ช่วงเทศกาลท่องเที่ยวทะเลแบบนี้ เลยอยากนำเกร็ดความรู้เรื่องเสื้อชูชีพ และเสื้อพยุงตัวมาฝากกันค่ะ พอดีทำอาชีพทางนี้ และเห็นหลายๆกระทู้ยังไม่มีข้อมูลที่รวบรวมมาไว้ด้วยกันให้อ่านง่ายๆ
หลายๆ ท่านคงทราบแล้วว่าใส่เสื้อชูชีพว่ายน้ำ ไม่ได้ทำให้เราปลอดภัย 100% หากประสบอุบัติเหตุทางทะเล มันก็เหมือนกับเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ดีๆ นี่เอง เนื่องจากสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุมีปัจจัยมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ดีกว่าไม่คาดเข็มขัดล่ะเนอะ
เสื้อพยุงตัว (Buoyancy Aid) ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยพยุงร่างกายของผู้สวมใส่ให้ลอยอยู่ในน้ำได้ แต่ไม่อาจช่วยท่านได้ในทุกสถานการณ์ เนื่องจากท่านจะต้องมีสติและช่วยเหลือตัวเองได้ด้วยส่วนหนึ่ง
เสื้อชูชีพนั้น (Lifejacket) หากสวมใส่อย่างถูกต้องและอยู่ในสภาพดี จะช่วยให้ผู้สวมใส่ลอยตัวอยู่ในน้ำในตำแหน่งที่ปากและจมูกของผู้สวมใส่อยู่เหนือแนวน้ำแม้ในขณะหมดสติ
เสื้อตามรีสอร์ตทั่วไป หรือเวลาไปดำน้ำตื้นในประเทศตามเกาะต่างๆ หรือต่างประเทศก็ตาม มักจะเป็นเสื้อพยุงตัว(แต่นักท่องเที่ยวและเราๆจะเรียกกันว่าเสื้อชูชีพ) เพราะไม่ได้ทำให้ผู้สวมใส่ที่หมดสติ ลอยอยู่ในน้ำในตำแหน่งที่ปากและจมูกพ้นน้ำได้ เนื่องจากเราไปทีก็ไปกันเป็นหมู่คณะ มีความช่วยเหลืออยู่ใกล้เคียง
เสื้อพยุงตัวเองก็มีหลายเกรด หลายมาตรฐาน บางแบบผ้าจะเปราะ ตัวละประมาณ 200-300 บาท เก็บไว้ประมาณไม่เกินหนึ่งปีก็ซื้อใหม่ หรือแบบได้มาตรฐานกรมเจ้าท่า ผ้าหนา โฟมหนา ส่วนใหญ่คนเรือชายฝั่งนิยมสวมใส่ทำงาน หรือถ้าหน่วยงานราชการก็จะต้องการใช้มาตรฐานกรมเจ้าท่านี้ สนนราคาตัวนึงประมาณ 450-550 บาท เก็บได้ประมาณ 4-5 ปี

เสื้อชูชีพสำหรับเด็ก จะสามารถพบได้มากมายและมีหลากหลายดีไซน์กว่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเสื้อชูชีพสวยๆ กระชับ ทะมัดทแมง สำหรับผู้ใหญ่ค่ะ มีอยู่มากมายเลยทีเีดียว ถ้าแนะนำไปเดี๋ยวจะว่าขายของ ^^" หลังไมค์มาได้แล้วกันค่ะ
ประเภทของเสื้อชูชีพสามารถจำแนกได้เป็นเสื้อชูชีพประเภทโฟม และเสื้อชูชีพพองลม โดยเสื้อชูชีพแบบพองลม จะทำให้ผู้สวมใส่เกิดความคล่องตัว และสบายตัวกว่าแบบโฟมมาก แต่จะต้องทำการส่งศูนย์ตรวจสอบทุกๆ ปีว่าเสื้อเรายังอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดีหรือไม่ (เสื้อชูชีพพองลมจะรับประกันอะไหล่ 1 ปี และอะไหล่ทุกตัวจะต้องมีัวันผลิตหรือวันหมดอายุบอก)
