ฉีกหน้ากาก" คนในมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ของกลุ่ม รสนา โตสิตระกูล "ธาตุแท้...ตัวตนแท้จริง คนในมูลนิธิฯ ถือหุ้นปตท. กินปันผลพุงปลิ้น ตั้งแต่ปี 44
ยัยรสนาและพวก ทำตัวน่ารังเกียจ ยิ่งกว่าคนเป็นโรคเรื้อน จ้องแต่จะสร้างข้อมูลที่ผิดบิดเบือน เพื่อทำลายผุ้อื่น แต่หลงลืมไปว่า ยังมีกลุ่มที่มีความรู้ รักการอ่าน ค้นคว้าข้อมูล เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นเหยื่อ ในสังคมทุกวันนี้ ที่มีกลุ่มคนที่หากินด้วยการบิดเบือนข้อมูลทำลายฝ่ายตรงข้าม แล้วรับเงิน
ยัยรสนาและพวก คงลืมไปว่า ในยุคโลกแห่งไซเบอร์ โลกใบนี้เชื่อมโยงกันได้ แค่คิดและปลายนิ้ว ก็จะรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง และรู้ในทุกเรื่องที่จฃต้องการรู้ นอกเสียจากคนขี้เกียจสันหลังยาว พร้อมที่จะปล่อยให้คนอื่น จูงจมูก จึงเกลียดการอ่านหนังสือ ไม่ค้นคว้าหาข้อมูล ชอบอ้างแต่เขาว่า เขาไหนไม่รู้ เลยปล่อยให้เขาบนหัวงอกยาวไปเรื่อย
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า
ฉีกหน้ากาก"กลุ่มมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค"ธาตุแท้คือเป็นพวก"เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลแต่กินน้ำแกง**" ปั่นกระแสทวงคืนปตท. แต่คนในมูลนิธิฯต่างรวยกันเละจากหุ้นปตท.พบกรรมการและเครือญาติได้รับจัดสรร หุ้นไอพีโอกว่า 2.2 แสนหุ้น โดยเฉพาะ"จิราพร"ประธานมูลนิธิฯกับญาติได้ไปกว่า 1,300 หุ้น ส่วนญาติกรรมการมูลนิธิ พ่วงกันเป็นหางว่าว ฟันเงินปันผลงวดครึ่งปี 49 ไปร่วม 2 ล้านบาท ขณะที่"รสนา"ยังตะเบ็งเป็นแค่เรื่องส่วนตัว จากการตรวจสอบของ"ข่าวหุ้นธุรกิจ"เกี่ยวกับรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)หรือ PTT พบว่า
กลุ่มมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือญาติ ได้รับการจัดสรรหุ้นไอพีโอช่วงปลายปี 2544 รวมกันกว่า 142,000 หุ้น นำโดยน.ส.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้รับการจัดสรรหุ้น 8,000 หุ้น นายจำเริญ อัศวเรืองชัย (ญาตินางสุวรรณา อัศวเรือง กรรมการมูลนิธิฯ) ได้รับการจัดสรร 100,000 หุ้น ตามด้วยนายจรัญ ลิ้มปานานนท์ (ญาติประธานมูลนิธิฯ)ได้รับการจัดสรร 5,000 หุ้นน.ส.นิศา และนางพรทิพย์ ศุภวงศ์(ญาตินายชูชัย ศุภวงศ์ กรรมการมูลนิธิฯ) ได้รับการจัดสรรหุ้นรวมกัน 26,000 หุ้น และน.ส.ศุภรัตน์ อาชานานุภาพ(ญาตินายสุรเกียรติ อาชานานุภาพ กรรมการมูลนิธิฯ)ได้รับการจัดสรร 3,000 หุ้น
