สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ขอตอบแบบไม่เรียงข้อนะคะ
1. Psychology with a focus on Social and Cognitive Psychology อันนี้ตัดไปได้เลยนะคะ วิทยาศาสตร์จ๋ามากและไม่น่าเกี่ยวกับที่จขกท.อยากจะเรียน เพราะ Cognitive Psy นี่เกี่ยวกับเรื่องความทรงจำ การเรียนรู้ ฯลฯ คุณจำเป็นจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ neuroscience และ physiopsychology เป็นอย่างดี คุณควรจะต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับกลไกและการทำงานของสมอง จะต้องรู้จักเครื่องมือวัดการทำงานของสมองเช่น CAT, EEG, PET ฯลฯ แม้อาจจะไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญเท่ากับคนเรียนสาย Cognitive Neuroscience ซะทีเดียว เพราะเป็นสายบูรณาการระหว่าง Cognitive กับ Social Psy แต่เมื่อดูจากสาขาอื่น ๆ ที่คุณยกมาแล้ว บอกได้เลยว่าต่างกับสายธุรกิจองค์กรที่คุณอยากเรียนโดยสิ้นเชิงค่ะ ที่สำคัญ สาขาแนวนี้มักจะ require คนที่เรียนจบตรีจิตวิทยาหรือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (เช่น Biology) เราคิดว่าคนที่จบตรีด้านภาษาจีน (โดยไม่มีพื้นฐานทางจิตวิทยาเลย) ยากมากถึงมากที่สุดที่จะได้รับเลือกเข้าเรียนสาขานี้ค่ะ
2. ที่ถามว่าอยากเรียนจิตวิทยาสายวิจัยหรือปฏิบัติ เราอาจจะพูดไม่เคลียร์เอง แต่ทุกโปรแกรมที่คุณยกมาข้างต้นนั้น อยากบอกว่าล้วนแล้วแต่เป็น "สายวิจัย" ทั้งนั้นเลยค่ะ ทั้งนี้ สายวิจัยที่เราว่าหมายถึงสายที่ตอนเรียนเน้นทำวิจัยเป็นหลัก ไม่ว่าจะ thesis หรือ dissertation ดังนั้นคุณจำเป็นต้องมีอาจารย์ที่จะรับเป็น supervisor ให้คุณ และ (โดยทั่วไปแล้ว) คุณจะต้องรับหน้าที่ research assistant ช่วยงานอาจารย์ในแลปไปพร้อมกันด้วย ส่วนสายปฏิบัติหมายถึงสายที่เรียนเพื่อเน้นปฏิบัติ เพื่อจบไปเป็นนักปฏิบัติ อาจจะไม่เน้นการทำวิจัย หรือไม่มีการทำวิจัยเลยก็ได้ ตัวอย่างสายปฏิบัติเช่น Psy.D. (จะคล้าย ๆ หลักสูตร Ph.D. in Clinical Psychology ต่างกันตรงที่เน้นฝึกผู้เรียนไปเป็น practitioner ไม่เน้นวิจัย) หรือ Social Work หรือ Rehabilitation Counseling ฯลฯ
ส่วนลิสต์ต่าง ๆ ที่คุณยกมา เตรียมใจไว้เลยค่ะว่าคุณจะต้องมี thesis เป็นหนึ่งใน requirement จบของคุณแน่นอน ต้องคิดไตร่ตรองให้ดี ๆ นะคะว่าเราคาดหวังว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้รึเปล่า และเรารักที่จะทำมันหรือไม่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจจะมีบางโปรแกรมที่เน้นเรียนแต่ coursework อย่างเดียวจนจบเลยก็ได้ แต่เราคิดว่าโปรแกรมเช่นนั้น (ไม่ว่าจะในเมกา อังกฤษ หรือเยอรมัน) มีคุณภาพไม่คู่ควรแก่การลงทุน (ทั้งในแง่การเงิน เวลา แรงกายแรงใจ และอื่นๆ) ไม่ค่อยแนะนำให้ถึงขนาดต้องดั้นด้นมาเรียนนะคะ โปรแกรมจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กรที่ดี ๆ มีคุณภาพในไทยก็เยอะแยะไปค่ะ