เสื้อชูชีพพองลมแบบที่ได้มาตรฐาน มีอะไหล่พร้อม มีศูนย์บริการรองรับมาตรฐาน มีวันผลิตวันหมดอายุของอะไหล่ทุกตัวแจ้ง จะตกอยู่ที่ตัวละ 3000 บาทขึ้นไป บางแบบเป็นหลักหมื่นก็มีค่ะ เพราะระบบการปล่อยแก๊สมีหลายแบบ และเสื้อบางประเภทก็มีถึง 2 ถุงลม เดี๋ยวนี้เก๋หน่อย มีเป็นแบบคาดเอว ไม่เกะกะที่คอ สำหรับนักตกปลานิยมกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อ้อ มีแบบแรงลอยตัวมากกว่าปกติ กรณีคนตัวใหญ่มากๆ หรือสวมใส่อุปกรณ์หนักๆ กลัวจะถอดไม่ทันเมื่อประสบอุบัติเหตุ
แต่เดี๋ยวนี้เสื้อชูชีพพองลมจากจีนเข้ามาเยอะมากๆ ค่ะ ตัวนึงไ่ม่ถึง 2000 บาท อยากให้ระวังเรื่องวันหมดอายุของอุปกรณ์ อะไหล่ และบริการหลังการขายกันให้ดีๆ ค่ะ
ยังมีข้อปลีกย่อยอีกมากมายค่ะ เช่น เสื้อชูชีพแบบพองลมอัตโนมัติทำงานเองเมื่อสัมผัสน้ำ กับเสื้อชูชีพแบบพองลมด้วยมือ ต้องใช้มือกระตุกเองเท่านั้นเสื้อถึงจะทำงาน ฯลฯ แต่คิดว่าเท่านี้น่าจะพอทำให้หลายๆท่านที่เตรียมตัวเที่ยวทะเล เที่ยวเกาะ ฯลฯ พอจะได้ไอเดียและความรู้กันไม่มากก็น้อยค่ะ
ข้อมูลจาก
http://lalizas.co.th/index.php/article/buoyancy-aids-vs-life-jackets และ
http://lalizas.co.th/index.php/article/inflatable-life-jackets
เสื้อชูชีพทั่วไป เสื้อชูชีพมาตรฐาน เสื้อพยุงตัว มันคืออะไร แตกต่างกันยังไง (มีคำตอบค่ะ)
หลายๆ ท่านคงทราบแล้วว่าใส่เสื้อชูชีพว่ายน้ำ ไม่ได้ทำให้เราปลอดภัย 100% หากประสบอุบัติเหตุทางทะเล มันก็เหมือนกับเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ดีๆ นี่เอง เนื่องจากสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุมีปัจจัยมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ดีกว่าไม่คาดเข็มขัดล่ะเนอะ
เสื้อพยุงตัว (Buoyancy Aid) ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยพยุงร่างกายของผู้สวมใส่ให้ลอยอยู่ในน้ำได้ แต่ไม่อาจช่วยท่านได้ในทุกสถานการณ์ เนื่องจากท่านจะต้องมีสติและช่วยเหลือตัวเองได้ด้วยส่วนหนึ่ง
เสื้อชูชีพนั้น (Lifejacket) หากสวมใส่อย่างถูกต้องและอยู่ในสภาพดี จะช่วยให้ผู้สวมใส่ลอยตัวอยู่ในน้ำในตำแหน่งที่ปากและจมูกของผู้สวมใส่อยู่เหนือแนวน้ำแม้ในขณะหมดสติ
เสื้อตามรีสอร์ตทั่วไป หรือเวลาไปดำน้ำตื้นในประเทศตามเกาะต่างๆ หรือต่างประเทศก็ตาม มักจะเป็นเสื้อพยุงตัว(แต่นักท่องเที่ยวและเราๆจะเรียกกันว่าเสื้อชูชีพ) เพราะไม่ได้ทำให้ผู้สวมใส่ที่หมดสติ ลอยอยู่ในน้ำในตำแหน่งที่ปากและจมูกพ้นน้ำได้ เนื่องจากเราไปทีก็ไปกันเป็นหมู่คณะ มีความช่วยเหลืออยู่ใกล้เคียง
