
แม่น้ำTuki Tuki
ตอนที่ทำงานอยู่ในวัยสามสิบต้นๆ มีโอกาสดี ที่ทำงานส่งไปดูงานที่นิวซีแลนด์ ได้ไป Wellington เมืองหลวงของนิวซีแลนด์ และ Christchurch ตอนนั้นยังไม่มีแผ่นดินไหว โบสถ์สวยๆ นั่นยังอยู่ ได้ไปยืนเต๊ะท่าอยู่หน้าโบสถ์เหมือนกัน เป็นการไปเมืองนอกครั้งแรกและไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ไปอีก พองานเสร็จเลยลาพักร้อน ใช้เบี้ยเลี้ยงที่ได้เที่ยวต่ออีกอาทิตย์หนึ่ง...ที่นี่สวยมาก ติดใจ แต่อย่างว่านะ...ไม่คิดว่าจะไปได้อีก ครั้งนั้นถ้าเขาไม่ส่งไปดูงาน คงไม่มีปัญญาไป
ประโยชน์เพิ่มอีกอย่างของการไปดูงานคือ...เพื่อน เราได้เพื่อนที่รู้จักตั้งแต่ครั้งนั้น ติดต่อกันเรื่อยมา จนได้ที่พักฟรี...ไกด์นำเที่ยวฟรีนี่งัย
บ้านเพื่อนอยู่ที่ Waipukurau เป็นเมืองเล็กๆ ใน...district…ไม่รู้จะแปลว่าไง ของเรา district คือตำบล ของเขาใหญ่กว่า...แปลเป็นเขตแล้วกัน Waipukurau อยู่ใน Hawke’s Bay district เป็นเขตฝั่งตะวันออกตอนกลางๆ ของเกาะเหนือ มีเมืองเล็กใหญ่อยู่สิบกว่าเมือง ที่จำได้ Napier, Hasting, Waipukurau, Waipawa, Porangahau, Otani, Onga Onga ชื่อเมืองส่วนมากเป็นภาษา Maori เกือบทุกเมืองติดชายทะเล
Waipukurau เป็นเมืองขนาดกลางๆ ของที่นี่ แต่ถ้าเทียบบ้านเรา เราว่าเล็กนะ มีแม่น้ำชื่อ Tuki Tuki ไหลผ่านมีศูนย์การค้าใจกลางเมือง ตั้งอยู่บนถนนสามสายขนานกัน ยาวประมาณ 500 เมตร เรียกว่าเดินเที่ยว...แบบ แวะชมโน่น ชมนี่ แล้วนะ...ครึ่งชั่วโมงก็ทั่วแล้ว มีห้างสรรพสินค้าอยู่สองแห่ง Countdown และ Newworld ขนาดเหมือน Lotus Express บ้านเรา มีร้านขายหนังสือร้านหนึ่ง ห้องสมุดหนึ่งแห่ง ร้านอาหาร 3 แห่ง โรงหนังหนึ่งโรง...พูดถึงโรงหนัง ก็ใหญ่นะ จุคนได้ 300 คน เราเข้าไปดูครั้งหนึ่ง ดู Hobbit ไปก่อนหนังฉาย 15 นาที นั่งกินไอติมรอ มีคนอยู่ 12 คน...ทำไมคนที่นี่เขาใจเย็นจัง หนังจะฉายยังไม่มากันเลย...เปล๊า...มีคนมาดูแค่นั้นแหละค่ะ

เมือง Waipukurau

ต้องให้เขาไปก่อนค่ะ...กลัวถูกเตะ
[img]http://f.ptcdn.info/551/003/000/1364354444-P04JPG-o.jpg[/img



