สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ผู้ที่เป็นทหาร เป็นนักรบ มีความอุตสาหะในการทำศึกสงคราม เมื่อตายไปจะไปเกิดในนรกชื่อ "สรชิต" อาชีพเหล่านี้จึงมิใช่สัมมาอาชีวะ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ละเว้น
แต่ทั้งนี้ไม่ต้องกลัวว่าหากคนเชื่อในเรื่องบาปกรรมที่พระพุทธเจ้าสอนแล้วจะไม่มีอาชีพทหารไว้ป้องกันประเทศ....เพราะในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ทุกคนในโลกที่จะเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า แม้แต่ในสมัยพุทธกาลที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนชีพอยู่ก็มีคนมากมายที่ไม่ได้เชื่อและศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า....มันจึงยังมีคนอีกมากที่ยึดอาชีพที่มิใช่สัมมาอาชีวะ คือยังประกอบอาชีพที่เป็นการก่อบาปสร้างกรรมอยู่ เช่น อาชีพเพชรฆาต อาชีพฆ่าสัตว์ อาชีพค้าอาวุธ อาชีพค้าสุรายาเมา เป็นต้น
หรือแม้แต่อาชีพ ผู้พิพากษา ซึ่งก็มิใช่สัมมาอาชีวะ ในแต่ละปีก็ยังมีคนหลายหมื่นคนสมัครสอบแข่งขันเข้ามารับราชการในตำแหน่งตุลาการเพื่อมาตัดสินชีวิตผู้อื่น ทั้งนี้เพราะอำนาจ ชื่อเสียงเกียรติยศ ผลตอบแทน และความยอบรับนับถือทางสังคม มันผลักดันให้คนหลายหมื่นคนอยากเข้ามาประกอบอาชีพนี้....หากมีผู้พิพากษาคนใดลาออกไป ก็ยังมีคนอีกหลายหมื่นคนที่อาสาต้องการเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวนี้แทน โลกนี้จึงไม่เคยว่างเว้นจากการมีอาชีพผู้พิพากษา
สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันจึงเป็นโลกธรรม เป็นธรรมดาของโลกที่ต้องเป็นไป แม้พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้เพื่อประกาศธรรมสอนโลกก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงโลกธรรมเหล่านี้ได้....มันจึงอยู่ที่ว่าใครจะเชื่อถือศรัทธาและปฎิบัติตามสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน....หากใครที่เชื่อพระพุทธเจ้าก็จะเลือกประกอบสัมมาอาชีวะ ละเว้นไม่ประกอบอาชีพที่มีส่วนในการกระทำผิดบาป ส่วนอาชีพผิดบาปเหล่านั้นก็ย่อมมีผู้อื่นมารับทำไปอยู่ดีเพราะมันเป็นธรรมดาของโลกดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
วิถีแห่งโลก กับ วิถีแห่งธรรม จึงเดินสวนทางกันเสมอ....วิถีแห่งโลกเป็นไปเพื่อสนองต่อกิเลสตัณหาในจิตใจ แสวงหาให้ได้มาซึ่งเงินคำทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงเกียรติยศ ความนับหน้าถือตา ความยอมรับทางสังคม แต่วิถีแห่งธรรมเป็นไปเพื่อมรรคผลนิพาน มีแต่ความลดละขัดเกลา เสียสละ หลุดพ้นปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในทรัพย์สินเงินทองชื่อเสียงเกียรติยศทั้งปวง
มหาราชที่โลกยกย่อง จึงเป็นกษัตริย์ชาตินักรบ ทำสงครามขยายเขตแดนแผ่แสงยานุภาพไม่มีที่สิ้นสุด....แต่มหาบุรุษในทางธรรม กลับเป็นเจ้าชายเชื้อสายกษัตริย์สากยะวงค์ที่ทรงสละสิ้นทั้งราชศักดิ์และสมบัติทั้งปวงเพื่อแสวงหาโมกขธรรมอันเป็นธรรมเพื่อความหลุดพ้น.....วิถีแห่งโลก กับ วิถีแห่งธรรม จึงเดินสวนทางกันเช่นนี้แล
เรื่องบาปกรรมในทางพระพุทธศาสนาก็ได้ตอบมาโดยสังเขปแล้ว ก็สุดแท้แต่ผู้ใดจะพิจารณาโดยแยบคายนะครับ....เพราะไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจเป็นอย่างเดียวกัน เป็นธรรมดาของโลกอีกเช่นกันที่ต้องมีผู้เห็นต่าง สุดแท้แต่ว่าจะเห็นตามผู้ใด หากเห็นตามสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนก็ดำเนินชีวิตไปตามมรรค 8 อันมีสัมมาอาชีวะเป็นต้น....หากเห็นแก่เกียรติยศชื่อเสียงเงินทอง ก็ทำได้ทุกอาชีพไม่มีข้อห้ามอะไร....ทุกอย่างจึงอยู่ที่คนแต่ละคนจะเลือกทำครับ