3. อันนี้ขออนุญาตพูดตรง ๆ นะคะ ทั้งหนังสือและหนังที่คุณยกตัวอย่างมาว่าเป็นแรงบันดาลใจ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ไม่ถูกจัดอยู่ในศาสตร์จิตวิทยาด้วยประการทั้งมวลนะคะ เราไม่รู้ว่าคุณอ่านหนังสือเล่มไหนของนักเขียนเหล่านั้นมาบ้าง แต่เท่าที่ค้นดูส่วนใหญ่จะเป็นแนว "อ่านใจคน" "จับโกหก" "รวยทางลัด" ฯลฯ ซึ่งหนังสือแนวนี้เป็นหนังสือ how to อ่านเล่นขำ ๆ ได้ หรือแม้กระทั่งเอาไปประยุกต์ใช้ได้กับบางคนและบางสถานการณ์ (ขอยืนยันว่าไม่ใช่กับทุกคนและทุกสถานการณ์) แต่ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาเลยนะคะ จิตวิทยาไม่ว่าจะสาขาใดไม่มีหลักสูตรไหนที่สอนการอ่านใจหรือจับโกหกคน หากคุณเข้ามาเรียนด้วยความคาดหวังว่าจะพบกับสิ่งที่เหมือนหรือแม้แต่ใกล้เคียงกับหนังสือเหล่านั้น คุณจะต้องผิดหวังเป็นแน่แท้ค่ะ
ที่เราบอกว่าคุณจะต้องผิดหวัง เพราะการศึกษาศาสตร์จิตวิทยาโดยเนื้อแท้นั้นคือการทำความเข้าใจว่าเราไม่สามารถ "อ่าน" มนุษย์คนหนึ่งคนใดได้ เราทำได้เพียงแต่พยายามเข้าใจ "แนวโน้ม" ของ "คนส่วนใหญ่" ด้วยวิธีการที่เป็นวิทยาศาตร์ อันประมวลผลและตีความผลด้วยวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เพราะคนแต่ละคนมีลักษณะพิเศษและมีความแตกต่าง จนไม่มีทางเลยที่หาวิธีหนึ่งวิธีใดที่จะตีความนุษย์คนหนึ่งคนใดได้ทั้งหมด แม้จะมีทฤษฎีมากมายที่พยายามอธิบายปรากฎการณ์ทางความคิดและพฤติกรรมของมนุษย์ แต่ต่อให้เป็นทฤษฎีที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบที่สุดก็ไม่สามารถครอบคลุมมนุษย์ได้ทุกคน และดังนั้นจึงมักจะถูกหักล้างโดยทฤษฎีใหม่ ๆ อยู่ร่ำไป
ความเข้าใจที่ว่ามนุษย์นั้น unpredictable นั่นเองคือสัจธรรมของการเรียนจิตวิทยา อย่าเข้ามาเรียนจิตวิทยาด้วยความเชื่อความหวังว่าจะมีสูตรใดสูตรหนึ่ง วิธีการใดวิธีการหนึ่ง ที่จะสามารถอ่านคนได้ ตีความคนได้ จับสิ่งที่อยู่ในความคิดของคนได้ (เช่นจับโกหก) เพราะความเชื่อเช่นนั้นจะนำไปสู่การละเลยความแตกต่างและลักษณะพิเศษเฉพาะบุคคล อันลงท้ายด้วยการ "เหมารวม" ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนในสาขาวิชาชีพนี้จำต้องพึงระวังไม่ให้เกิดขึ้นกับตัว
คุณอาจจะรู้อยู่แล้วว่าจิตวิทยาถือเป็นวิทยาศาสตร์สังคม ดังนั้นการศึกษาเรื่องใด ๆ ในทางจิตวิทยาจึงจำเป็นต้องตั้งอยู่บนฐานที่พิสูจน์ได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ต่อให้คุณจะเรียนสาขาธุรกิจองค์กรที่อาจดูเหมือนไม่วิทยาศาสตร์เท่าสาขาอื่น (เพราะเป็น applied psychology) แต่อย่างไรเสียคุณก็ไม่มีทางจะหนีพ้นวิถีนี้ไปได้อยู่ดี (อย่างน้อยก็ตอนทำ thesis จบมาแล้วก็อีกเรื่องนึง) ฉะนั้นหากคุณเจอโปรแกรมใดที่เสนอการเรียนการสอนแนวตีความคนอ่านใจคน โดยมิได้ตั้งอยู่บนวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ขอให้ทราบไว้ว่าโปรแกรมเหล่านั้นคือ pseudopsychology (จิตวิทยาจอมปลอม) นะคะ พึงระวังอย่าหลวมตัวไปเรียนเป็นอันขาด
คุณอาจจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เรากล่าวไปข้างต้น แต่นั่นหมายถึงจิตวิทยาคงไม่ใช่ศาสตร์เดียวกับที่คุณเข้าใจว่ามันเป็น เราไม่อยากจะให้คุณต้องไปเรียนและได้รับสิ่งที่ไม่ตรงกับความคาดหวัง (โดยเฉพาะในฝั่งยุโรปที่ศาสตร์จิตวิทยามีความเป็นวิทยาศาสตร์มาก) เพราะงั้นเราถึงได้พล่ามมาเสียยืดยาว เพราะอยากให้คุณทำความเข้าใจกับหลักสูตรที่คุณจะไปเรียนก่อน ว่าศาสตร์นี้คืออะไร เกี่ยวกับอะไร เนื้อแท้เป็นอย่างไร ก่อนที่จะค้นหาว่าควรจะเรียนที่ประเทศไหนดี นั่นควรเป็นการค้นหาลำดับท้าย ๆ ตอนที่คุณเข้าใจศาสตร์นั้น ๆ อย่างทะลุปรุโปร่งดีแล้ว
เราอยากแนะนำให้คุณหาหนังสือ Introductory Psychology หรือ General Psychology (หรืออาจจะชื่ออื่นก็ได้ เอาเป็นว่าเป็นหนังสือเริ่มต้นสำหรับการเรียนจิตวิทยา) มาอ่านก่อนที่จะตัดสินใจว่าชอบหรือไม่ชอบสาขานี้ หนังสือที่แนะนำเป็นหนังสือเรียนจิตวิทยาของเด็กป.ตรีปี 1 จิตวิทยา เพราะงั้นเนื้อหาก็จะง่าย ๆ แต่ครอบคลุม ถ้าคุณได้อ่านแล้วคุณจะเห็นภาพว่าจิตวิทยาคือการศึกษาเกี่ยวกับอะไรแน่ หากคุณอ่านแล้วชอบ สนใจอยากเรียนต่อ เราสนับสนุนเต็มที่ค่ะ (ถึงตอนนั้นค่อยถามเรื่องประเทศที่เรียนอีกทีก็ยังไม่สาย) แต่ถ้าคุณอ่านแล้วพบว่ามัน "ไม่ใช่" มันก็ยังไม่สายที่คุณจะถอนตัว ดีกว่าทุ่มตัวลงไปแล้วพบว่าตนตัดสินใจผิดถนัด
ด้วยความปรารถนาดีอย่างยิ่งค่ะ
1. Psychology with a focus on Social and Cognitive Psychology อันนี้ตัดไปได้เลยนะคะ วิทยาศาสตร์จ๋ามากและไม่น่าเกี่ยวกับที่จขกท.อยากจะเรียน เพราะ Cognitive Psy นี่เกี่ยวกับเรื่องความทรงจำ การเรียนรู้ ฯลฯ คุณจำเป็นจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ neuroscience และ physiopsychology เป็นอย่างดี คุณควรจะต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับกลไกและการทำงานของสมอง จะต้องรู้จักเครื่องมือวัดการทำงานของสมองเช่น CAT, EEG, PET ฯลฯ แม้อาจจะไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญเท่ากับคนเรียนสาย Cognitive Neuroscience ซะทีเดียว เพราะเป็นสายบูรณาการระหว่าง Cognitive กับ Social Psy แต่เมื่อดูจากสาขาอื่น ๆ ที่คุณยกมาแล้ว บอกได้เลยว่าต่างกับสายธุรกิจองค์กรที่คุณอยากเรียนโดยสิ้นเชิงค่ะ ที่สำคัญ สาขาแนวนี้มักจะ require คนที่เรียนจบตรีจิตวิทยาหรือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (เช่น Biology) เราคิดว่าคนที่จบตรีด้านภาษาจีน (โดยไม่มีพื้นฐานทางจิตวิทยาเลย) ยากมากถึงมากที่สุดที่จะได้รับเลือกเข้าเรียนสาขานี้ค่ะ