ร้านเครื่องเขียนและหนังสือ...ชอบมากค่ะ...แต่เครื่องเขียนแพงจัง

นี่ก็ชอบ...ห้องสมุด...มี wifi ให้ใช้ฟรีด้วย

ร้านอาหาร จะเป็นพวกคาเฟ่

ร้านไฮโซ

โรงหนังมีโรงเดียว


ร้านนี้ยอดนิยม เจ้าของเป็นชาวเขมร


อู่ซ่อมรถ...สะอาดมาก
ที่นี่เหมือนเมืองอื่นๆ ในนิวซีแลนด์แหละค่ะ มีแต่แกะ กับ วัว...อาชีพหลักเขาค่ะ บ้านที่ไปพักเขาทำงานที่ Wellington และเลี้ยงแกะกับวัวเป็นงานอดิเรก แกะมี 150 ตัว วัว 12 ตัว มีหมาเลี้ยงแกะ 5 ตัว ที่เยอะเพราะแต่ก่อนลุง Rich เจ้าของบ้าน แกทำฟาร์มเป็นอาชีพ มีแกะเป็นหมื่นตัวเลยมีหมาต้อนแกะเยอะ พอเลิก หมาที่เหลืออยู่ก็เหมือนเพื่อน...อยู่ๆ กันไป บางตัวแก่มาก เดินไม่ค่อยไหวแล้ว เลี้ยงแกะเลี้ยงวัวที่นี่ไม่ยากค่ะ ที่บ้านนี้มีเนื้อที่ 30 เอเค้อ ก็ประมาณ 45 ไร่ เขาแบ่งเนื้อที่เป็นแปลงๆ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แล้วแต่วัตถุประสงค์และจำนวนสัตว์ เขาเรียก paddock กั้นแต่ละแปลงด้วยลวดไฟฟ้า ไม่แรงมาก ขนาดพอทำให้แกะหรือวัวกลัว ปลูกหญ้าสำหรับแกะและวัวในหน้าร้อนต่อหนาว โดยจะไถพรวน ว่านเมล็ด พอโตก็เกี่ยว 2 ครั้งเก็บไว้ การเลี้ยงปล่อยแกะหรือวัวไว้ paddock หนึ่ง พอเขากินหญ้าหมดก็ต้อนย้ายไปอีก paddock หนึ่ง อันเก่าก็ปล่อยให้หญ้าขึ้น เวียนไปอย่างนี้เรื่อยๆ ถ้าหญ้าโตไม่ทันเขาก็จะเอาหญ้าที่เกี่ยวเก็บไว้ออกมาเลี้ยง เห็นเนื้อที่ขนาดนี้ลุงแกเลี้ยงแกะแค่ร้อยกว่าตัว กลัวไม่มีหญ้าเลี้ยงแกะ สมัยก่อนที่แกเลี้ยงหมื่นกว่าตัว เนื้อที่เป็นพันไร่ค่ะ

สระน้ำหน้าบ้าน ลุงแกเลี้ยงปลาทองในนี้

ภูเขาห่างจากบ้านประมาณสามสิบกิโล

บ้านและฟาร์ทที่พักอยู่

ไปทำงานในฟาร์มด้วย farmbike...ที่บ้านเราเรียก ATV นั่นแหละค่ะ





รั้วไฟฟ้าและประตู






เห็นปลาทองมั๊ยคะ...เยอะมาก
ไหนๆ พักที่นั่นก็ลองเลี้ยงแกะด ให้อาหารหมาและปลาทองในสระ...ลุงแกเลี้ยงปลาทองในสระค่ะ ไม่ใช่ในอ่างแก้วหรือตู้ปลาเหมือนบ้านเรา...เราว่าง่ายนะ งานที่ยากที่สุดในการเลี้ยงแกะคือ...เป็นหมอตำแย...จริงๆ นะ ตอนแรกเขาก็บอกช่วงนี้เรายังไปเที่ยวไหนไกลไม่ได้ ไปได้เฉพาะไปเช้าเย็นกลับ เพราะแกะท้องแก่ กำลังจะออกลูก บางครั้งแกะต้องการความช่วยเหลือจากเรา มาอยู่หลายวันแล้ว ไม่เคยเห็นตัวไหนต้องการความช่วยเหลือเลย เห็นยืนๆ อยู่ก็ล้มลงนอก สักพักลุกขึ้นก็มีลูกแกะออกมา พอลูกออกมาแล้ว (ไม่กล้าลงรูปให้ดู...สยองมาก เอาตอนออกมาแล้วก็แล้วกัน) แม่ก็จะเลียรก ทำความสะอาด พักหนึ่งลูกแกะก็วิ่งปร๋อ




