นิทานชาวสวน ๒๘ มี.ค.๕๖
ทหารทำทีวี
ขณะนั้นเป็นเวลา ๑๗๐๐ เศษ ผมเข็นกล้องถ่ายโทรทัศน์หมายเลข ๒ ในห้องส่งเล็กรูปหกเหลี่ยม ที่ทันสมัยที่สุด เพิ่งสร้างเสร็จมาเมื่อสองปีที่แล้ว เข้าหาข้างฝาด้านหนึ่ง เพื่อจับภาพนาฬิกาซึ่งกำลังเดินผ่านเวลาห้าโมงเย็น เมื่อเฟรมภาพได้พอเหมาะดีแล้วก็ล็อคกล้องไว้
แล้วเข็นกล้องหมายเลข ๑ ไปตั้งตรงหน้าโต๊ะสำหรับโฆษกหรือผู้ประกาศ จะนั่งกล่าวเปิดรายการของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ ขณะนั้นยังไม่มีผู้ใดมานั่ง แต่ก็กะเฟรมภาพให้พอดีกับโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวเล็กนั้น แล้วก็ล็อคกล้องไว้เช่นเดียวกัน
กล้องถ่ายโทรทัศน์ที่ว่านี้ มีขนาดกว้างยาวและสูง ขนาดปี๊บน้ำมันก๊าดสองใบเรียงกัน ตั้งอยู่บนขาหยั่งสามขา ปกติจะยาวเกือบเมตร แต่อาจจะยืดออกได้เป็นสองเท่า ตั้งอยู่บนแท่นล้อเลื่อนรูปสามเหลี่ยม มีล้อยางสามล้อ เพื่อให้เคลื่อนที่ได้ในเวลาปฏิบัติงาน
ตัวกล้องมีเล็นส์ถ่ายภาพสี่เล็นส์ ขนาดที่ใช้จับภาพกว้าง ๓๙ มิลลิเมตร และสำหรับจับภาพแคบลงมาคือ ๓ นิ้ว ๔ นิ้ว และ ๕ นิ้ว ขณะนี้กำลังใช้เล็นส์ขนาด ๓ นิ้วทั้งสองกล้อง
ระหว่างนี้ฝ่ายเครื่องส่งโทรทัศน์ ก็เปิดเครื่องแล้วฉายภาพตารางอะไรออกมาอันหนึ่ง มีเส้นตรงเส้นโค้ง และแถบสีขาวเทาดำ ดูเหมือนเขาจะเรียกว่าแพทเทอร์น ส่งออกอากาศล่วงหน้าก่อนเริ่มรายการ สำหรับให้ช่างโทรทัศน์ หมุนปุ่มต่าง ๆ บนหน้าปัทม์เครื่องรับ ปรับภาพให้เรียบร้อยเสียก่อน คือเส้นตรงก็ให้ตรงจริง ๆ ไม่คดงอขยุกขยิก เส้นโค้งวงกลมก็ให้มันกลมแน่ ไม่เป็นรูปไข่หรือบิดเบี้ยว เป็นรูปขนมเปียกปูนหรือสี่เหลี่ยมคางหมู
ฝ่ายเสียงก็ลองระบบเสียงดูบ้างว่าเป็นอย่างไร ครั้งแรกก็ลองเสียงหวีดยาวแสบแก้วหู เขาเรียกว่าอะไรก็จำไม่ได้เสียแล้ว ซึ่งเป็นเสียงที่รบกวนประสาทมาก ถ้าสุนัขได้ยินอาจจะหอนรับก็ได้ พอกะว่าผู้ฟังหูสะอาดดีแล้ว ก็เริ่มเปิดแผ่นเสียงออกอากาศต่อไป บางวันอาจเป็นเพลงคลาสสิคอย่างไพเราะเสนาะโสต บางทีก็เป็นเพลงไลท์มิวสิค ป๊อบปูล่าซองส์ หรือเพลงฮิตประจำสัปดาห์ประจำเดือนประจำปี หรืออาจเป็นเพลงไทยลูกกรุงชานกรุงจนถึงลูกทุ่ง แล้วแต่อารมณ์ หรือว่าที่จริงก็คือตามรสนิยมของเจ้าหน้าที่เสียงในวันนั้น แต่รับรองว่าเพลงไทยแท้ที่เรียกว่าไทยเดิมนั้น ไม่มีให้ฟังเป็นแน่
เมื่อใกล้จะถึงเวลาออกอากาศเปิดสถานี ผู้ประกาศเข้ามานั่งประจำที่บนโต๊ะ แคบ ๆ หน้ากล้อง ๑ นั้นแล้ว ทางฝ่ายแสงในห้องส่งก็เปิดไฟจัดไฟให้ส่องผู้ประกาศ คล้ายกับการจัดแสงในห้องถ่ายภาพนิ่ง ตามร้านถ่ายรูปทั่วไป ด้วยการเอาไม้ลำยาว ๆ เขี่ยให้ดวงโคมหันไปมาตามต้องการ
ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่ปรับกล้อง บนห้องควบคุม ก็ปรับภาพที่ได้รับจากห้องส่ง ผ่านเล็นส์ขึ้นไปเข้าเครื่องปรับ ที่เรียกย่อว่า CCU ฟังดูคล้าย ๆ ห้องฉุกเฉินของผู้ป่วยโรคหัวใจ ปรับให้ภาพของผู้ประกาศสวยใกล้ความจริงมากที่สุด แต่แม้โฆษกผู้นั้นจะแต่งหน้าให้งามหยดย้อยเพียงใด แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ หรือจะเป็นสูทสีอะไร เมื่อถ่ายออกมาเป็นภาพแล้ว ก็จะมีแค่สีขาวกับดำ หรืออาจจะมีสีเทาแทรกอยู่บ้างเท่านั้น แต่ก็พอจะรู้ว่าเธอผู้นั้นสวยมิใช่น้อย ในสมัยนั้นยังใช้ผู้ประกาศเปิดสถานีเพียงคนเดียวเท่านั้น คิดว่าทางสถานีคงจะคัดคนที่สวยที่สุด เท่าที่มีอยู่ มาทำหน้าที่เปิดสถานีก็ได้
เมื่อปรับทางเทคนิคของเครื่องมือ ทั้งภาพแสงเสียงเรียบร้อยแล้ว ก็ฉายสไลด์เป็นภาพทหารกำลังปักธงหรืออะไรประมาณนั้น ฝ่ายเสียงก็เปิดเพลงมาร์ชทหารสื่อสาร ให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการออกอากาศ ได้รับทราบว่าจะเริ่มเปิดสถานีแล้ว
ภายในห้องส่งนี้ มีผู้รับผิดชอบทั้งหมดอยู่นายหนึ่ง เรียกว่าผู้กำกับเวที จะต้องดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างทุกประการ ที่จะออกอากาศไปสู่ท่านผู้ชมทางบ้าน เช่นดูหน้าตาโฆษกสาวสวยว่า เขียนคิ้วเท่ากันหรือเปล่า ทรงผมหรือวิกที่สวมมานั้น อยู่กะร่องกะรอยเป็นอันดีแล้วหรือไม่ ป้ายชื่อที่วางอยู่ตรงหน้าได้กึ่งกลาง ไมโครโฟนอันเบ่อเริ่มหัวมู่ทู่ ที่วางแอบอยู่ข้างป้ายชื่อนั้น อย่าให้โผล่ออกมาในกรอบภาพเป็นอันขาด เพราะจะไปข่มบุคลิกภาพของโฆษกอย่างมากทีเดียว ส่วนนาฬิกาของกล้อง ๒ นั้น ต้องกำลังเดินอยู่และต้องแน่ใจว่า ตรงกับเวลามาตรฐานของประเทศไทยอย่างแน่นอนแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรที่ยังไม่ถูกไม่เหมาะ จะติดต่อกับผู้กำกับรายการ ที่อยู่ในห้องควบคุมข้างบน ก็จะพูดผ่านปากพูดหูฟังที่ติดอยู่กับตัวกล้อง เมื่อเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อย ก็ยกมือขวาขึ้นงอนิ้วหัวแม่มือไปชนกับนิ้วชี้ ให้เป็นวงกลม ชูเข้าไปที่หน้ากล้อง ให้ผู้กำกับรายการเห็น แทนคำว่า O.K. แปลว่าพร้อมแล้ว
