โอกาสที่พรบ. 2 ล้านล้านของ "ประเทศไทย" จะเดินตามลอยวิกฤต "ประเทศกรีซ"

ก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์ใดใด รบกวนช่วยดูคลิปบรรยาย "วิกฤตหนี้ยุโรป" อาจารย์บรรยายได้อย่างน่าสนใจมากครับ
เท่าที่ฟังหากดูหนี้ต่อ GDP ไทยยังห่าง แต่อาจารย์บอกว่าไม่แน่เสมอไปเพราะอาเจนติน่าหนี้ต่อ GDP 67% ก็เกิดวิกฤตแล้ว
ที่ผ่านมาประเทศไทยเกิดวิกฤตทางการเงิน แต่ไม่เคยกระทบการคลัง เพราะยังคงมีวินัยมาโดยตลอด

ขอ Tag 2 ห้อง สินธร และราชดำเนิน เพราะน่าจะเกี่ยวข้องที่สุดครับ จะได้แชร์ความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกัน




http://www.doctorwe.com/variety/20120619/1880
เลือกตั้งกรีซรู้ผลไปแล้ว  และ…หลายคนคงทราบผลแล้ว

พรรคประชาธิปไตยใหม่ (ND)  คาดว่าจะได้ 129 ที่นั่ง จาก 300 ที่นั่ง

และนายซามาราส ก็จะเป็น..ประธานาธิบดี คนใหม่ ของกรีซ

ซึ่งคงจะต้องฝ่าฟัน…   ปัญหาที่เรื้อรังมานาน

วันนี้จึงขอเสนอตอน   ลำดับเหตุการณ์ กรีซ.. เดินไปสู่ “วิกฤต”









ปี 2543-2550  เศรษฐกิจกรีซเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่ “โตเร็วที่สุด” ในยูโรโซน

โดยมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 4.2% ต่อปี

และมีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาแบบ…  มหาศาล

สาเหตุจาก… เศรษฐกิจอันแข็งแกร่งและการเป็นสมาชิกใน กลุ่มยูโรโซน

ทำให้รัฐบาลกรีซจึงอยากดำเนินงบประมาณแบบ… ขาดดุลทางโครงสร้างครั้งใหญ่









การจัดการงบประมาณแบบ….ขาดดุลจำนวนมาก เป็นสิ่งที่ กรีซ ทำมานานแล้ว

นับตั้งแต่สมัยฟื้นฟูประชาธิปไตยใน ปี 2517

หลังโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการทหารฝ่ายขวา

รัฐบาลต้องการนำประชาชนส่วนที่เอียงซ้ายและเคยถูกตัดสิทธิต่างๆ เข้าสู่ระบบ

เพื่อให้ประชาชน “ปรองดอง” กัน   และกลับเข้าสู่เศรษฐกิจแบบทุนนิยม









รัฐบาลกรีซหลายชุดจึงบริหารงาน แบบขาดดุลงบประมาณ ตลอดมา

เพื่อจัดหาบำนาญ และสวัสดิการสังคมอื่นๆ ให้แก่ประชาชนที่ทำงานในภาครัฐและภาคเอกชน

เพื่อ “ปรนเปรอ”  ประชาชน…  ที่มีความคิดแตกแยก

ตั้งแต่ ปี 2536 เป็นต้นมา

หนี้ต่อจีดีพีของกรีซก็อยู่เหนือระดับ 100 เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว







ปี 2542   เกิด “กลุ่มยูโรโซน” ที่เริ่มมีการใช้เงินยูโร อย่างเป็นทางการ

รัฐบาลกรีซ  มีความต้องการที่อยากจะให้ประเทศเข้าไปเป็นสมาชิกอย่างยิ่ง

แต่เงื่อนไขบางประการ เช่น ขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น

เงื่อนไขเหล่านี้ ทำให้กรีซ…ขาดคุณสมบัติ การเข้าเป็นสมาชิก กลุ่มยูโรโซน









เพื่อที่จะเข้าเป็น “สมาชิก” กลุ่มยูโรโซนให้ได้

รัฐบาลกรีซจึง “บิดเบือน” ข้อมูลทางเศรษฐกิจของประเทศ

ตัวเลขหลายตัวถูกแก้ไข เพื่อให้ดูเหมือนว่า กรีซ สามารถปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด

จนในที่สุด ปี 2544

“กรีซ”  ก็ได้เป็นสมาชิกกลุ่มยูโรโซน…สมความอยาก  และได้ใช้ “เงินยูโร” อย่างเป็นทางการ









ต่อมา ต้นปี 2553 ….

มีการค้นพบกว่ากรีซได้จ่ายเงินให้แก่โกลด์แมนแซกส์และธนาคารอื่น ๆ

เป็นจำนวนหลายร้อยล้านดอลลาร์  เป็นค่านายหน้าตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา

เพื่อจัดการธุรกรรมเพื่อปกปิด  คุณสมบัติทางการเงินของกรีซ “ที่ต่ำกว่าเกณฑ์”

โดยระบบการจัดการของกลุ่มยูโรโซน  มีความสามารถ “ไม่เพียงพอ” ที่จะตรวจพบ









จุดประสงค์ของการการะทำดังกล่าว ที่ทำโดยรัฐบาลกรีซมาหลายสมัย

ก็เพื่อให้รัฐบาลสามารถใช้จ่ายเงิน….  “ได้เกินกว่ารายได้”