2. ที่ถามว่าอยากเรียนจิตวิทยาสายวิจัยหรือปฏิบัติ เราอาจจะพูดไม่เคลียร์เอง แต่ทุกโปรแกรมที่คุณยกมาข้างต้นนั้น อยากบอกว่าล้วนแล้วแต่เป็น "สายวิจัย" ทั้งนั้นเลยค่ะ ทั้งนี้ สายวิจัยที่เราว่าหมายถึงสายที่ตอนเรียนเน้นทำวิจัยเป็นหลัก ไม่ว่าจะ thesis หรือ dissertation ดังนั้นคุณจำเป็นต้องมีอาจารย์ที่จะรับเป็น supervisor ให้คุณ และ (โดยทั่วไปแล้ว) คุณจะต้องรับหน้าที่ research assistant ช่วยงานอาจารย์ในแลปไปพร้อมกันด้วย ส่วนสายปฏิบัติหมายถึงสายที่เรียนเพื่อเน้นปฏิบัติ เพื่อจบไปเป็นนักปฏิบัติ อาจจะไม่เน้นการทำวิจัย หรือไม่มีการทำวิจัยเลยก็ได้ ตัวอย่างสายปฏิบัติเช่น Psy.D. (จะคล้าย ๆ หลักสูตร Ph.D. in Clinical Psychology ต่างกันตรงที่เน้นฝึกผู้เรียนไปเป็น practitioner ไม่เน้นวิจัย) หรือ Social Work หรือ Rehabilitation Counseling ฯลฯ
ส่วนลิสต์ต่าง ๆ ที่คุณยกมา เตรียมใจไว้เลยค่ะว่าคุณจะต้องมี thesis เป็นหนึ่งใน requirement จบของคุณแน่นอน ต้องคิดไตร่ตรองให้ดี ๆ นะคะว่าเราคาดหวังว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้รึเปล่า และเรารักที่จะทำมันหรือไม่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจจะมีบางโปรแกรมที่เน้นเรียนแต่ coursework อย่างเดียวจนจบเลยก็ได้ แต่เราคิดว่าโปรแกรมเช่นนั้น (ไม่ว่าจะในเมกา อังกฤษ หรือเยอรมัน) มีคุณภาพไม่คู่ควรแก่การลงทุน (ทั้งในแง่การเงิน เวลา แรงกายแรงใจ และอื่นๆ) ไม่ค่อยแนะนำให้ถึงขนาดต้องดั้นด้นมาเรียนนะคะ โปรแกรมจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กรที่ดี ๆ มีคุณภาพในไทยก็เยอะแยะไปค่ะ
3. อันนี้ขออนุญาตพูดตรง ๆ นะคะ ทั้งหนังสือและหนังที่คุณยกตัวอย่างมาว่าเป็นแรงบันดาลใจ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ไม่ถูกจัดอยู่ในศาสตร์จิตวิทยาด้วยประการทั้งมวลนะคะ เราไม่รู้ว่าคุณอ่านหนังสือเล่มไหนของนักเขียนเหล่านั้นมาบ้าง แต่เท่าที่ค้นดูส่วนใหญ่จะเป็นแนว "อ่านใจคน" "จับโกหก" "รวยทางลัด" ฯลฯ ซึ่งหนังสือแนวนี้เป็นหนังสือ how to อ่านเล่นขำ ๆ ได้ หรือแม้กระทั่งเอาไปประยุกต์ใช้ได้กับบางคนและบางสถานการณ์ (ขอยืนยันว่าไม่ใช่กับทุกคนและทุกสถานการณ์) แต่ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาเลยนะคะ จิตวิทยาไม่ว่าจะสาขาใดไม่มีหลักสูตรไหนที่สอนการอ่านใจหรือจับโกหกคน หากคุณเข้ามาเรียนด้วยความคาดหวังว่าจะพบกับสิ่งที่เหมือนหรือแม้แต่ใกล้เคียงกับหนังสือเหล่านั้น คุณจะต้องผิดหวังเป็นแน่แท้ค่ะ