ผู้กำกับรายการซึ่งนั่งอยู่ในห้องควบคุม ดูแลเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เป็นผู้มีอำนาจเต็มในการสั่งอะไรแก่ใครก็ได้ ในการออกอากาศ คำสั่งของเขาจะผ่านไมโครโฟนตรงหน้า กระจายไปยังห้องต่าง ๆ ด้วยเครื่องขยายเสียง และลงมาเข้าหูฟังที่สวมอยู่บนศรีษะของเจ้าหน้าที่กล้อง ในห้องส่ง และต่อสายพิเศษออกมาสำหรับผู้กำกับเวทีด้วย เพราะขณะนั้นวิทยุและโทรศัพท์มือถือ ยังไม่มีใช้กันอย่างแพร่หลายเหมือนปัจจุบัน คำสั่งของเขาเป็นเด็ดขาด ผู้ได้รับคำสั่งจะต้องปฏิบัติตามทันที อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ถ้ามีการขัดข้องด้วยประการใด ผู้ปฏิบัติจะต้องรีบรายงานทางเครื่องขยายเสียง หรือปากพูดหูฟังที่ว่า เข้ามายังลำโพงในห้องควบคุม ดังนั้นขณะที่กำลังปฏิบัติงานออกอากาศอยู่ ไม่ว่าใครจะพูดคุยหรือบ่นอะไร หรือด่าใคร ก็จะได้ยินทั่วกันหมดทุกคน
ผู้กำกับรายการนี้ขณะที่ทำหน้าที่ จะต้องใช้ประสาททุกส่วนให้เป็นประโยชน์ คือตาดูผังการจัดรายการในแผ่นกระดาษ และดูภาพที่ปรากฏอยู่บนจอภาพเล็ก ๆ ตรงหน้า ที่มาจากกล้องโทรทัศน์ ซึ่งขณะนั้นทั้งสถานีมีเพียง ๔ กล้อง ตั้งอยู่ที่ห้องส่ง ๒ ยังไม่ใช้งาน ๒ กล้อง และกำลังเตรียมออกอากาศทางห้องส่ง ๑ อีก ๒ กล้องเท่านั้น หูคอยฟังเสียงต่าง ๆ จากผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่าย และฟังเสียงที่กำลังส่งออกอากาศด้วย ปากก็สั่งงานที่จะให้ผู้ใด ฝ่ายใด ทำอะไร ในนาทีต่อไป สมองก็ต้องคิดถึงสิ่งที่จะต้องส่งออกไปสู่ประชาชน ทางเครื่องรับตามลำดับในผังรายการ มือทั้งสองคอยควบคุมปุ่มและสวิทช์ต่าง ๆ เพื่อจะตัดภาพจากกล้อง และเครื่องฉายสไลด์ จากห้องต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามรายการ คงจะเหลือแต่จมูกเท่านั้น ที่ไม่ต้องใช้งาน เพราะแม้เวลาจะล่วงมาเกือบห้าสิบปีแล้ว โทรทัศน์ก็ยังไม่มีกลิ่น
เมื่อผู้กำกับรายการเห็นว่า ภาพแสงเสียงสไลด์พร้อมแล้ว และนาฬิกาเดินมาถึงเวลา ๑๗๒๘ ซึ่งเป็นเวลาใกล้จะเปิดสถานีได้แล้ว ก็สั่งให้ห้องฉายสไลด์เปลี่ยนภาพทหารเป็น ข้อความคำโคลงพระราชนิพนธ์ สยามานุสติ ฝ่ายเสียงก็เปลี่ยนแผ่นเสียงเป็นเพลงสยามานุสติ ที่ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองคุ้นหูเป็นอย่างดี เมื่อจบเพลงนี้แล้วสไลด์ก็เปลี่ยนเป็น ภาพกงจักรภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ วางอยู่บนช่อชัยพฤกษ์ อันเป็นเครื่องหมายกองทัพบก ฝ่ายเสียงก็เปิดเพลงมาร์ช กองทัพบก บอกยี่ห้อของสถานี
แล้วผู้กำกับรายการก็โยกสวิทช์ที่เป็นแผงอยู่ตรงหน้า เฟดภาพเครื่องหมายกองทัพบกให้เลือนออก ภาพนาฬิกาจากกล้อง ๒ ก็เข้ามาแทนที่ เข็มวินาทีกำลังเดิน เสียง ติ๊ก ติ๊ก…..พอถึงเวลา ๑๗๓๐ ตรง ภาพนาฬิกาก็เลือนหายไป มีภาพใบหน้าอันสวยสดของผู้ประกาศ จากกล้อง ๑ เข้ามาแทนที่ เธอผู้นั้นเริ่มประกาศรายการของสถานีในวันนั้น เป็นการเริ่มงานประจำวันของสถานีโทรทัศน์ ช่องหนึ่งในจำนวนที่มีอยู่ด้วยกันเพียงสองช่องเท่านั้น