วันหนึ่งลุง Rich มาตามบอกต้องการความช่วยเหลือ เราก็เพ่นขึ้น ATV เลย ไปถึงเห็นแม่แกะนอนร้องดังลั่น ที่ก้นเห็นขาหน้าลูกแกะงออยู่สองขา ขาใหญ่มาก ไม่ยอมออก เราต้องช่วยกันจับแม่แกะให้อยู่นิ่งๆ กว่าจะจับได้ก็เหนื่อย พอจับได้ลุงแกจับขาลูกแกะดึงออกมา ตัวใหญ่เชียว จับอ้าปาก ตบท้องเบาๆ...ไม่รอดง่ะ ลุงแกบอก เราทิ้งแม่แกะไว้นานเกินไป
...คราวหน้ายูต้องเป็นคนดึงขานะ...ไม่อาววว น่ะ งานนี้ไม่อาววว
แต่เพื่อนชวนทำงานช่วยลุง Rich งานไม่หนัก ไม่ได้เลี้ยงเป็นอาชีพ มีเวลาเที่ยวเยอะ ให้อาทิตย์ละ 325 เหรียญ ที่อยู่ฟรี แต่ต้องซื้อกับข้าวมาทำอาหารเย็นให้ที่บ้าน...น่าสนนะ หลงเสน่ห์ก้น (แกะ)ขาวๆ ที่นี่ซะแล้ว

