้ามาสิงสู่หรือการกลับชาติมาเกิดของศรีธนญชัยสุดยอดจอมกะล่อน
ไม่ต้องดูมากเรื่อง เอากันแค่หนี้สาธารณะของแผ่นดิน ซึ่งในทางกฎหมายอยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยการก่อหนี้สาธารณะ ที่รัฐบาลจะก่อหนี้สาธารณะได้ไม่เกินจำนวนที่กำหนดขึ้นตามสัดส่วนของรายได้ประชาชาติ หรือจีดีพีของชาติ
ในทางสากล เป็นหลักปฏิบัติทางการเงินการคลังหรือที่เรียกว่าวินัยการเงินการคลังที่เป็นมาตรฐานอย่างเดียวกันทั่วทั้งโลก ซึ่งถือเกณฑ์เดียวกันคือขีดความสามารถในการชำระหนี้แล้วมากำหนดขึ้นเป็นอัตราส่วนต่อรายได้ประชาชาติที่อนุญาตให้ประเทศใดประเทศหนึ่งก่อหนี้สาธารณะได้
หากก่อหนี้เกินกว่าสัดส่วนจำนวนดังกล่าวแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นผู้ไม่มีวินัยการเงินการคลัง เป็นผู้ไม่น่าเชื่อถือ เป็นผู้ที่ไม่น่าไว้วางใจและคบไม่ได้ ดังนั้นถ้าประเทศใดชาติใดตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ประเทศนั้นจะ

วายวอดทางเศรษฐกิจ แต่จะทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนพลอย

วายวอดไปด้วย
นั่นเป็นเรื่องของประเทศ ก็ทำนองเดียวกันกับคนเราแต่ละคนนั่นแหละ ใครจะก่อหนี้ได้เท่าใดก็ย่อมขึ้นอยู่กับรายได้ว่า ถ้ามีรายได้เท่านั้นเท่านี้ก็ควรจะก่อหนี้ได้ไม่เกินเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งปกติก็จะถือเอาจำนวนดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายบวกด้วยจำนวนเงินที่จะต้องผ่อนชำระมาเปรียบเทียบกับรายได้ ว่าเอาเงินไปใช้หนี้แล้ว ยังจะมีกินมีใช้ปกติได้หรือไม่ ดังนี้เป็นต้น
ประเทศไทยของเราขณะนี้มีหนี้สาธารณะจนชนเพดานตามที่กฎหมายกำหนด ตามที่สากลโลกเขาจะยอมรับได้ ดังนั้นจึงมีการใช้เล่ห์กลศรีธนญชัยเพื่อจะลวงคนไทยและลวงโลกเพื่อจะได้ก่อหนี้สร้างสินให้กับแผ่นดินและประชาชน โดยในท่ามกลางการกู้หนี้ยืมสินนั้น ก็จะมีคนได้ประโยชน์จากการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นจำนวนมหาศาล
วิธีการแบบศรีธนญชัยที่จะใช้ในการซุกหนี้สาธารณะเท่าที่พอประมวลสรุปได้ในขณะนี้เห็นจะมีที่สำคัญดังต่อไปนี้
วิธีแรก เป็นการซุกหนี้แบบนกกระจอกเทศเอาหัวซุกทรายแล้วบอกว่าไม่เห็นสิงโตที่ไล่ล่าอยู่ นั่นคือวิธีการที่กำลังนำมาใช้ในกฎหมายกู้มาโกง 2 ล้านล้านบาท
เพราะกฎหมายฉบับนี้เมื่อกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ก็ต้องเป็นหนี้สาธารณะ 2 ล้านล้านบาท ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ
แต่นักการเมืองเจ้าเล่ห์ได้ใช้กลศรีธนญชัยเขียนกฎหมายว่าเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนี้เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากหนี้สาธารณะตามกฎหมาย ซึ่งหมายความว่าไม่ให้ถือว่าเป็นหนี้สาธารณะ จึงเป็นการลวงคนไทยและลวงโลกชนิดแก้ผ้ายืนกลางสนามหลวงทีเดียว
วิธีที่สอง เป็นการซุกหนี้แบบโยกกระเป๋าใส่กระเป๋าขวา ดังเช่นกรณีที่มีการโอนหนี้ของกระทรวงการคลังจากกรณีทำให้ประเทศชาติล่มจมในการปิดธนาคารและสถาบันการเงินเมื่อปี 2540 จำนวน 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเดิมเมื่อเป็นหนี้ของกระทรวงการคลังก็ต้องเป็นหนี้สาธารณะตามกฎหมาย
แต่นักการเมืองเจ้าเล่ห์ได้ใช้กลศรีธนญชัยออกกฎหมายโอนหนี้ดังกล่าวไปให้เป็นหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย จึงทำให้หนี้สาธารณะลดลง 1.2 ล้านล้านบาท ทั้งๆ ที่ถึงวันนี้หนี้ดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการชำระหนี้
วิธีที่สาม เป็นวิธีการเล่นแร่แปรธาตุในโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทรัฐวิสาหกิจ เช่น ปตท.หรือบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งถึงแม้เป็นบริษัทมหาชนแต่ก็เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมาย เพราะกระทรวงการคลังถือหุ้นเกินครึ่งหนึ่ง ดังนั้นหนี้สินอันใดที่กระทรวงการคลังหรือรัฐบาลค้ำประกันก็เป็นหนี้สาธารณะตามที่กฎหมายบัญญัติ
แต่นักการเมืองได้แถลงเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า จะหาทางลดหนี้สาธารณะประเภทนี้ โดยการขายหุ้นของ ปตท. และการบินไทย เพื่อให้กระทรวงการคลังเหลือหุ้นไม่เกินครึ่งหนึ่ง ก็จะทำให้พ้นสภาพจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ และจะทำให้หนี้สาธารณะลดลง ทั้ง ๆ ที่หนี้เหล่านั้นยังคงอยู่ทุกบาททุกสตางค์
แต่การซุกหนี้วิธีนี้มีเงื่อนงำซับซ้อนซ่อนเงื่อน เป็นกลวิธีฮุบทั้ง ปตท. และการบินไทยไปเป็นของนักการเมือง
เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีการเอาหุ้น ปตท. หรือการบินไทยออกมาขายตามข้ออ้างที่ว่าเพื่อให้กระทรวงการคลังถือหุ้นไม่ถึงครึ่งแล้ว ใครเล่าที่จะซื้อหุ้นดังกล่าวได้ ก็คงเป็นเหมือนดังเมื่อครั้งแปรรูป ปตท. ที่ใช้เวลาเพียงนาทีเดียวก็ขายหุ้นหมดเกลี้ยง โดยประชาชนคนทั่วไปไม่มีโอกาสได้ซื้อเลย เพราะนักการเมืองโกงซื้อเอาไปจนหมดสิ้น
ทีนี้แหละทั้ง ปตท. และการบินไทย ซึ่งเป็นสมบัติของชาติที่บรรพบุรุษไทยสร้างสมมาก็จะตกเป็นของนักการเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ อย่างนี้จะเจ็บกึ๋นไปถึงกระดองใจไหมล่ะพระคุณท่าน!