ที่เราบอกว่าคุณจะต้องผิดหวัง เพราะการศึกษาศาสตร์จิตวิทยาโดยเนื้อแท้นั้นคือการทำความเข้าใจว่าเราไม่สามารถ "อ่าน" มนุษย์คนหนึ่งคนใดได้ เราทำได้เพียงแต่พยายามเข้าใจ "แนวโน้ม" ของ "คนส่วนใหญ่" ด้วยวิธีการที่เป็นวิทยาศาตร์ อันประมวลผลและตีความผลด้วยวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เพราะคนแต่ละคนมีลักษณะพิเศษและมีความแตกต่าง จนไม่มีทางเลยที่หาวิธีหนึ่งวิธีใดที่จะตีความนุษย์คนหนึ่งคนใดได้ทั้งหมด แม้จะมีทฤษฎีมากมายที่พยายามอธิบายปรากฎการณ์ทางความคิดและพฤติกรรมของมนุษย์ แต่ต่อให้เป็นทฤษฎีที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบที่สุดก็ไม่สามารถครอบคลุมมนุษย์ได้ทุกคน และดังนั้นจึงมักจะถูกหักล้างโดยทฤษฎีใหม่ ๆ อยู่ร่ำไป
ความเข้าใจที่ว่ามนุษย์นั้น unpredictable นั่นเองคือสัจธรรมของการเรียนจิตวิทยา อย่าเข้ามาเรียนจิตวิทยาด้วยความเชื่อความหวังว่าจะมีสูตรใดสูตรหนึ่ง วิธีการใดวิธีการหนึ่ง ที่จะสามารถอ่านคนได้ ตีความคนได้ จับสิ่งที่อยู่ในความคิดของคนได้ (เช่นจับโกหก) เพราะความเชื่อเช่นนั้นจะนำไปสู่การละเลยความแตกต่างและลักษณะพิเศษเฉพาะบุคคล อันลงท้ายด้วยการ "เหมารวม" ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนในสาขาวิชาชีพนี้จำต้องพึงระวังไม่ให้เกิดขึ้นกับตัว
คุณอาจจะรู้อยู่แล้วว่าจิตวิทยาถือเป็นวิทยาศาสตร์สังคม ดังนั้นการศึกษาเรื่องใด ๆ ในทางจิตวิทยาจึงจำเป็นต้องตั้งอยู่บนฐานที่พิสูจน์ได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ต่อให้คุณจะเรียนสาขาธุรกิจองค์กรที่อาจดูเหมือนไม่วิทยาศาสตร์เท่าสาขาอื่น (เพราะเป็น applied psychology) แต่อย่างไรเสียคุณก็ไม่มีทางจะหนีพ้นวิถีนี้ไปได้อยู่ดี (อย่างน้อยก็ตอนทำ thesis จบมาแล้วก็อีกเรื่องนึง) ฉะนั้นหากคุณเจอโปรแกรมใดที่เสนอการเรียนการสอนแนวตีความคนอ่านใจคน โดยมิได้ตั้งอยู่บนวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ขอให้ทราบไว้ว่าโปรแกรมเหล่านั้นคือ pseudopsychology (จิตวิทยาจอมปลอม) นะคะ พึงระวังอย่าหลวมตัวไปเรียนเป็นอันขาด
คุณอาจจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เรากล่าวไปข้างต้น แต่นั่นหมายถึงจิตวิทยาคงไม่ใช่ศาสตร์เดียวกับที่คุณเข้าใจว่ามันเป็น เราไม่อยากจะให้คุณต้องไปเรียนและได้รับสิ่งที่ไม่ตรงกับความคาดหวัง (โดยเฉพาะในฝั่งยุโรปที่ศาสตร์จิตวิทยามีความเป็นวิทยาศาสตร์มาก) เพราะงั้นเราถึงได้พล่ามมาเสียยืดยาว เพราะอยากให้คุณทำความเข้าใจกับหลักสูตรที่คุณจะไปเรียนก่อน ว่าศาสตร์นี้คืออะไร เกี่ยวกับอะไร เนื้อแท้เป็นอย่างไร ก่อนที่จะค้นหาว่าควรจะเรียนที่ประเทศไหนดี นั่นควรเป็นการค้นหาลำดับท้าย ๆ ตอนที่คุณเข้าใจศาสตร์นั้น ๆ อย่างทะลุปรุโปร่งดีแล้ว