พร้อมกันนี้ญาตินายชัยรัตน์ แสงอรุณ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิฯได้รับการจัดสรรหุ้นรวมกัน 85,000 หุ้น โดยเริ่มจากนายชยากร แสงอรุณ ได้รับการจัดสรร 13,000 หุ้นนางจันทรา แสงอรุณ ได้รับจัดสรร 30,000 หุ้น นายแสวง แสงอรุณ ได้รับจัดสรร40,000 หุ้น และน.ส.ศศิยา แสงอรุณ ได้รับจัดสรร 2,000 หุ้น
จากประเด็นดังกล่าว ทำให้ตลอดช่วงที่ผ่านมา กลุ่มมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ต่างได้รับผลประโยชน์จากหุ้น PTT กันถ้วนหน้า กล่าวคือกลุ่มเครือญาติกรรมการมูลนิธิฯได้รับเงินปันผลหุ้นปตท.(งวดระหว่าง กลางปี 2549 หุ้นละ 9.25 บาท)
รวมเป็นเงินกว่า 6.98 แสนบาทจากจำนวนหุ้นที่เหลือรวม 75,406 หุ้น พร้อมกันนี้ยังกำไรส่วนต่างจาก ราคาหุ้น อีกต่างหาก เฉพาะราคาในปี 49 368บาท คิดเป็นกำไรกว่า 25.11 ล้านบาท(เทียบจากต้นทุน 35 บาท)
นอกจากนี้กลุ่มเครือญาตินายชัยรัตน์ แสงอรุณ ได้รับเงินปันผลงวดเดียวกันกว่า 1.28 ล้านบาท จากจำนวนหุ้นรวม 138,031 หุ้น และมีกำไรส่วนต่างจากราคากระดานล่าสุด368 บาท คิดเป็นกำไรกว่า 45.96 ล้านบาท(เทียบจากต้นทุน 35 บาท)
จากข้อมูลข้างต้นจึงขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของคนในมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และรสนา โตสิตระกูล ที่ร่วมขบวน ปั่นกระแส ทวงคืนปตท. ว่าทักษิณและทุนต่างชาติ คือผู้กุมผลประโยชน์ในปตท.
ที่สำคัญที่ผ่านมา ผู้เกี่ยวข้องกับมูลนิธิตามรายชื่อข้างต้น ต่างได้รับผลประโยชน์จากปตท.ในรูปเงินปันผลและแคปปิตอลเกนมาโดยตลอด
ดังนั้น การปั้นกระแส ทวงคืนปตท. ก็แค่เกมการเมือง ของสว.รสนา ซึ่งก็คือ พวกพันธมิตรฯ ต้านทักษิณ หวังปั่นกระแส ปั่นหัวแนวร่วม ออกมาไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์
รสนา โตสิตระกูล ส.ว. 40 เมื่อก่อนเคยกรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยังมาแถให้สัมภาษณ์ กรณีมีรายชื่อกรรรมการมูลนิธิ เข้าถือหุ้นบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT ว่า องค์กรมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเป็นนิติบุคคลมีอิสระในการทำงาน เนื่องจากนโยบายขององค์กรไม่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคล (ดูมันแถก)
แน่จริงก็ควรจะเปิดเผยข้อมูลแบบตลาดหลักทรัพย์ซิ ไม่ใช่ทำเป็นอีแอบ คนดีสีสังคม ขอเตือนประชาชนคนไทยผุ้รักชาติ พวกที่ชอบกล่าวอ้างว่าตัวเองและพวกพ้องดี จนสังคมให้ความหลงเชื่อ ให้ใช้โลโก้ธรรมาภาบาลส่วนใหญ่แล้ว ร้อยทั้งร้อยหรือ 99.99% มักเป็นคนดีสีสังคมแบบอีแอบทั้งสิ้นฉะนั้น เรื่องราวใด ประเด็นใด ที่กลุ่มคนเหล่านี้ดำเนินการปฏิบัติการ เราต้องร่วมมือกันตรวจสอบให้จงหนัก เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศนี้บ้านเมืองนี้ถูกทำร้ายอีกต่อไป