เอากันแค่วิธีการซุกหนี้แบบศรีธนญชัยทั้งสามวิธีนี้ ก็สามารถทำให้สิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน อย่างง่ายดาย และเมื่อนั้นคนไทยทั้งประเทศก็จะตกเป็นทาสอยู่ในอำนาจทางเศรษฐกิจไปตลอดกาลนาน
ที่มา:
http://www.naewna.com/politic/columnist/6018
ปล.อย่าหลงกล พวกนักการเมืองให้มากนักนะครับ...บ้านเมืองจะบรรลัย...เอิ๊ก ๆ ๆ
วิธีซุกหนี้สาธารณะของศรีธนญชัย
เพราะเมื่อสังเกตดูลีลาการพูดและวาทะกรรมมากหลายของนักการเมืองแล้วก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนถึงการเข้ามาสิงสู่หรือการกลับชาติมาเกิดของศรีธนญชัยสุดยอดจอมกะล่อน
ไม่ต้องดูมากเรื่อง เอากันแค่หนี้สาธารณะของแผ่นดิน ซึ่งในทางกฎหมายอยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยการก่อหนี้สาธารณะ ที่รัฐบาลจะก่อหนี้สาธารณะได้ไม่เกินจำนวนที่กำหนดขึ้นตามสัดส่วนของรายได้ประชาชาติ หรือจีดีพีของชาติ
ในทางสากล เป็นหลักปฏิบัติทางการเงินการคลังหรือที่เรียกว่าวินัยการเงินการคลังที่เป็นมาตรฐานอย่างเดียวกันทั่วทั้งโลก ซึ่งถือเกณฑ์เดียวกันคือขีดความสามารถในการชำระหนี้แล้วมากำหนดขึ้นเป็นอัตราส่วนต่อรายได้ประชาชาติที่อนุญาตให้ประเทศใดประเทศหนึ่งก่อหนี้สาธารณะได้
หากก่อหนี้เกินกว่าสัดส่วนจำนวนดังกล่าวแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นผู้ไม่มีวินัยการเงินการคลัง เป็นผู้ไม่น่าเชื่อถือ เป็นผู้ที่ไม่น่าไว้วางใจและคบไม่ได้ ดังนั้นถ้าประเทศใดชาติใดตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ประเทศนั้นจะ
นั่นเป็นเรื่องของประเทศ ก็ทำนองเดียวกันกับคนเราแต่ละคนนั่นแหละ ใครจะก่อหนี้ได้เท่าใดก็ย่อมขึ้นอยู่กับรายได้ว่า ถ้ามีรายได้เท่านั้นเท่านี้ก็ควรจะก่อหนี้ได้ไม่เกินเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งปกติก็จะถือเอาจำนวนดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายบวกด้วยจำนวนเงินที่จะต้องผ่อนชำระมาเปรียบเทียบกับรายได้ ว่าเอาเงินไปใช้หนี้แล้ว ยังจะมีกินมีใช้ปกติได้หรือไม่ ดังนี้เป็นต้น
ประเทศไทยของเราขณะนี้มีหนี้สาธารณะจนชนเพดานตามที่กฎหมายกำหนด ตามที่สากลโลกเขาจะยอมรับได้ ดังนั้นจึงมีการใช้เล่ห์กลศรีธนญชัยเพื่อจะลวงคนไทยและลวงโลกเพื่อจะได้ก่อหนี้สร้างสินให้กับแผ่นดินและประชาชน โดยในท่ามกลางการกู้หนี้ยืมสินนั้น ก็จะมีคนได้ประโยชน์จากการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นจำนวนมหาศาล
วิธีการแบบศรีธนญชัยที่จะใช้ในการซุกหนี้สาธารณะเท่าที่พอประมวลสรุปได้ในขณะนี้เห็นจะมีที่สำคัญดังต่อไปนี้
วิธีแรก เป็นการซุกหนี้แบบนกกระจอกเทศเอาหัวซุกทรายแล้วบอกว่าไม่เห็นสิงโตที่ไล่ล่าอยู่ นั่นคือวิธีการที่กำลังนำมาใช้ในกฎหมายกู้มาโกง 2 ล้านล้านบาท
เพราะกฎหมายฉบับนี้เมื่อกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ก็ต้องเป็นหนี้สาธารณะ 2 ล้านล้านบาท ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ
แต่นักการเมืองเจ้าเล่ห์ได้ใช้กลศรีธนญชัยเขียนกฎหมายว่าเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนี้เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากหนี้สาธารณะตามกฎหมาย ซึ่งหมายความว่าไม่ให้ถือว่าเป็นหนี้สาธารณะ จึงเป็นการลวงคนไทยและลวงโลกชนิดแก้ผ้ายืนกลางสนามหลวงทีเดียว
วิธีที่สอง เป็นการซุกหนี้แบบโยกกระเป๋าใส่กระเป๋าขวา ดังเช่นกรณีที่มีการโอนหนี้ของกระทรวงการคลังจากกรณีทำให้ประเทศชาติล่มจมในการปิดธนาคารและสถาบันการเงินเมื่อปี 2540 จำนวน 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเดิมเมื่อเป็นหนี้ของกระทรวงการคลังก็ต้องเป็นหนี้สาธารณะตามกฎหมาย
แต่นักการเมืองเจ้าเล่ห์ได้ใช้กลศรีธนญชัยออกกฎหมายโอนหนี้ดังกล่าวไปให้เป็นหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย จึงทำให้หนี้สาธารณะลดลง 1.2 ล้านล้านบาท ทั้งๆ ที่ถึงวันนี้หนี้ดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการชำระหนี้
วิธีที่สาม เป็นวิธีการเล่นแร่แปรธาตุในโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทรัฐวิสาหกิจ เช่น ปตท.หรือบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งถึงแม้เป็นบริษัทมหาชนแต่ก็เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมาย เพราะกระทรวงการคลังถือหุ้นเกินครึ่งหนึ่ง ดังนั้นหนี้สินอันใดที่กระทรวงการคลังหรือรัฐบาลค้ำประกันก็เป็นหนี้สาธารณะตามที่กฎหมายบัญญัติ
แต่นักการเมืองได้แถลงเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า จะหาทางลดหนี้สาธารณะประเภทนี้ โดยการขายหุ้นของ ปตท. และการบินไทย เพื่อให้กระทรวงการคลังเหลือหุ้นไม่เกินครึ่งหนึ่ง ก็จะทำให้พ้นสภาพจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ และจะทำให้หนี้สาธารณะลดลง ทั้ง ๆ ที่หนี้เหล่านั้นยังคงอยู่ทุกบาททุกสตางค์
แต่การซุกหนี้วิธีนี้มีเงื่อนงำซับซ้อนซ่อนเงื่อน เป็นกลวิธีฮุบทั้ง ปตท. และการบินไทยไปเป็นของนักการเมือง
เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีการเอาหุ้น ปตท. หรือการบินไทยออกมาขายตามข้ออ้างที่ว่าเพื่อให้กระทรวงการคลังถือหุ้นไม่ถึงครึ่งแล้ว ใครเล่าที่จะซื้อหุ้นดังกล่าวได้ ก็คงเป็นเหมือนดังเมื่อครั้งแปรรูป ปตท. ที่ใช้เวลาเพียงนาทีเดียวก็ขายหุ้นหมดเกลี้ยง โดยประชาชนคนทั่วไปไม่มีโอกาสได้ซื้อเลย เพราะนักการเมืองโกงซื้อเอาไปจนหมดสิ้น
ทีนี้แหละทั้ง ปตท. และการบินไทย ซึ่งเป็นสมบัติของชาติที่บรรพบุรุษไทยสร้างสมมาก็จะตกเป็นของนักการเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ อย่างนี้จะเจ็บกึ๋นไปถึงกระดองใจไหมล่ะพระคุณท่าน!
เอากันแค่วิธีการซุกหนี้แบบศรีธนญชัยทั้งสามวิธีนี้ ก็สามารถทำให้สิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน อย่างง่ายดาย และเมื่อนั้นคนไทยทั้งประเทศก็จะตกเป็นทาสอยู่ในอำนาจทางเศรษฐกิจไปตลอดกาลนาน
ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/6018
ปล.อย่าหลงกล พวกนักการเมืองให้มากนักนะครับ...บ้านเมืองจะบรรลัย...เอิ๊ก ๆ ๆ