เราอยากแนะนำให้คุณหาหนังสือ Introductory Psychology หรือ General Psychology (หรืออาจจะชื่ออื่นก็ได้ เอาเป็นว่าเป็นหนังสือเริ่มต้นสำหรับการเรียนจิตวิทยา) มาอ่านก่อนที่จะตัดสินใจว่าชอบหรือไม่ชอบสาขานี้ หนังสือที่แนะนำเป็นหนังสือเรียนจิตวิทยาของเด็กป.ตรีปี 1 จิตวิทยา เพราะงั้นเนื้อหาก็จะง่าย ๆ แต่ครอบคลุม ถ้าคุณได้อ่านแล้วคุณจะเห็นภาพว่าจิตวิทยาคือการศึกษาเกี่ยวกับอะไรแน่ หากคุณอ่านแล้วชอบ สนใจอยากเรียนต่อ เราสนับสนุนเต็มที่ค่ะ (ถึงตอนนั้นค่อยถามเรื่องประเทศที่เรียนอีกทีก็ยังไม่สาย) แต่ถ้าคุณอ่านแล้วพบว่ามัน "ไม่ใช่" มันก็ยังไม่สายที่คุณจะถอนตัว ดีกว่าทุ่มตัวลงไปแล้วพบว่าตนตัดสินใจผิดถนัด
ด้วยความปรารถนาดีอย่างยิ่งค่ะ
สมาชิกหมายเลข 8801392 หลงรัก, สมาชิกหมายเลข 5347223 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2654466 ถูกใจ, dipking38 ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 2710902 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4105039 ถูกใจ, PikasS ถูกใจ, Achilleus ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1169367 ถูกใจ, หมวยไหม้ ถูกใจรวมถึงอีก 15 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 4
จขกท.ได้ศึกษาเกี่ยวกับสาขาวิชานี้มาดีแค่ไหนแล้วคะ เพราะก่อนที่จะตัดสินใจว่าเรียนที่ประเทศไหนดีกว่า คำถามแรก ๆ ที่ควรจะถามก่อนหน้านั้นคือ
1. อะไรเป็นแรงจูงใจที่ทำให้จขกท.อยากมาเรียนจิตวิทยา? อะไรคือสิ่งที่จขกท.คาดหวังว่าจะได้รับหลังจากจบการศึกษาจากสาขานี้?
2. จขกท.ได้ศึกษาเกี่ยวกับหลักสูตรจิตวิทยาของต่างประเทศมามากน้อยเพียงใด? รู้หรือไม่ว่าหลักสูตรนี้เรียนอะไร และจบการศึกษาไปแล้วจะไปทำอะไร ข้อนี้สำคัญมากเพราะเราเจอคนไทยหลายคนมากๆๆๆๆๆที่บอกว่า "อยากเรียนจิตวิทยา" แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเรียนจิตวิทยาที่แท้จริงแล้วนั้นเรียนอะไรบ้าง และเรียนไปเพื่ออะไร ถ้าเข้าใจตรงจุดนี้ผิด ปรากฎว่ามันไม่ตรงกับสิ่งที่คุณคาดหวัง คุณจะเลือกทางเดินผิด เสียเงิน เสียเวลา เสียสมองไปโดยเปล่าประโยชน์นะคะ
3. คุณต้องการเรียนจิตวิทยาสาขาไหน? จิตวิทยามีหลายสาขานะคะ เช่นสายคลินิก สายสังคม หรือสายอุตสาหกรรมและองค์กร การที่ใครจะแนะนำที่เรียนแก่คุณได้ คุณต้องบอกก่อนว่าคุณต้องการจะเรียนจิตวิทยาสาขาไหน และที่สำคัญไปกว่านั้น โดยทั่ว ๆ ไปแล้วจิตวิทยาระดับ Graduate เนี่ยเขาจะรับคนที่มีพื้นฐานตอนป.ตรีมาแล้วนะคะ เช่นมีดีกรีป.ตรีจิตวิทยา หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องเคยผ่านคอร์ส Introductory Psychology, Research Method + Statistic อันนี้คือของ U.S. นะคะ สำหรับอังกฤษหรือเยอรมันอันนี้เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ต้องรอผู้รู้อีกที