อยู่ไทยขับแต่รถเกียร์อัตโนมัติ อยู่นี่ต้องขับปิ๊กอัพ...ชาวนา ค่ะ ชาวนา...เกียร์ธรรมดา เพราะดีเซลถูกว่าเบนซินมาก ตอนแรกไม่ชินกับการขับรถที่นี่ บ้านเราเหยียบเป็นร้อย ที่นี่ก็เหยียบเป็นร้อยเหมือนกัน แต่พอเข้าเมืองเบรกตัวโก่งเลยค่ะ...70…50…ไม่ได้ใบ้หวยค่ะ ที่นี่เวลาอยู่ในตัวเมืองหรือชุมชนเขาจำกัดความเร็ว ตาต้องไวค่ะ มองป้ายให้ดี ตำรวจเข้มมาก และอีกอย่างขับๆ ไปเห็นที่จอดรถฝั่งตรงข้ามว่าง จะปาดเข้าไปจอดเหมือนบ้านเราไม่ได้...ใบสั่งมาเลยค่ะ...วันหนึ่งขับปิ๊กอัพไป supermarket ซื้ออาหาร...วันนี้ว่าง ไป Hasting ดีกว่า ที่นั่นเมืองใหญ่ ห้างใหญ่ๆ เหมือนบ้านเราเยอะ...ว่าแล้วก็ขับผ่าน Waipawa… Otani… ผ่านไปเนินเขาเดียว ตำรวจเรียกให้หยุด คุยกันนานกว่าจะรู้เรื่องว่า ปิ๊กอัพที่นี่เขามีทะเบียน 2 แบบ วิ่งเฉพาะเขต และวิ่งได้ทั่วประเทศ ค่าธรรมเนียมต่างกัน ไอ้ของเราน่ะวิ่งเฉพาะเขต...ใครจะไปรู้ฟ๊ะ... เจ้าของก็ไม่บอกเรา แต่รอดมาได้เพราะยิ้มสยามและสีหน้า innocence ไม่ได้แกล้งทำนะ ความหมายคำนี้ตอนนี้คือหน้าเซ่ออ่ะ
ตอนหัดขับรถใหม่ๆ หลงทาง กลับบ้านไม่ถูก จอดรถถามร้านซ่อมรถยนต์ … How I can go to Mid-dle-ton Road?... What?... Mid-dle-ton (มิด-เดล-ตัน)Road? Never… heard that?...???...It’s is in Waipukurau?... never heard… Do you have any paper and pen?...Here we’re… เราก็เขียนเลย Middleton Road พอส่งให้ Oh yesssss…Mid-dern (มิด-เด้นท) Road. ได้กลับบ้านเสียที
ภาษาอังกฤษเรายังไม่ไหวเนอะ
วันก่อนกลับมาจากห้างฯ คุยให้ครอบครัวเพื่อนฟัง...There will be o-pe-ra (โอ-เป-ร่า) at the theater. I would like to see it….What?...O-pe-ra…What’s that?...?????...อะไรฟ๊ะ สงสัยชาวนาที่นี่ไม่เคยดุโอเปร่า ว่าแล้วก็หยิบกระดาษมาเขียนให้ดู…opera…Oh I see…op-pra (อ๊อปปร่า)
*** คราวหน้า...ตัดหางลูกแกะกัน ***
[CR] Waipukurau...อยู่ต่อดีมั๊ย
แม่น้ำTuki Tuki
ตอนที่ทำงานอยู่ในวัยสามสิบต้นๆ มีโอกาสดี ที่ทำงานส่งไปดูงานที่นิวซีแลนด์ ได้ไป Wellington เมืองหลวงของนิวซีแลนด์ และ Christchurch ตอนนั้นยังไม่มีแผ่นดินไหว โบสถ์สวยๆ นั่นยังอยู่ ได้ไปยืนเต๊ะท่าอยู่หน้าโบสถ์เหมือนกัน เป็นการไปเมืองนอกครั้งแรกและไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ไปอีก พองานเสร็จเลยลาพักร้อน ใช้เบี้ยเลี้ยงที่ได้เที่ยวต่ออีกอาทิตย์หนึ่ง...ที่นี่สวยมาก ติดใจ แต่อย่างว่านะ...ไม่คิดว่าจะไปได้อีก ครั้งนั้นถ้าเขาไม่ส่งไปดูงาน คงไม่มีปัญญาไป
ประโยชน์เพิ่มอีกอย่างของการไปดูงานคือ...เพื่อน เราได้เพื่อนที่รู้จักตั้งแต่ครั้งนั้น ติดต่อกันเรื่อยมา จนได้ที่พักฟรี...ไกด์นำเที่ยวฟรีนี่งัย
บ้านเพื่อนอยู่ที่ Waipukurau เป็นเมืองเล็กๆ ใน...district…ไม่รู้จะแปลว่าไง ของเรา district คือตำบล ของเขาใหญ่กว่า...แปลเป็นเขตแล้วกัน Waipukurau อยู่ใน Hawke’s Bay district เป็นเขตฝั่งตะวันออกตอนกลางๆ ของเกาะเหนือ มีเมืองเล็กใหญ่อยู่สิบกว่าเมือง ที่จำได้ Napier, Hasting, Waipukurau, Waipawa, Porangahau, Otani, Onga Onga ชื่อเมืองส่วนมากเป็นภาษา Maori เกือบทุกเมืองติดชายทะเล