ฉีกหน้ากาก" คนในมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ของกลุ่ม รสนา โตสิตระกูล "ธาตุแท้...ตัวตนแท้จริง
ยัยรสนาและพวก ทำตัวน่ารังเกียจ ยิ่งกว่าคนเป็นโรคเรื้อน จ้องแต่จะสร้างข้อมูลที่ผิดบิดเบือน เพื่อทำลายผุ้อื่น แต่หลงลืมไปว่า ยังมีกลุ่มที่มีความรู้ รักการอ่าน ค้นคว้าข้อมูล เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นเหยื่อ ในสังคมทุกวันนี้ ที่มีกลุ่มคนที่หากินด้วยการบิดเบือนข้อมูลทำลายฝ่ายตรงข้าม แล้วรับเงิน
ยัยรสนาและพวก คงลืมไปว่า ในยุคโลกแห่งไซเบอร์ โลกใบนี้เชื่อมโยงกันได้ แค่คิดและปลายนิ้ว ก็จะรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง และรู้ในทุกเรื่องที่จฃต้องการรู้ นอกเสียจากคนขี้เกียจสันหลังยาว พร้อมที่จะปล่อยให้คนอื่น จูงจมูก จึงเกลียดการอ่านหนังสือ ไม่ค้นคว้าหาข้อมูล ชอบอ้างแต่เขาว่า เขาไหนไม่รู้ เลยปล่อยให้เขาบนหัวงอกยาวไปเรื่อย
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า
ฉีกหน้ากาก"กลุ่มมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค"ธาตุแท้คือเป็นพวก"เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลแต่กินน้ำแกง**" ปั่นกระแสทวงคืนปตท. แต่คนในมูลนิธิฯต่างรวยกันเละจากหุ้นปตท.พบกรรมการและเครือญาติได้รับจัดสรร หุ้นไอพีโอกว่า 2.2 แสนหุ้น โดยเฉพาะ"จิราพร"ประธานมูลนิธิฯกับญาติได้ไปกว่า 1,300 หุ้น ส่วนญาติกรรมการมูลนิธิ พ่วงกันเป็นหางว่าว ฟันเงินปันผลงวดครึ่งปี 49 ไปร่วม 2 ล้านบาท ขณะที่"รสนา"ยังตะเบ็งเป็นแค่เรื่องส่วนตัว จากการตรวจสอบของ"ข่าวหุ้นธุรกิจ"เกี่ยวกับรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)หรือ PTT พบว่า
กลุ่มมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือญาติ ได้รับการจัดสรรหุ้นไอพีโอช่วงปลายปี 2544 รวมกันกว่า 142,000 หุ้น นำโดยน.ส.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้รับการจัดสรรหุ้น 8,000 หุ้น นายจำเริญ อัศวเรืองชัย (ญาตินางสุวรรณา อัศวเรือง กรรมการมูลนิธิฯ) ได้รับการจัดสรร 100,000 หุ้น ตามด้วยนายจรัญ ลิ้มปานานนท์ (ญาติประธานมูลนิธิฯ)ได้รับการจัดสรร 5,000 หุ้นน.ส.นิศา และนางพรทิพย์ ศุภวงศ์(ญาตินายชูชัย ศุภวงศ์ กรรมการมูลนิธิฯ) ได้รับการจัดสรรหุ้นรวมกัน 26,000 หุ้น และน.ส.ศุภรัตน์ อาชานานุภาพ(ญาตินายสุรเกียรติ อาชานานุภาพ กรรมการมูลนิธิฯ)ได้รับการจัดสรร 3,000 หุ้น
