ลองอ่านดูนะครับ ในหลวงเราท่านสุดยอดจริงๆ

กระทู้สนทนา
พอดีผมอ่านบทสัมภาษณ์ พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร ในหนังสือแพรว ฉบับที่ 805 อ่านแล้วน้ำตาคลอ ลองอ่านกันดูนะครับ"

       "ผมได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทมานานกว่า 12 ปี มีพระบรมราโชวาทองค์หนึ่งที่พระราชทานให้ สำหรับผมถือว่ามีค่าที่สุด เกี่ยวข้องกับพระสมเด็จจิตรลดาที่พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสร้าง แล้วพระราชทานให้เฉพาะผู้ที่ขอรับพระราชทานและผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ บ้านเมือง สมัยนั้นคือทหารที่ไปรบสงครามเวียดนาม ส่วนผมไม่ได้รับราชการสนามต่างประเทศ แต่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการปราบปรามผู้ก่อการร้าย เมื่อปี 2510 ผมได้รับพระมหากรุณาธิคุณรับพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำที่วังไกลกังวล ขณะที่กำลังจะออกจากวัง นางสนองพระโอษฐ์มาบอกว่า พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า ตำรวจที่ยังไม่ได้รับพระราชทานพระให้คอยอยู่ก่อน ผมจึงโชคดีได้รับเข้ารับพระราชทานพระสมเด็จจิตรลดาจากพระหัตถ์ พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราโชวาทว่า "พระที่จะนำไปบูชาให้ปิดทองเสียก่อน แต่ให้ปิดปิดทองข้างหลังพระ" จากนั้นทรงรับสั่งอธิบายด้วยว่า "ที่ให้ปิดทองข้างหลังพระ เพื่อจะได้เป็นเครื่องเตือนตัวเองว่า ทำความดีไม่ต้องต้องกลัวคนจะไม่รับรู้ไม่เห็น ให้ถือว่าการทำความดีเป็นรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว"

       "จากนั้นผมเข้ากรุงเทพ นำพระไปใส่กรอบที่บางลำพู พร้อมกับปิดทองคำเปลวแท้หนึ่งแผ่น แล้วนำมาห้อยคอองค์เดียวมาตลอด ตลอดหนึ่งปีที่ได้รับพระราชทานพระมา เป็นปีที่ชีวิตผมระหกระเหินและ เสี่ยงอันตราย มีการปะทะต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย แต่ผมไม่ได้ขึ้นเงินเดือนแม้แต่บาทเดียว แถมจะโดนตั้งกรรมการสอบสวน

       ปีต่อมา ผมได้เข้าเฝ้าที่วังไกลกังวงอีกครั้ง พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ร่วมโต๊ะเสวย และได้นั่งอยู่เบื่องซ้ายของพระองค์ท่าน พอรับพระราชทานอาหารค่ำเสร็จ ด้วยความน้อยอกน้อยใจบวกกับการดื่มแอลกอฮอล์ไปสองแก้ว ผมจึงก้มลงกราบ แล้วกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต พระองค์ท่านจึงรับสั่งถามว่า "จะเอาอะไร" ผมกราบบังคมทูลว่า "พระสมเด็จจิตรลดาที่ได้รับพระราชทานไป ผมห้อยคออยู่องค์เดียว ปรากฏว่า ปีที่ผ่านมาหนักหนาสาหัสที่สุด มีการปะทะต่อสู้ ซึ่งถือเป็นบำเหน็จ แต่กรมตำรวจไม่ขึ้นเงินเดือนให้ จึงจะมาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตปิดทองหน้าพระ" พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งตอบทันทีว่า "ปิดทองข้างหลังมากๆ แล้วมันจะล้นมาข้างหน้านรางวัล ตั้งแต่นั้นผมยึดถือปฏิบัติมาตลอด เวลาทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองแล้ว ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรทั้งนั้น

        หลายปีต่อมา ก่อนอาบน้ำผมจะเชิญพระจากคอมาแขวนไว้ แล้วเห็นว่าทองล้นมาข้างหน้าพระจริงๆ ตั้งแต่นั้นทองก็ล้นมาข้างหน้าเรื่อยๆ
ชื่อเสียงลาภยศก็มาถึงตัวผม แม้จะมีอุปสรรคบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ผมก็รอดมาได้โดยสวัสดิภาพจนทุกวันนี้ มีคนเคยถามว่า ท้อบ้างไหม ผมตอบทันทีว่า ผมท้อไม่เป็น เพราะได้คาถาของพระองค์ท่าน

        "ทำดีแล้วไม่มีใครรู้ เพราะยังไม่มีใครรู้ ความดีไม่ได้สูญไปไหน ถึงเวลาก็มีคนรู้วันยันค่ำ"

ในส่วนตัวผมจะตั้งใจทำความดีโดยไม่หวัง ผลตอบแทน เพราะ ผู้ปิดทองหลังพระย่อมได้ความสุขใจมากๆครับ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่