Waipukurau เป็นเมืองขนาดกลางๆ ของที่นี่ แต่ถ้าเทียบบ้านเรา เราว่าเล็กนะ มีแม่น้ำชื่อ Tuki Tuki ไหลผ่านมีศูนย์การค้าใจกลางเมือง ตั้งอยู่บนถนนสามสายขนานกัน ยาวประมาณ 500 เมตร เรียกว่าเดินเที่ยว...แบบ แวะชมโน่น ชมนี่ แล้วนะ...ครึ่งชั่วโมงก็ทั่วแล้ว มีห้างสรรพสินค้าอยู่สองแห่ง Countdown และ Newworld ขนาดเหมือน Lotus Express บ้านเรา มีร้านขายหนังสือร้านหนึ่ง ห้องสมุดหนึ่งแห่ง ร้านอาหาร 3 แห่ง โรงหนังหนึ่งโรง...พูดถึงโรงหนัง ก็ใหญ่นะ จุคนได้ 300 คน เราเข้าไปดูครั้งหนึ่ง ดู Hobbit ไปก่อนหนังฉาย 15 นาที นั่งกินไอติมรอ มีคนอยู่ 12 คน...ทำไมคนที่นี่เขาใจเย็นจัง หนังจะฉายยังไม่มากันเลย...เปล๊า...มีคนมาดูแค่นั้นแหละค่ะ
เมือง Waipukurau
ต้องให้เขาไปก่อนค่ะ...กลัวถูกเตะ
[img]http://f.ptcdn.info/551/003/000/1364354444-P04JPG-o.jpg[/img
ร้านเครื่องเขียนและหนังสือ...ชอบมากค่ะ...แต่เครื่องเขียนแพงจัง
นี่ก็ชอบ...ห้องสมุด...มี wifi ให้ใช้ฟรีด้วย
ร้านอาหาร จะเป็นพวกคาเฟ่
ร้านไฮโซ
โรงหนังมีโรงเดียว
ร้านนี้ยอดนิยม เจ้าของเป็นชาวเขมร
อู่ซ่อมรถ...สะอาดมาก
ที่นี่เหมือนเมืองอื่นๆ ในนิวซีแลนด์แหละค่ะ มีแต่แกะ กับ วัว...อาชีพหลักเขาค่ะ บ้านที่ไปพักเขาทำงานที่ Wellington และเลี้ยงแกะกับวัวเป็นงานอดิเรก แกะมี 150 ตัว วัว 12 ตัว มีหมาเลี้ยงแกะ 5 ตัว ที่เยอะเพราะแต่ก่อนลุง Rich เจ้าของบ้าน แกทำฟาร์มเป็นอาชีพ มีแกะเป็นหมื่นตัวเลยมีหมาต้อนแกะเยอะ พอเลิก หมาที่เหลืออยู่ก็เหมือนเพื่อน...อยู่ๆ กันไป บางตัวแก่มาก เดินไม่ค่อยไหวแล้ว เลี้ยงแกะเลี้ยงวัวที่นี่ไม่ยากค่ะ ที่บ้านนี้มีเนื้อที่ 30 เอเค้อ ก็ประมาณ 45 ไร่ เขาแบ่งเนื้อที่เป็นแปลงๆ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แล้วแต่วัตถุประสงค์และจำนวนสัตว์ เขาเรียก paddock กั้นแต่ละแปลงด้วยลวดไฟฟ้า ไม่แรงมาก ขนาดพอทำให้แกะหรือวัวกลัว ปลูกหญ้าสำหรับแกะและวัวในหน้าร้อนต่อหนาว โดยจะไถพรวน ว่านเมล็ด พอโตก็เกี่ยว 2 ครั้งเก็บไว้ การเลี้ยงปล่อยแกะหรือวัวไว้ paddock หนึ่ง พอเขากินหญ้าหมดก็ต้อนย้ายไปอีก paddock หนึ่ง อันเก่าก็ปล่อยให้หญ้าขึ้น เวียนไปอย่างนี้เรื่อยๆ ถ้าหญ้าโตไม่ทันเขาก็จะเอาหญ้าที่เกี่ยวเก็บไว้ออกมาเลี้ยง เห็นเนื้อที่ขนาดนี้ลุงแกเลี้ยงแกะแค่ร้อยกว่าตัว กลัวไม่มีหญ้าเลี้ยงแกะ สมัยก่อนที่แกเลี้ยงหมื่นกว่าตัว เนื้อที่เป็นพันไร่ค่ะ
สระน้ำหน้าบ้าน ลุงแกเลี้ยงปลาทองในนี้
ภูเขาห่างจากบ้านประมาณสามสิบกิโล
บ้านและฟาร์ทที่พักอยู่
ไปทำงานในฟาร์มด้วย farmbike...ที่บ้านเราเรียก ATV นั่นแหละค่ะ
รั้วไฟฟ้าและประตู
เห็นปลาทองมั๊ยคะ...เยอะมาก
