ควันหลงของศึกเอเชียนคัพ 2015 รอบคัดเลือก ซึ่งขุนพลนักเตะทีมชาติไทยของเราบุกไปโดนเลบานอนถล่มพ่ายหมดสภาพ 2-5 ทำให้โอกาสในการลุ้นเข้ารอบสุดท้ายของแข้งช้างศึกริบหรี่เต็มทน แม้จะเหลือโปรแกรมเตะอีกถึง 4 นัดก็ตาม
“ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” ครับ!
เมื่อผลมันออกมาเป็นอย่างนี้ อนาคตของ “วินนี่” วินฟรีด เชเฟอร์ กับการกุมบังเหียนทีมชาติไทยก็คงจะเรียบร้อย “ช้อยเก็บฉาก” ไปตามระเบียบ แม้ว่าเจ้าตัวจะเหลือสัญญาทำทีมไทยอีกปีกว่า (สัญญาถึง ก.ค.ปี 2014) ก็ตาม
แต่ด้วยเงินเดือนที่แพงระยับ บวกกับผลงานที่ไม่มีให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน ผสมกับปัญหาจุ๊กจิ๊กอันเกิดจากนิสัยส่วนตัวของพ่อกุนซือผมขาวรายนี้อีกจิปาถะ
ผมจึงสรุปล่วงหน้าได้เลยว่าในการประชุมสภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯในวันที่ 31 มี.ค.นี้ ผลจะออกมาหน้าเดียวก็คือการ “ยกเลิกสัญญา” ที่เหลือกับวินฟรีด เชเฟอร์
แต่งานนี้สมาคมฯคงไม่เลิกในทันที เพราะต้องจ่ายชดเชยหนักถึง 18 ล้าน น่าจะรอให้สัญญา ครบ 3 ปีในเดือน ก.ค.นี้ แล้วใช้ช่องว่างที่ทั้ง 2 ฝ่าย คือ สมาคมฯและวินนี่ สามารถทบทวน-ปรับปรุงสัญญาซึ่งกันและกันเมื่อผ่านการทำงานไป 3 ปี บอกเลิกสัญญา
โดยสมาคมลูกหนังไทยก็ยังต้องจ่ายชดเชยให้เชเฟอร์อยู่ดี แต่ตีตั๋วเด็ก จ่ายน้อยหน่อยประมาณไม่เกิน 6 ล้าน ซึ่งผมเชื่อว่าเราคงยอมจ่ายให้มันจบๆกันไป
ส่วนอนาคตใครจะมาเป็นกุนซือทีมชาติไทยแทน “วินนี่” ถึงตรงนี้ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ถ้าจะให้แนะผมเห็นว่าเราควรกลับไปใช้บริการ “โค้ชไทย” นี่แหละ เหมาะสมที่สุด
เพราะดูจากสภาพบอลไทย ณ เวลานี้ ต้องเรียนตามตรงว่าเรายังไม่พร้อมจะใช้โค้ชต่างชาติหรอกครับ
ไม่ว่าโค้ชคนนั้นจะดีเด่ เทวดาสักปานใด ก็ทำทีมชาติไทยไม่ได้ ตราบใดที่เรายังมีปัญหาภายในกันเองที่แก้ไม่ตกอย่างที่เป็นอยู่
ทั้งปัญหาเรื่องการบริหารจัดการอันไร้ประสิทธิภาพ
ปัญหานักฟุตบอลไร้ “จิตสำนึก” ไม่อยากเล่นให้ทีมชาติ เพราะเห็นความสำคัญของ “สโมสร” มากกว่า
รวมทั้งปัญหาความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างผู้บริหารสมาคมฟุตบอลฯกับบรรดาสโมสรระดับบิ๊กทั้งหลายที่งัดกันทั้งปีทั้งชาติ
เอาเป็นว่าถ้าเรายังแก้ปมเหล่านี้ไม่ได้ ก็อย่าได้คิดไปจ้างโค้ชนอกจากที่ไหน
มาให้เปลืองกะตังค์!!!
