ประสบการณ์ครั้งแรกที่ลืมไม่ลง กับ รพ. สัตว์ชื่อดังในเชียงใหม่

กระทู้สนทนา
เราอยากมาแชร์ประสบการณ์ครั้งแรกกับ รพ. รักษาสัตย์ชื่อดังในเชียงใหม่คะ

สืบเนื่องจากคืนวันพุธที่ผ่านมา น้องหมาเราอ้วกหลายรอบเลย เราเลยต้องรีบพาส่ง รพ. เวลาประมาณตี 3 และเนื่องจากเราพึ่งย้ายมาอยู่เชียงใหม่ จึงไม่ค่อยรู้เส้นทางดีนัก เลยโทรถามทางไป รพ. ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ไม่สามารถบอกเส้นทางได้ เราเลยต้องเซิททางไปเอง

พอไปถึง รพ. คุณหมอก็ให้แอดมิน เพราะกลัวน้องหมาช็อค และต้องเจาะเลือดไปตรวจ ว่าติดเชื้อในลำไส้หรือเปล่า คุณหมอทิ่มขาน้องหลายรอบมากกก เราก็สงสัยเลยถาม เค้าก็บอกว่า หาไม่เจอ เราก็เริ่ม งงๆ  สุดท้ายก็เปลี่ยนข้าง เราสงสารน้องมากก เพราะเค้าไม่ร้องเลยยย แต่มองมาทางเราตลอด และพยายามดึงขาออก (ปกติก่อนย้ายมาเชียงใหม่ เรารักษารพ.สัตย์ทองหล่อตลอด ไม่เคยเจอแบบนี้) เราเลยไม่ค่อยมั่นใจแล้ว แต่คือก็ไม่มีทางเลือก เนื่องจากเป็น รพ. เดียวที่เปิดอยู่ ณ เวลานั้น ก่อนกลับเราก็บอกพนักงานว่า มีอะไร ให้โทรหาได้ตลอดเวลา

เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ก็โทรหาเรา อัพเดท ตลอดว่า อึเป็นยังไง อ้วกไม๊ กินข้าวได้ประมาณไหน เราก็โอเค ค่อยสบายใจขึ้น และเริ่มมั่นใจในมากขึ้นในระดับนึง พอตอนเท่ียง เราพัก เลยขับรถไปเยี่ยมน้องหมา ตอนเราเข้าไปใน รพ. เราไม่เจอเจ้าหน้าที่เลย เพราะพากันไปพักทานข้าวหมด เราก็ งง ว่ายังงี้ก็ไม่มีคนเฝ้าเลยสิ แต่ก็ไม่ได้คิดมาก เราเดินไปเล่นกับน้องสักพัก วันแรกผ่านไป ไม่มีอะไร ทางรพ. บริการดี เจ้าหน้าที่โทรอัพเดทตลอด เราก็เริ่มมั่นใจในรพ.มากขึ้น

พอวันที่2 เราไปเยี่ยมน้องและเริ่มสังเกตว่า น้องไม่ร่าเริงเหมือนวันแรก เลยถามหมอว่าเกิดอะไรขึ้น คุณหมอบอกว่า น่าจะเป็นจากการถ่ายขอเสียและเพลีย และเราก็สังเกตว่าขาน้องข้างที่เจาะน้องเกลือ น้องไม่ยอมขาวางกับพื้นเลย เราก็เลยลองเอามือไปจับ ปรากฏว่า ขาน้องบวมจากน้ำเกลือที่หลุดออกมาจากเส้นเลือด คุณหมอกเพิ่่งสังเกตเห็นและตกใจเหมือนกัน เพราะน้องเจ็บมาก และขาบวมมาก แสดงว่าหมอหรือผู้ช่วยตรวจแบบผ่านๆ มา เราเคยคิดว่า ถ้าวันนั้นเราไม่ไปเยี่ยม ขาน้องจะบวมไปถึงไหน และเจ็บขนาดไหน สุดท้ายคุณหมอก็นำน้องออกมา เปลี่ยนข้างใส่สายน้ำเหลือ ซึ่งเวลานั้น ไม่มีผู้ช่วยอยู่เลย