พร้อมกันนี้ญาตินายชัยรัตน์ แสงอรุณ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิฯได้รับการจัดสรรหุ้นรวมกัน 85,000 หุ้น โดยเริ่มจากนายชยากร แสงอรุณ ได้รับการจัดสรร 13,000 หุ้นนางจันทรา แสงอรุณ ได้รับจัดสรร 30,000 หุ้น นายแสวง แสงอรุณ ได้รับจัดสรร40,000 หุ้น และน.ส.ศศิยา แสงอรุณ ได้รับจัดสรร 2,000 หุ้น
จากประเด็นดังกล่าว ทำให้ตลอดช่วงที่ผ่านมา กลุ่มมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ต่างได้รับผลประโยชน์จากหุ้น PTT กันถ้วนหน้า กล่าวคือกลุ่มเครือญาติกรรมการมูลนิธิฯได้รับเงินปันผลหุ้นปตท.(งวดระหว่าง กลางปี 2549 หุ้นละ 9.25 บาท)
รวมเป็นเงินกว่า 6.98 แสนบาทจากจำนวนหุ้นที่เหลือรวม 75,406 หุ้น พร้อมกันนี้ยังกำไรส่วนต่างจาก ราคาหุ้น อีกต่างหาก เฉพาะราคาในปี 49 368บาท คิดเป็นกำไรกว่า 25.11 ล้านบาท(เทียบจากต้นทุน 35 บาท)
นอกจากนี้กลุ่มเครือญาตินายชัยรัตน์ แสงอรุณ ได้รับเงินปันผลงวดเดียวกันกว่า 1.28 ล้านบาท จากจำนวนหุ้นรวม 138,031 หุ้น และมีกำไรส่วนต่างจากราคากระดานล่าสุด368 บาท คิดเป็นกำไรกว่า 45.96 ล้านบาท(เทียบจากต้นทุน 35 บาท)
จากข้อมูลข้างต้นจึงขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของคนในมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และรสนา โตสิตระกูล ที่ร่วมขบวน ปั่นกระแส ทวงคืนปตท. ว่าทักษิณและทุนต่างชาติ คือผู้กุมผลประโยชน์ในปตท.
ที่สำคัญที่ผ่านมา ผู้เกี่ยวข้องกับมูลนิธิตามรายชื่อข้างต้น ต่างได้รับผลประโยชน์จากปตท.ในรูปเงินปันผลและแคปปิตอลเกนมาโดยตลอด
ดังนั้น การปั้นกระแส ทวงคืนปตท. ก็แค่เกมการเมือง ของสว.รสนา ซึ่งก็คือ พวกพันธมิตรฯ ต้านทักษิณ หวังปั่นกระแส ปั่นหัวแนวร่วม ออกมาไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์
รสนา โตสิตระกูล ส.ว. 40 เมื่อก่อนเคยกรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยังมาแถให้สัมภาษณ์ กรณีมีรายชื่อกรรรมการมูลนิธิ เข้าถือหุ้นบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT ว่า องค์กรมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเป็นนิติบุคคลมีอิสระในการทำงาน เนื่องจากนโยบายขององค์กรไม่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคล (ดูมันแถก)
แน่จริงก็ควรจะเปิดเผยข้อมูลแบบตลาดหลักทรัพย์ซิ ไม่ใช่ทำเป็นอีแอบ คนดีสีสังคม ขอเตือนประชาชนคนไทยผุ้รักชาติ พวกที่ชอบกล่าวอ้างว่าตัวเองและพวกพ้องดี จนสังคมให้ความหลงเชื่อ ให้ใช้โลโก้ธรรมาภาบาลส่วนใหญ่แล้ว ร้อยทั้งร้อยหรือ 99.99% มักเป็นคนดีสีสังคมแบบอีแอบทั้งสิ้นฉะนั้น เรื่องราวใด ประเด็นใด ที่กลุ่มคนเหล่านี้ดำเนินการปฏิบัติการ เราต้องร่วมมือกันตรวจสอบให้จงหนัก เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศนี้บ้านเมืองนี้ถูกทำร้ายอีกต่อไป