ผมตกใจตื่นขึ้น เมื่อเสียงจากโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ดังฟู่ ๆ และมีภาพเกล็ดหิมะปลิวอยู่ทั่วจอภาพ จากสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ในหลายช่องที่ยังไม่ได้ออกอากาศ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
เรื่องราวที่ผมเล่ามาตั้งแต่ต้นนั้น เป็นภาพที่ยังติดค้างอยู่ในอนุสติของผม ทั้ง ๆ ที่เวลาได้ผ่านมากว่า ๔๕ ปีแล้ว เป็นภาพที่เกิดขึ้นจริง ที่ผมร่วมแสดงอยู่ในนั้นด้วย
สถานีโทรทัศน์แห่งนี้ เป็นสถานีที่ ๒ ของประเทศไทย คือ สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๗ ออกอากาศในระบบ ขาวดำ มีชื่อย่อว่า HS A TV หรือ ททบ. เรื่องที่เล่านี้อยู่ในระหว่าง พ.ศ.๒๕๐๓ หลังจากที่ได้เปิดสถานีมาแล้ว ๒ ปี เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์ ที่ทหารเป็นผู้ดำเนินงานโดยตลอด.
และเป็นต้นกำเนิดของ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕ ระบบสี ใน พ.ศ.๒๕๔๗ ที่มีคำขวัญว่า ช่องห้า นำคุณค่าสู่สังคมไทย และส่งผ่านดาวเทียมออกไปทั่วโลก นี่เองแหละครับ.
#########
วางเมื่อ เวลา ๑๖.๑๗
นิทานชาวสวน ๒๘ มี.ค.๕๖
ทหารทำทีวี
ขณะนั้นเป็นเวลา ๑๗๐๐ เศษ ผมเข็นกล้องถ่ายโทรทัศน์หมายเลข ๒ ในห้องส่งเล็กรูปหกเหลี่ยม ที่ทันสมัยที่สุด เพิ่งสร้างเสร็จมาเมื่อสองปีที่แล้ว เข้าหาข้างฝาด้านหนึ่ง เพื่อจับภาพนาฬิกาซึ่งกำลังเดินผ่านเวลาห้าโมงเย็น เมื่อเฟรมภาพได้พอเหมาะดีแล้วก็ล็อคกล้องไว้
แล้วเข็นกล้องหมายเลข ๑ ไปตั้งตรงหน้าโต๊ะสำหรับโฆษกหรือผู้ประกาศ จะนั่งกล่าวเปิดรายการของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ ขณะนั้นยังไม่มีผู้ใดมานั่ง แต่ก็กะเฟรมภาพให้พอดีกับโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวเล็กนั้น แล้วก็ล็อคกล้องไว้เช่นเดียวกัน
กล้องถ่ายโทรทัศน์ที่ว่านี้ มีขนาดกว้างยาวและสูง ขนาดปี๊บน้ำมันก๊าดสองใบเรียงกัน ตั้งอยู่บนขาหยั่งสามขา ปกติจะยาวเกือบเมตร แต่อาจจะยืดออกได้เป็นสองเท่า ตั้งอยู่บนแท่นล้อเลื่อนรูปสามเหลี่ยม มีล้อยางสามล้อ เพื่อให้เคลื่อนที่ได้ในเวลาปฏิบัติงาน
ตัวกล้องมีเล็นส์ถ่ายภาพสี่เล็นส์ ขนาดที่ใช้จับภาพกว้าง ๓๙ มิลลิเมตร และสำหรับจับภาพแคบลงมาคือ ๓ นิ้ว ๔ นิ้ว และ ๕ นิ้ว ขณะนี้กำลังใช้เล็นส์ขนาด ๓ นิ้วทั้งสองกล้อง