เสื้อพยุงตัวเองก็มีหลายเกรด หลายมาตรฐาน บางแบบผ้าจะเปราะ ตัวละประมาณ 200-300 บาท เก็บไว้ประมาณไม่เกินหนึ่งปีก็ซื้อใหม่ หรือแบบได้มาตรฐานกรมเจ้าท่า ผ้าหนา โฟมหนา ส่วนใหญ่คนเรือชายฝั่งนิยมสวมใส่ทำงาน หรือถ้าหน่วยงานราชการก็จะต้องการใช้มาตรฐานกรมเจ้าท่านี้ สนนราคาตัวนึงประมาณ 450-550 บาท เก็บได้ประมาณ 4-5 ปี
เสื้อชูชีพสำหรับเด็ก จะสามารถพบได้มากมายและมีหลากหลายดีไซน์กว่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเสื้อชูชีพสวยๆ กระชับ ทะมัดทแมง สำหรับผู้ใหญ่ค่ะ มีอยู่มากมายเลยทีเีดียว ถ้าแนะนำไปเดี๋ยวจะว่าขายของ ^^" หลังไมค์มาได้แล้วกันค่ะ
ประเภทของเสื้อชูชีพสามารถจำแนกได้เป็นเสื้อชูชีพประเภทโฟม และเสื้อชูชีพพองลม โดยเสื้อชูชีพแบบพองลม จะทำให้ผู้สวมใส่เกิดความคล่องตัว และสบายตัวกว่าแบบโฟมมาก แต่จะต้องทำการส่งศูนย์ตรวจสอบทุกๆ ปีว่าเสื้อเรายังอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดีหรือไม่ (เสื้อชูชีพพองลมจะรับประกันอะไหล่ 1 ปี และอะไหล่ทุกตัวจะต้องมีัวันผลิตหรือวันหมดอายุบอก)
เสื้อชูชีพพองลมแบบที่ได้มาตรฐาน มีอะไหล่พร้อม มีศูนย์บริการรองรับมาตรฐาน มีวันผลิตวันหมดอายุของอะไหล่ทุกตัวแจ้ง จะตกอยู่ที่ตัวละ 3000 บาทขึ้นไป บางแบบเป็นหลักหมื่นก็มีค่ะ เพราะระบบการปล่อยแก๊สมีหลายแบบ และเสื้อบางประเภทก็มีถึง 2 ถุงลม เดี๋ยวนี้เก๋หน่อย มีเป็นแบบคาดเอว ไม่เกะกะที่คอ สำหรับนักตกปลานิยมกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อ้อ มีแบบแรงลอยตัวมากกว่าปกติ กรณีคนตัวใหญ่มากๆ หรือสวมใส่อุปกรณ์หนักๆ กลัวจะถอดไม่ทันเมื่อประสบอุบัติเหตุ
แต่เดี๋ยวนี้เสื้อชูชีพพองลมจากจีนเข้ามาเยอะมากๆ ค่ะ ตัวนึงไ่ม่ถึง 2000 บาท อยากให้ระวังเรื่องวันหมดอายุของอุปกรณ์ อะไหล่ และบริการหลังการขายกันให้ดีๆ ค่ะ
ยังมีข้อปลีกย่อยอีกมากมายค่ะ เช่น เสื้อชูชีพแบบพองลมอัตโนมัติทำงานเองเมื่อสัมผัสน้ำ กับเสื้อชูชีพแบบพองลมด้วยมือ ต้องใช้มือกระตุกเองเท่านั้นเสื้อถึงจะทำงาน ฯลฯ แต่คิดว่าเท่านี้น่าจะพอทำให้หลายๆท่านที่เตรียมตัวเที่ยวทะเล เที่ยวเกาะ ฯลฯ พอจะได้ไอเดียและความรู้กันไม่มากก็น้อยค่ะ
ข้อมูลจากhttp://lalizas.co.th/index.php/article/buoyancy-aids-vs-life-jackets และ http://lalizas.co.th/index.php/article/inflatable-life-jackets