เหตุที่โปรแกรมส่วนใหญ่ require ว่าคุณต้องมีพื้นฐานเกี่ยวกับจิตวิทยามาก่อน โดยเฉพาะคนที่จะมาเรียนต่อระดับโทหรือเอก (สำหรับ U.S. ส่วนใหญ่จะเป็นโทควบเอกไปเลย น้อยมากที่จะมีโทเดี่ยว) เพราะการเรียนจิตวิทยาหมายถึงคุณจะต้องทำการทดลอง จะต้องช่วยงานอาจารย์ในแลป และจะต้องทำ thesis ของคุณเอง ดังนั้นโปรแกรมส่วนใหญ่จึงคาดหวังว่าคุณจะต้องมีพื้นด้านนี้เพียงพอ รวมถึงมีพื้นฐานด้านการทำงานวิจัยด้วย (เพราะคงไม่มีอาจารย์คนไหนอยากได้ลูกศิษย์ที่ทำอะไรไม่เป็นเลยมาเป็นลูกมือในแลป)
ทั้งนี้ อาจมีข้อยกเว้นอยู่บ้างสำหรับจิตวิทยาสาขาอุตสาหกรรมและองค์กร ที่จุดประสงค์ในการเรียนอาจจะแตกต่างไปจากจิตวิทยาสาขาอื่น ๆ ที่จะออกวิทยาศาสตร์จ๋ากว่า สำหรับจิตวิทยาสาขาอุตสหกรรมและองค์กร คนส่วนใหญ่เรียนเพื่อไปทำงานในบริษัทหรือองค์กรทั่ว ๆ ไป (เช่นเป็น HR) ต่างกับสายอื่น ๆ ที่เป็นสาย research ขนานแท้ (อย่างน้อยก็ตอนเรียนนะ) จบมาแล้วส่วนใหญ่ไม่พ้นเป็นอาจารย์มหาลัยหรือไม่ก็นักวิจัย ถ้าคุณจะเรียนต่อด้านอุตสาหกรรมและองค์กร เรา (เดา) ว่า requirement ว่าต้องจบตรีทางจิตวิทยามาก่อนอาจจะไม่หนักเท่ากับสายอื่น ๆ ก็เป็นได้? (แต่ยังไงก็หนีการทำวิจัยไม่พ้นอยู่ดี) แต่ทั้งนี้เราแนะนำอะไรคุณมากไม่ได้เพราะ 1. เราไม่รู้ว่าคุณจะต่อสายอะไร และ 2. เราไม่รู้ว่าจิตวิทยาฝั่งยุโรปเหมือนหรือแตกต่างจาก U.S. แค่ไหน คงแนะนำแบบเจาะลึกมากไม่ได้
4. คุณต้องการเรียนจิตวิทยาสายวิจัยหรือสายปฏิบัติ อันนี้สำคัญมากและต่างกันมาก แต่ส่วนใหญ่ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็น Psychology Program มักจะเป็นสายวิจัย ถ้าสายปฏิบัติส่วนใหญ่มักจะเป็นคนละ program คนละ department คนละ degree ไปเลย (อย่างน้อยก็ใน U.S.)
ตอบคำถาม 4 ข้อหลัก ๆ ของเราก่อนนะคะ แล้วค่อยว่ากันอีกที
1. อะไรเป็นแรงจูงใจที่ทำให้จขกท.อยากมาเรียนจิตวิทยา? อะไรคือสิ่งที่จขกท.คาดหวังว่าจะได้รับหลังจากจบการศึกษาจากสาขานี้?
2. จขกท.ได้ศึกษาเกี่ยวกับหลักสูตรจิตวิทยาของต่างประเทศมามากน้อยเพียงใด? รู้หรือไม่ว่าหลักสูตรนี้เรียนอะไร และจบการศึกษาไปแล้วจะไปทำอะไร ข้อนี้สำคัญมากเพราะเราเจอคนไทยหลายคนมากๆๆๆๆๆที่บอกว่า "อยากเรียนจิตวิทยา" แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเรียนจิตวิทยาที่แท้จริงแล้วนั้นเรียนอะไรบ้าง และเรียนไปเพื่ออะไร ถ้าเข้าใจตรงจุดนี้ผิด ปรากฎว่ามันไม่ตรงกับสิ่งที่คุณคาดหวัง คุณจะเลือกทางเดินผิด เสียเงิน เสียเวลา เสียสมองไปโดยเปล่าประโยชน์นะคะ