แต่ทั้งนี้ไม่ต้องกลัวว่าหากคนเชื่อในเรื่องบาปกรรมที่พระพุทธเจ้าสอนแล้วจะไม่มีอาชีพทหารไว้ป้องกันประเทศ....เพราะในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ทุกคนในโลกที่จะเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า แม้แต่ในสมัยพุทธกาลที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนชีพอยู่ก็มีคนมากมายที่ไม่ได้เชื่อและศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า....มันจึงยังมีคนอีกมากที่ยึดอาชีพที่มิใช่สัมมาอาชีวะ คือยังประกอบอาชีพที่เป็นการก่อบาปสร้างกรรมอยู่ เช่น อาชีพเพชรฆาต อาชีพฆ่าสัตว์ อาชีพค้าอาวุธ อาชีพค้าสุรายาเมา เป็นต้น
หรือแม้แต่อาชีพ ผู้พิพากษา ซึ่งก็มิใช่สัมมาอาชีวะ ในแต่ละปีก็ยังมีคนหลายหมื่นคนสมัครสอบแข่งขันเข้ามารับราชการในตำแหน่งตุลาการเพื่อมาตัดสินชีวิตผู้อื่น ทั้งนี้เพราะอำนาจ ชื่อเสียงเกียรติยศ ผลตอบแทน และความยอบรับนับถือทางสังคม มันผลักดันให้คนหลายหมื่นคนอยากเข้ามาประกอบอาชีพนี้....หากมีผู้พิพากษาคนใดลาออกไป ก็ยังมีคนอีกหลายหมื่นคนที่อาสาต้องการเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวนี้แทน โลกนี้จึงไม่เคยว่างเว้นจากการมีอาชีพผู้พิพากษา
สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันจึงเป็นโลกธรรม เป็นธรรมดาของโลกที่ต้องเป็นไป แม้พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้เพื่อประกาศธรรมสอนโลกก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงโลกธรรมเหล่านี้ได้....มันจึงอยู่ที่ว่าใครจะเชื่อถือศรัทธาและปฎิบัติตามสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน....หากใครที่เชื่อพระพุทธเจ้าก็จะเลือกประกอบสัมมาอาชีวะ ละเว้นไม่ประกอบอาชีพที่มีส่วนในการกระทำผิดบาป ส่วนอาชีพผิดบาปเหล่านั้นก็ย่อมมีผู้อื่นมารับทำไปอยู่ดีเพราะมันเป็นธรรมดาของโลกดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
วิถีแห่งโลก กับ วิถีแห่งธรรม จึงเดินสวนทางกันเสมอ....วิถีแห่งโลกเป็นไปเพื่อสนองต่อกิเลสตัณหาในจิตใจ แสวงหาให้ได้มาซึ่งเงินคำทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงเกียรติยศ ความนับหน้าถือตา ความยอมรับทางสังคม แต่วิถีแห่งธรรมเป็นไปเพื่อมรรคผลนิพาน มีแต่ความลดละขัดเกลา เสียสละ หลุดพ้นปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในทรัพย์สินเงินทองชื่อเสียงเกียรติยศทั้งปวง
มหาราชที่โลกยกย่อง จึงเป็นกษัตริย์ชาตินักรบ ทำสงครามขยายเขตแดนแผ่แสงยานุภาพไม่มีที่สิ้นสุด....แต่มหาบุรุษในทางธรรม กลับเป็นเจ้าชายเชื้อสายกษัตริย์สากยะวงค์ที่ทรงสละสิ้นทั้งราชศักดิ์และสมบัติทั้งปวงเพื่อแสวงหาโมกขธรรมอันเป็นธรรมเพื่อความหลุดพ้น.....วิถีแห่งโลก กับ วิถีแห่งธรรม จึงเดินสวนทางกันเช่นนี้แล
เรื่องบาปกรรมในทางพระพุทธศาสนาก็ได้ตอบมาโดยสังเขปแล้ว ก็สุดแท้แต่ผู้ใดจะพิจารณาโดยแยบคายนะครับ....เพราะไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจเป็นอย่างเดียวกัน เป็นธรรมดาของโลกอีกเช่นกันที่ต้องมีผู้เห็นต่าง สุดแท้แต่ว่าจะเห็นตามผู้ใด หากเห็นตามสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนก็ดำเนินชีวิตไปตามมรรค 8 อันมีสัมมาอาชีวะเป็นต้น....หากเห็นแก่เกียรติยศชื่อเสียงเงินทอง ก็ทำได้ทุกอาชีพไม่มีข้อห้ามอะไร....ทุกอย่างจึงอยู่ที่คนแต่ละคนจะเลือกทำครับ
แสดงความคิดเห็น
เพชรฆาต ขุนศึก แม่ทัพนายกอง ทหารทั้งหลาย เวลารบกันฆ่าคนตายมากมาย เช่นนี้เป็นกรรมหนักหรือไม่ ทั้งที่ทำเพื่อปกป้องประเทศ