ไหนๆ พักที่นั่นก็ลองเลี้ยงแกะด ให้อาหารหมาและปลาทองในสระ...ลุงแกเลี้ยงปลาทองในสระค่ะ ไม่ใช่ในอ่างแก้วหรือตู้ปลาเหมือนบ้านเรา...เราว่าง่ายนะ งานที่ยากที่สุดในการเลี้ยงแกะคือ...เป็นหมอตำแย...จริงๆ นะ ตอนแรกเขาก็บอกช่วงนี้เรายังไปเที่ยวไหนไกลไม่ได้ ไปได้เฉพาะไปเช้าเย็นกลับ เพราะแกะท้องแก่ กำลังจะออกลูก บางครั้งแกะต้องการความช่วยเหลือจากเรา มาอยู่หลายวันแล้ว ไม่เคยเห็นตัวไหนต้องการความช่วยเหลือเลย เห็นยืนๆ อยู่ก็ล้มลงนอก สักพักลุกขึ้นก็มีลูกแกะออกมา พอลูกออกมาแล้ว (ไม่กล้าลงรูปให้ดู...สยองมาก เอาตอนออกมาแล้วก็แล้วกัน) แม่ก็จะเลียรก ทำความสะอาด พักหนึ่งลูกแกะก็วิ่งปร๋อ
วันหนึ่งลุง Rich มาตามบอกต้องการความช่วยเหลือ เราก็เพ่นขึ้น ATV เลย ไปถึงเห็นแม่แกะนอนร้องดังลั่น ที่ก้นเห็นขาหน้าลูกแกะงออยู่สองขา ขาใหญ่มาก ไม่ยอมออก เราต้องช่วยกันจับแม่แกะให้อยู่นิ่งๆ กว่าจะจับได้ก็เหนื่อย พอจับได้ลุงแกจับขาลูกแกะดึงออกมา ตัวใหญ่เชียว จับอ้าปาก ตบท้องเบาๆ...ไม่รอดง่ะ ลุงแกบอก เราทิ้งแม่แกะไว้นานเกินไป
...คราวหน้ายูต้องเป็นคนดึงขานะ...ไม่อาววว น่ะ งานนี้ไม่อาววว
แต่เพื่อนชวนทำงานช่วยลุง Rich งานไม่หนัก ไม่ได้เลี้ยงเป็นอาชีพ มีเวลาเที่ยวเยอะ ให้อาทิตย์ละ 325 เหรียญ ที่อยู่ฟรี แต่ต้องซื้อกับข้าวมาทำอาหารเย็นให้ที่บ้าน...น่าสนนะ หลงเสน่ห์ก้น (แกะ)ขาวๆ ที่นี่ซะแล้ว
อยู่ไทยขับแต่รถเกียร์อัตโนมัติ อยู่นี่ต้องขับปิ๊กอัพ...ชาวนา ค่ะ ชาวนา...เกียร์ธรรมดา เพราะดีเซลถูกว่าเบนซินมาก ตอนแรกไม่ชินกับการขับรถที่นี่ บ้านเราเหยียบเป็นร้อย ที่นี่ก็เหยียบเป็นร้อยเหมือนกัน แต่พอเข้าเมืองเบรกตัวโก่งเลยค่ะ...70…50…ไม่ได้ใบ้หวยค่ะ ที่นี่เวลาอยู่ในตัวเมืองหรือชุมชนเขาจำกัดความเร็ว ตาต้องไวค่ะ มองป้ายให้ดี ตำรวจเข้มมาก และอีกอย่างขับๆ ไปเห็นที่จอดรถฝั่งตรงข้ามว่าง จะปาดเข้าไปจอดเหมือนบ้านเราไม่ได้...ใบสั่งมาเลยค่ะ...วันหนึ่งขับปิ๊กอัพไป supermarket ซื้ออาหาร...วันนี้ว่าง ไป Hasting ดีกว่า ที่นั่นเมืองใหญ่ ห้างใหญ่ๆ เหมือนบ้านเราเยอะ...ว่าแล้วก็ขับผ่าน Waipawa… Otani… ผ่านไปเนินเขาเดียว ตำรวจเรียกให้หยุด คุยกันนานกว่าจะรู้เรื่องว่า ปิ๊กอัพที่นี่เขามีทะเบียน 2 แบบ วิ่งเฉพาะเขต และวิ่งได้ทั่วประเทศ ค่าธรรมเนียมต่างกัน ไอ้ของเราน่ะวิ่งเฉพาะเขต...ใครจะไปรู้ฟ๊ะ... เจ้าของก็ไม่บอกเรา แต่รอดมาได้เพราะยิ้มสยามและสีหน้า innocence ไม่ได้แกล้งทำนะ ความหมายคำนี้ตอนนี้คือหน้าเซ่ออ่ะ
ตอนหัดขับรถใหม่ๆ หลงทาง กลับบ้านไม่ถูก จอดรถถามร้านซ่อมรถยนต์ … How I can go to Mid-dle-ton Road?... What?... Mid-dle-ton (มิด-เดล-ตัน)Road? Never… heard that?...???...It’s is in Waipukurau?... never heard… Do you have any paper and pen?...Here we’re… เราก็เขียนเลย Middleton Road พอส่งให้ Oh yesssss…Mid-dern (มิด-เด้นท) Road. ได้กลับบ้านเสียที
ภาษาอังกฤษเรายังไม่ไหวเนอะ
วันก่อนกลับมาจากห้างฯ คุยให้ครอบครัวเพื่อนฟัง...There will be o-pe-ra (โอ-เป-ร่า) at the theater. I would like to see it….What?...O-pe-ra…What’s that?...?????...อะไรฟ๊ะ สงสัยชาวนาที่นี่ไม่เคยดุโอเปร่า ว่าแล้วก็หยิบกระดาษมาเขียนให้ดู…opera…Oh I see…op-pra (อ๊อปปร่า)
*** คราวหน้า...ตัดหางลูกแกะกัน ***