บี บางปะกง
http://www.thairath.co.th/column/sport/worldsoccer/334837
ใช้โค้ชแบบไหนถึงจะเหมาะกับการบริหารงานแบบไทยๆ
แนวโน้มอนาคตวินนี่และโค้ชทีมชาติไทย
“ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” ครับ!
เมื่อผลมันออกมาเป็นอย่างนี้ อนาคตของ “วินนี่” วินฟรีด เชเฟอร์ กับการกุมบังเหียนทีมชาติไทยก็คงจะเรียบร้อย “ช้อยเก็บฉาก” ไปตามระเบียบ แม้ว่าเจ้าตัวจะเหลือสัญญาทำทีมไทยอีกปีกว่า (สัญญาถึง ก.ค.ปี 2014) ก็ตาม
แต่ด้วยเงินเดือนที่แพงระยับ บวกกับผลงานที่ไม่มีให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน ผสมกับปัญหาจุ๊กจิ๊กอันเกิดจากนิสัยส่วนตัวของพ่อกุนซือผมขาวรายนี้อีกจิปาถะ
ผมจึงสรุปล่วงหน้าได้เลยว่าในการประชุมสภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯในวันที่ 31 มี.ค.นี้ ผลจะออกมาหน้าเดียวก็คือการ “ยกเลิกสัญญา” ที่เหลือกับวินฟรีด เชเฟอร์
แต่งานนี้สมาคมฯคงไม่เลิกในทันที เพราะต้องจ่ายชดเชยหนักถึง 18 ล้าน น่าจะรอให้สัญญา ครบ 3 ปีในเดือน ก.ค.นี้ แล้วใช้ช่องว่างที่ทั้ง 2 ฝ่าย คือ สมาคมฯและวินนี่ สามารถทบทวน-ปรับปรุงสัญญาซึ่งกันและกันเมื่อผ่านการทำงานไป 3 ปี บอกเลิกสัญญา
โดยสมาคมลูกหนังไทยก็ยังต้องจ่ายชดเชยให้เชเฟอร์อยู่ดี แต่ตีตั๋วเด็ก จ่ายน้อยหน่อยประมาณไม่เกิน 6 ล้าน ซึ่งผมเชื่อว่าเราคงยอมจ่ายให้มันจบๆกันไป
ส่วนอนาคตใครจะมาเป็นกุนซือทีมชาติไทยแทน “วินนี่” ถึงตรงนี้ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ถ้าจะให้แนะผมเห็นว่าเราควรกลับไปใช้บริการ “โค้ชไทย” นี่แหละ เหมาะสมที่สุด
เพราะดูจากสภาพบอลไทย ณ เวลานี้ ต้องเรียนตามตรงว่าเรายังไม่พร้อมจะใช้โค้ชต่างชาติหรอกครับ
ไม่ว่าโค้ชคนนั้นจะดีเด่ เทวดาสักปานใด ก็ทำทีมชาติไทยไม่ได้ ตราบใดที่เรายังมีปัญหาภายในกันเองที่แก้ไม่ตกอย่างที่เป็นอยู่
ทั้งปัญหาเรื่องการบริหารจัดการอันไร้ประสิทธิภาพ
ปัญหานักฟุตบอลไร้ “จิตสำนึก” ไม่อยากเล่นให้ทีมชาติ เพราะเห็นความสำคัญของ “สโมสร” มากกว่า
รวมทั้งปัญหาความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างผู้บริหารสมาคมฟุตบอลฯกับบรรดาสโมสรระดับบิ๊กทั้งหลายที่งัดกันทั้งปีทั้งชาติ
เอาเป็นว่าถ้าเรายังแก้ปมเหล่านี้ไม่ได้ ก็อย่าได้คิดไปจ้างโค้ชนอกจากที่ไหน
มาให้เปลืองกะตังค์!!!
บี บางปะกง
http://www.thairath.co.th/column/sport/worldsoccer/334837
ใช้โค้ชแบบไหนถึงจะเหมาะกับการบริหารงานแบบไทยๆ