3. คุณต้องการเรียนจิตวิทยาสาขาไหน? จิตวิทยามีหลายสาขานะคะ เช่นสายคลินิก สายสังคม หรือสายอุตสาหกรรมและองค์กร การที่ใครจะแนะนำที่เรียนแก่คุณได้ คุณต้องบอกก่อนว่าคุณต้องการจะเรียนจิตวิทยาสาขาไหน และที่สำคัญไปกว่านั้น โดยทั่ว ๆ ไปแล้วจิตวิทยาระดับ Graduate เนี่ยเขาจะรับคนที่มีพื้นฐานตอนป.ตรีมาแล้วนะคะ เช่นมีดีกรีป.ตรีจิตวิทยา หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องเคยผ่านคอร์ส Introductory Psychology, Research Method + Statistic อันนี้คือของ U.S. นะคะ สำหรับอังกฤษหรือเยอรมันอันนี้เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ต้องรอผู้รู้อีกที
เหตุที่โปรแกรมส่วนใหญ่ require ว่าคุณต้องมีพื้นฐานเกี่ยวกับจิตวิทยามาก่อน โดยเฉพาะคนที่จะมาเรียนต่อระดับโทหรือเอก (สำหรับ U.S. ส่วนใหญ่จะเป็นโทควบเอกไปเลย น้อยมากที่จะมีโทเดี่ยว) เพราะการเรียนจิตวิทยาหมายถึงคุณจะต้องทำการทดลอง จะต้องช่วยงานอาจารย์ในแลป และจะต้องทำ thesis ของคุณเอง ดังนั้นโปรแกรมส่วนใหญ่จึงคาดหวังว่าคุณจะต้องมีพื้นด้านนี้เพียงพอ รวมถึงมีพื้นฐานด้านการทำงานวิจัยด้วย (เพราะคงไม่มีอาจารย์คนไหนอยากได้ลูกศิษย์ที่ทำอะไรไม่เป็นเลยมาเป็นลูกมือในแลป)
ทั้งนี้ อาจมีข้อยกเว้นอยู่บ้างสำหรับจิตวิทยาสาขาอุตสาหกรรมและองค์กร ที่จุดประสงค์ในการเรียนอาจจะแตกต่างไปจากจิตวิทยาสาขาอื่น ๆ ที่จะออกวิทยาศาสตร์จ๋ากว่า สำหรับจิตวิทยาสาขาอุตสหกรรมและองค์กร คนส่วนใหญ่เรียนเพื่อไปทำงานในบริษัทหรือองค์กรทั่ว ๆ ไป (เช่นเป็น HR) ต่างกับสายอื่น ๆ ที่เป็นสาย research ขนานแท้ (อย่างน้อยก็ตอนเรียนนะ) จบมาแล้วส่วนใหญ่ไม่พ้นเป็นอาจารย์มหาลัยหรือไม่ก็นักวิจัย ถ้าคุณจะเรียนต่อด้านอุตสาหกรรมและองค์กร เรา (เดา) ว่า requirement ว่าต้องจบตรีทางจิตวิทยามาก่อนอาจจะไม่หนักเท่ากับสายอื่น ๆ ก็เป็นได้? (แต่ยังไงก็หนีการทำวิจัยไม่พ้นอยู่ดี) แต่ทั้งนี้เราแนะนำอะไรคุณมากไม่ได้เพราะ 1. เราไม่รู้ว่าคุณจะต่อสายอะไร และ 2. เราไม่รู้ว่าจิตวิทยาฝั่งยุโรปเหมือนหรือแตกต่างจาก U.S. แค่ไหน คงแนะนำแบบเจาะลึกมากไม่ได้
4. คุณต้องการเรียนจิตวิทยาสายวิจัยหรือสายปฏิบัติ อันนี้สำคัญมากและต่างกันมาก แต่ส่วนใหญ่ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็น Psychology Program มักจะเป็นสายวิจัย ถ้าสายปฏิบัติส่วนใหญ่มักจะเป็นคนละ program คนละ department คนละ degree ไปเลย (อย่างน้อยก็ใน U.S.)
ตอบคำถาม 4 ข้อหลัก ๆ ของเราก่อนนะคะ แล้วค่อยว่ากันอีกที
สมาชิกหมายเลข 2710902 ถูกใจ, PikasS ถูกใจ, พลอยพริ้ว ถูกใจ, ปล่อย ถูกใจ, who moved my chocolate ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2164814 หลงรัก, RenniiWa ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
ไปเรียนโทด้านจิตวิทยาที่ประเทศไหนดีคะ ระหว่างเยอรมันกับอังกฤษ
ส่วนตัวตอนนี้กำลังเรียนตรีภาษาจีนเกี่ยวกับ economic & trade อยู่ ไม่ทราบว่าสามารถเรียนด้านจิตวิทยาต่อได้เลยหรือเปล่าคะ ถ้าเรียนสายที่ไม่ตรงกันมากับป.โทที่เราอยากเรียนอ่ะค่ะ