ระหว่างนี้ฝ่ายเครื่องส่งโทรทัศน์ ก็เปิดเครื่องแล้วฉายภาพตารางอะไรออกมาอันหนึ่ง มีเส้นตรงเส้นโค้ง และแถบสีขาวเทาดำ ดูเหมือนเขาจะเรียกว่าแพทเทอร์น ส่งออกอากาศล่วงหน้าก่อนเริ่มรายการ สำหรับให้ช่างโทรทัศน์ หมุนปุ่มต่าง ๆ บนหน้าปัทม์เครื่องรับ ปรับภาพให้เรียบร้อยเสียก่อน คือเส้นตรงก็ให้ตรงจริง ๆ ไม่คดงอขยุกขยิก เส้นโค้งวงกลมก็ให้มันกลมแน่ ไม่เป็นรูปไข่หรือบิดเบี้ยว เป็นรูปขนมเปียกปูนหรือสี่เหลี่ยมคางหมู
ฝ่ายเสียงก็ลองระบบเสียงดูบ้างว่าเป็นอย่างไร ครั้งแรกก็ลองเสียงหวีดยาวแสบแก้วหู เขาเรียกว่าอะไรก็จำไม่ได้เสียแล้ว ซึ่งเป็นเสียงที่รบกวนประสาทมาก ถ้าสุนัขได้ยินอาจจะหอนรับก็ได้ พอกะว่าผู้ฟังหูสะอาดดีแล้ว ก็เริ่มเปิดแผ่นเสียงออกอากาศต่อไป บางวันอาจเป็นเพลงคลาสสิคอย่างไพเราะเสนาะโสต บางทีก็เป็นเพลงไลท์มิวสิค ป๊อบปูล่าซองส์ หรือเพลงฮิตประจำสัปดาห์ประจำเดือนประจำปี หรืออาจเป็นเพลงไทยลูกกรุงชานกรุงจนถึงลูกทุ่ง แล้วแต่อารมณ์ หรือว่าที่จริงก็คือตามรสนิยมของเจ้าหน้าที่เสียงในวันนั้น แต่รับรองว่าเพลงไทยแท้ที่เรียกว่าไทยเดิมนั้น ไม่มีให้ฟังเป็นแน่
เมื่อใกล้จะถึงเวลาออกอากาศเปิดสถานี ผู้ประกาศเข้ามานั่งประจำที่บนโต๊ะ แคบ ๆ หน้ากล้อง ๑ นั้นแล้ว ทางฝ่ายแสงในห้องส่งก็เปิดไฟจัดไฟให้ส่องผู้ประกาศ คล้ายกับการจัดแสงในห้องถ่ายภาพนิ่ง ตามร้านถ่ายรูปทั่วไป ด้วยการเอาไม้ลำยาว ๆ เขี่ยให้ดวงโคมหันไปมาตามต้องการ
ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่ปรับกล้อง บนห้องควบคุม ก็ปรับภาพที่ได้รับจากห้องส่ง ผ่านเล็นส์ขึ้นไปเข้าเครื่องปรับ ที่เรียกย่อว่า CCU ฟังดูคล้าย ๆ ห้องฉุกเฉินของผู้ป่วยโรคหัวใจ ปรับให้ภาพของผู้ประกาศสวยใกล้ความจริงมากที่สุด แต่แม้โฆษกผู้นั้นจะแต่งหน้าให้งามหยดย้อยเพียงใด แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ หรือจะเป็นสูทสีอะไร เมื่อถ่ายออกมาเป็นภาพแล้ว ก็จะมีแค่สีขาวกับดำ หรืออาจจะมีสีเทาแทรกอยู่บ้างเท่านั้น แต่ก็พอจะรู้ว่าเธอผู้นั้นสวยมิใช่น้อย ในสมัยนั้นยังใช้ผู้ประกาศเปิดสถานีเพียงคนเดียวเท่านั้น คิดว่าทางสถานีคงจะคัดคนที่สวยที่สุด เท่าที่มีอยู่ มาทำหน้าที่เปิดสถานีก็ได้
เมื่อปรับทางเทคนิคของเครื่องมือ ทั้งภาพแสงเสียงเรียบร้อยแล้ว ก็ฉายสไลด์เป็นภาพทหารกำลังปักธงหรืออะไรประมาณนั้น ฝ่ายเสียงก็เปิดเพลงมาร์ชทหารสื่อสาร ให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการออกอากาศ ได้รับทราบว่าจะเริ่มเปิดสถานีแล้ว