ขณะที่ซ่อนตัวเลขหนี้สินที่แท้จริงจากผู้สังเกตการณ์ของผู้แทนจากกลุ่มยูโรโซน









ในปี 2552 รัฐบาลนายจอร์จ ปาปันเดรอู

ได้ทบทวนหนี้สินของประเทศจากที่เคยประมาณไว้ที่ 106% เป็น 112.7% ของ GDP

ในเดือนพฤษภาคม 2553 หนี้สินภาครัฐของกรีซอยู่ที่ 113.6% ของ GDP

ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีหนี้สินภาครัฐสูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับจีดีพี









ต่อมา วันที่ 27 เมษายน 2553

เรตติงหนี้สินของกรีซถูกลดลงไปอยู่ที่สถานะ “ขยะ” โดยสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส

ท่ามกลางความกลัวว่าจะเกิดการผิดชำระหนี้โดยรัฐบาลกรีซ

อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลสองปีเพิ่มสูงขึ้นถึง 15.3%

หลังจากการลดสถานะดังกล่าว  นักวิเคราะห์บางคนตั้งคำถามว่า

กรีซ จะมีความสามารถ ที่จะก่อ “หนี้ใหม่”  เพื่อชดใช้  “หนี้เก่า”  หรือ ?









สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส ประเมินว่า ในเหตุการณ์ที่ กรีซ ผิดชำระหนี้นั้น

ผู้ถือพันธบัตรของกรีซ  อาจจะสูญเสียเงินลงทุนของตนไปถึง 30-50%

ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกจึงปรับตัวลดลง  หลังจากมีแถลงการณ์ดังกล่าว

“เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด”  สถาบันจัดอันดับ ฟิทช์ มูดีส์ และเอสแอนด์พี ประกาศ…

ลดอันดับความน่าเชื่อถือของ กรีซ

จึงทำให้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลกรีซเพิ่ม  …สูงขึ้น   …และสูงขึ้น









วันที่ 5 มีนาคม 2553

รัฐสภากรีซผ่านร่างรัฐบัญญัติ ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดรายจ่ายภาครัฐลงถึง 48,000 ล้านยูโร

โดยการดำเนินมาตรการหลายอย่าง รวมทั้งการลดค่าจ้างภาคเอกชน

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2553

รัฐบาลกรีซร้องขอความช่วยเหลือทางการเงิน “อย่างเร่งด่วน” ก่อนวันที่ 19 พฤษภาคม 2553

มิฉะนั้นแล้ว  กรีซ..จะผิดนัดชำระหนี้  และทำให้ทั้งโลก “โกลาหล” แน่









วันที่ 2 พฤษภาคม 2553

กรีซ บรรลุข้อตกลงกู้ยืมกับกลุ่มประเทศยูโรโซน และ ไอเอ็มเอฟ

โดยจะได้รับเงินกู้ทันที 45,000 ล้านยูโร

และได้รับในภายหลังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 110,000 ล้านยูโร

ดอกเบี้ยของการให้กู้ครั้งนี้เป็น 5% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับเงินช่วยเหลือทางเศรษฐกิจใดๆ

รัฐบาลกรีซตกลงที่จะดำเนินมาตรการรัดเข็มขัด “รอบที่สี่” และ “รอบที่ห้า”









“มาตรการรัดเข็มขัด”  เหล่านี้ประกอบด้วย

ภาคเอกชนจะต้องจำกัดโบนัสลงเหลือ 1,000 ยูโร

และยกเลิกโบนัสสำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 3,000 ยูโรต่อเดือน

จำกัดการจ่ายเงินบำนาญ เหลือ 800 ยูโรต่อเดือน

มีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการลาหยุดงานและการจ่ายค่าทำงานล่วงเวลา









ตั้งภาษีพิเศษเพื่อเรียกเก็บผลกำไรของบริษัท

เพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มในบางรายการสูงถึง 23 %

เพิ่มภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยอีก 10%

การปรับอายุเกษียณของชายและหญิงให้เท่ากัน

อายุเกษียณเฉลี่ยของลูกจ้างในภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจาก 61 เป็น 65 ปี

ลดจำนวนบริษัทของเอกชนลงจาก 6,000 เหลือ 2,000 แห่ง









และนั่นคือ ลำดับเหตุการณ์ กรีซ.. เดินไปสู่ “วิกฤต”

เวลานี้ การเลือกตั้ง กรีซ…. ผ่านไปแล้ว

รัฐบาลใหม่…กำลังจะเข้ามา

พร้อมๆกับ “หนี้ก้อนใหม่” ก็กำลังจะเข้ามา…

เพื่อไปชำระ…    “หนี้ก้อนเก่า”









จากนี้ไป กรีซ จะหารายได้จากที่ไหน ?  มาจ่าย “หนี้ก้อนโต”   ตอนนี้ คนกรีซ..ไม่สนแล้ว

ขอแค่ให้ จ่ายเงินเดือน..  จ่ายเงินโบนัส..  จ่ายบำนาญ  ให้เต็ม…

เหมือนเมื่อ “ก่อนเกิดวิกฤต”  เท่านี้  ประชาชน…   ก็พอใจแล้ว

แล้ว  รัฐบาลใหม่ของนายซามาราส…  จะทำให้หน่อยได้ไหม ?

หากทำได้   “คนกรีซ” ก็คงจะเป็นทาสลัทธิ “ประชานิยม” อยู่เหมือนเดิม

แต่ก็ไม่เป็นไร   เพราะ…  มันดีกว่า “รัดเข็มขัด” แน่ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่