เราเลยเกิดคำถามว่า ระบบการจัดการแบบไหนกัน ที่ให้พนักงานไปพักพร้อมกัน โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนกะเลย คุณหมอก็จัดการเอง ใช้กรรไกรตัดปลาสเตอร์ออก เราก็เห็นน้องสะดุ้ง แต่ว่าบังเอิญตัวนี้เป็นตัวที่ไม่ค่อยส่งเสียง แม้กระทั่งเวลาเจ็บ เราเลยไม่ได้สงสัยอะไร ก็เปลี่ยนข้าง

พอมาอีกวันนึง เราก็กลับมาเยี่ยมอีก มองดูใบอาการที่ติดอยู่หน้ากรงของน้อง จิงๆ อาการของน้องต้องเปลี่ยนจากอ้วกเป็นท้องเสีย แต่ในใบยังติดอยู่ว่าอาเจียน เราเลยสอบถามอาการกับคุณหมอว่าจิงๆ แล้วเป็นอะไร คุณหมอก็ตกใจว่า ไม่มีใครเปลี่ยน คุณหมอก็เลยจัดการเปลี่ยนให้เลย เราเลยเกิดคำถามอีกว่า แล้วยังงี้คุณหมอคนอื่นมาดูละ?? จะเฝ้าดูอาการถูกหรอ? เราก็เริ่มรู้สึกว่ารพ. ละหลวมในการตรวจดูแลน้องหมา แต่เราก็ยังไม่ติดใจอะไร

วันที่ 3  ก็ปกติดี ไม่มีอะไรคะ

พอเข้าวันที่ 4 เราตั้งใจแล้วว่า ยังไงวันนี้ก็จะเอาน้องออก พอตอนไปรับน้อง คุณหมอก็บอกว่าพอดีน้องมีแผลที่มือซ้าย เกิดจากโดนกรรไกรตัด ในวันที่ต้องเปลี่ยนสายน้ำเกลือ เราก็เลยจำได้ว่า น้องสะดุ้งในวันนั้น เราก็ไม่เห็นแผล เพราะพลาสเตอร์แปะอยู่ คุณหมอก็บอกว่าแผลนิดเดียว เราก็เชื่อหมอ เลยรับหมอกลับบ้าน

พอกลับมาถึงบ้าน เราก็ตั้งใจจะอาบนำ้ให้ เลยเอาผ้าพันแผลออก พอเห็นแผลเท่านั้นแหละ เราตกใจมากก คือแผลทั้งใหญ่และลึกมาก  เห็นเนื้อชั้นในเลย เราเลยไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมคุณหมอบอกว่าเล็ก เพราะว่าจะไม่รับผิดชอบรึป่าว และไม่มียาอะไรมาให้เลย เราเลยรีบพาไปอีก รพ. นึง ที่พี่ที่รู้จักแนะนำมา ใกล้ๆ เชียงใหม่แลนด์ คุณหมอที่นั่นก็บอกว่า จิงๆ แล้วแผลลึกขนาดนี้ เค้าน่าจะเย็บแผล และใส่ลำโพงให้น้อง เพราะน้องเลียแผลตลอด ซึ่งจะทำให้แผลหายช้า

ที่เราเล่ามาทั้งหมดนี้ ไม่ได้อยากทำให้ รพ. เสียชื่อเสียงแต่อย่างใด แต่อยากให้ทางรพ.ปรับปรุง การบริการมากกว่านี้ ใส่ใจในการบริการมากขึ้น เพราะเราก็เชื่อว่า ทุกๆ คนที่พาน้องหมาไปรักษา ต้องการการบริการที่ดีที่สุดสำหรับน้องคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่