ภายในห้องส่งนี้ มีผู้รับผิดชอบทั้งหมดอยู่นายหนึ่ง เรียกว่าผู้กำกับเวที จะต้องดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างทุกประการ ที่จะออกอากาศไปสู่ท่านผู้ชมทางบ้าน เช่นดูหน้าตาโฆษกสาวสวยว่า เขียนคิ้วเท่ากันหรือเปล่า ทรงผมหรือวิกที่สวมมานั้น อยู่กะร่องกะรอยเป็นอันดีแล้วหรือไม่ ป้ายชื่อที่วางอยู่ตรงหน้าได้กึ่งกลาง ไมโครโฟนอันเบ่อเริ่มหัวมู่ทู่ ที่วางแอบอยู่ข้างป้ายชื่อนั้น อย่าให้โผล่ออกมาในกรอบภาพเป็นอันขาด เพราะจะไปข่มบุคลิกภาพของโฆษกอย่างมากทีเดียว ส่วนนาฬิกาของกล้อง ๒ นั้น ต้องกำลังเดินอยู่และต้องแน่ใจว่า ตรงกับเวลามาตรฐานของประเทศไทยอย่างแน่นอนแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรที่ยังไม่ถูกไม่เหมาะ จะติดต่อกับผู้กำกับรายการ ที่อยู่ในห้องควบคุมข้างบน ก็จะพูดผ่านปากพูดหูฟังที่ติดอยู่กับตัวกล้อง เมื่อเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อย ก็ยกมือขวาขึ้นงอนิ้วหัวแม่มือไปชนกับนิ้วชี้ ให้เป็นวงกลม ชูเข้าไปที่หน้ากล้อง ให้ผู้กำกับรายการเห็น แทนคำว่า O.K. แปลว่าพร้อมแล้ว
ผู้กำกับรายการซึ่งนั่งอยู่ในห้องควบคุม ดูแลเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เป็นผู้มีอำนาจเต็มในการสั่งอะไรแก่ใครก็ได้ ในการออกอากาศ คำสั่งของเขาจะผ่านไมโครโฟนตรงหน้า กระจายไปยังห้องต่าง ๆ ด้วยเครื่องขยายเสียง และลงมาเข้าหูฟังที่สวมอยู่บนศรีษะของเจ้าหน้าที่กล้อง ในห้องส่ง และต่อสายพิเศษออกมาสำหรับผู้กำกับเวทีด้วย เพราะขณะนั้นวิทยุและโทรศัพท์มือถือ ยังไม่มีใช้กันอย่างแพร่หลายเหมือนปัจจุบัน คำสั่งของเขาเป็นเด็ดขาด ผู้ได้รับคำสั่งจะต้องปฏิบัติตามทันที อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ถ้ามีการขัดข้องด้วยประการใด ผู้ปฏิบัติจะต้องรีบรายงานทางเครื่องขยายเสียง หรือปากพูดหูฟังที่ว่า เข้ามายังลำโพงในห้องควบคุม ดังนั้นขณะที่กำลังปฏิบัติงานออกอากาศอยู่ ไม่ว่าใครจะพูดคุยหรือบ่นอะไร หรือด่าใคร ก็จะได้ยินทั่วกันหมดทุกคน
ผู้กำกับรายการนี้ขณะที่ทำหน้าที่ จะต้องใช้ประสาททุกส่วนให้เป็นประโยชน์ คือตาดูผังการจัดรายการในแผ่นกระดาษ และดูภาพที่ปรากฏอยู่บนจอภาพเล็ก ๆ ตรงหน้า ที่มาจากกล้องโทรทัศน์ ซึ่งขณะนั้นทั้งสถานีมีเพียง ๔ กล้อง ตั้งอยู่ที่ห้องส่ง ๒ ยังไม่ใช้งาน ๒ กล้อง และกำลังเตรียมออกอากาศทางห้องส่ง ๑ อีก ๒ กล้องเท่านั้น หูคอยฟังเสียงต่าง ๆ จากผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่าย และฟังเสียงที่กำลังส่งออกอากาศด้วย ปากก็สั่งงานที่จะให้ผู้ใด ฝ่ายใด ทำอะไร ในนาทีต่อไป สมองก็ต้องคิดถึงสิ่งที่จะต้องส่งออกไปสู่ประชาชน ทางเครื่องรับตามลำดับในผังรายการ มือทั้งสองคอยควบคุมปุ่มและสวิทช์ต่าง ๆ เพื่อจะตัดภาพจากกล้อง และเครื่องฉายสไลด์ จากห้องต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามรายการ คงจะเหลือแต่จมูกเท่านั้น ที่ไม่ต้องใช้งาน เพราะแม้เวลาจะล่วงมาเกือบห้าสิบปีแล้ว โทรทัศน์ก็ยังไม่มีกลิ่น
เมื่อผู้กำกับรายการเห็นว่า ภาพแสงเสียงสไลด์พร้อมแล้ว และนาฬิกาเดินมาถึงเวลา ๑๗๒๘ ซึ่งเป็นเวลาใกล้จะเปิดสถานีได้แล้ว ก็สั่งให้ห้องฉายสไลด์เปลี่ยนภาพทหารเป็น ข้อความคำโคลงพระราชนิพนธ์ สยามานุสติ ฝ่ายเสียงก็เปลี่ยนแผ่นเสียงเป็นเพลงสยามานุสติ ที่ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองคุ้นหูเป็นอย่างดี เมื่อจบเพลงนี้แล้วสไลด์ก็เปลี่ยนเป็น ภาพกงจักรภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ วางอยู่บนช่อชัยพฤกษ์ อันเป็นเครื่องหมายกองทัพบก ฝ่ายเสียงก็เปิดเพลงมาร์ช กองทัพบก บอกยี่ห้อของสถานี
แล้วผู้กำกับรายการก็โยกสวิทช์ที่เป็นแผงอยู่ตรงหน้า เฟดภาพเครื่องหมายกองทัพบกให้เลือนออก ภาพนาฬิกาจากกล้อง ๒ ก็เข้ามาแทนที่ เข็มวินาทีกำลังเดิน เสียง ติ๊ก ติ๊ก…..พอถึงเวลา ๑๗๓๐ ตรง ภาพนาฬิกาก็เลือนหายไป มีภาพใบหน้าอันสวยสดของผู้ประกาศ จากกล้อง ๑ เข้ามาแทนที่ เธอผู้นั้นเริ่มประกาศรายการของสถานีในวันนั้น เป็นการเริ่มงานประจำวันของสถานีโทรทัศน์ ช่องหนึ่งในจำนวนที่มีอยู่ด้วยกันเพียงสองช่องเท่านั้น
ผมตกใจตื่นขึ้น เมื่อเสียงจากโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ดังฟู่ ๆ และมีภาพเกล็ดหิมะปลิวอยู่ทั่วจอภาพ จากสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ในหลายช่องที่ยังไม่ได้ออกอากาศ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
เรื่องราวที่ผมเล่ามาตั้งแต่ต้นนั้น เป็นภาพที่ยังติดค้างอยู่ในอนุสติของผม ทั้ง ๆ ที่เวลาได้ผ่านมากว่า ๔๕ ปีแล้ว เป็นภาพที่เกิดขึ้นจริง ที่ผมร่วมแสดงอยู่ในนั้นด้วย
สถานีโทรทัศน์แห่งนี้ เป็นสถานีที่ ๒ ของประเทศไทย คือ สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๗ ออกอากาศในระบบ ขาวดำ มีชื่อย่อว่า HS A TV หรือ ททบ. เรื่องที่เล่านี้อยู่ในระหว่าง พ.ศ.๒๕๐๓ หลังจากที่ได้เปิดสถานีมาแล้ว ๒ ปี เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์ ที่ทหารเป็นผู้ดำเนินงานโดยตลอด.
และเป็นต้นกำเนิดของ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕ ระบบสี ใน พ.ศ.๒๕๔๗ ที่มีคำขวัญว่า ช่องห้า นำคุณค่าสู่สังคมไทย และส่งผ่านดาวเทียมออกไปทั่วโลก นี่เองแหละครับ.
#########
วางเมื่อ เวลา ๑๖.๑๗