รอยเตอร์ - ไซปรัสบรรลุข้อตกลงปลดล็อกเงินช่วยเหลือ 10,000 ล้านยูโรจากองค์กรเจ้าหนี้ “ทรอยกา” ก่อนจะถึงกำหนดเส้นตายในวันนี้(25) ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารใหญ่อันดับสองของประเทศถูกปิดตัวลง และมีการอายัดเงินฝากที่ไม่อยู่ในข่ายคุ้มครองตามกฎหมายอียู
ประธานาธิบดี นิคอส อนาสตาเซียเดส แห่งไซปรัส ใช้เวลาเจรจากับผู้นำสหภาพยุโรป, ธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศไอเอ็มเอฟ ซึ่งเรียกรวมว่า “ทรอยกา” นานกว่า 12 ชั่วโมง กว่าจะได้ข้อตกลงเบื้องต้นที่นำพาภาคธนาคารของไซปรัสให้รอดพ้นวิกฤตล้มละลายมาได้
ข้อตกลงดังกล่าวซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรียูโรโซนอีกครั้ง ระบุให้มีการสั่งปิด ป็อบปูลาร์ แบงก์ ออฟ ไซปรัส หรือ ไลกี และโอนบัญชีเงินฝากที่มีมูลค่าต่ำกว่า 100,000 ยูโรมายัง แบงก์ ออฟ ไซปรัส ธนาคารอันดับหนึ่งของประเทศ เพื่อสร้าง “ธนาคารดี” (good bank) ขึ้นมา
สำหรับเงินฝากที่เกินกว่า 100,000ยูโรซึ่งไม่อยู่ในข่ายได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายอียู จะถูกอายัดเพื่อนำไปใช้หนี้ของธนาคารไลกี และเพิ่มทุนให้กับ แบงก์ ออฟ ไซปรัส ผ่านกระบวนการแปลงเงินฝากเป็นทุน (deposit/equity conversion)
แหล่งข่าวอาวุโสซึ่งเข้าร่วมการเจรจา เผยว่า อนาสตาเซียเดส ถึงกับขู่จะลาออกหากถูกบีบคั้นจนเกินรับไหว และเดินออกจากสำนักงานใหญ่อียูไปโดยไม่มีแถลงการณ์ใดๆทั้งสิ้น
ประธานาธิบดีไซปรัสเดินทางไปประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำของคณะกรรมาธิการยุโรป และใช้ความพยายามอย่างสูงที่จะคงสถานะของไซปรัสให้เป็นศูนย์กลางการเงินที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมหาศาลจากนักธุรกิจรัสเซียและอังกฤษ
Jeroen Dijsselbloem ประธานยูโรกรุ๊ป เปิดเผยว่า การอายัดเงินฝากของธนาคารไลกีคาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 4,200 ล้านยูโร
การปิดธนาคารไลกี ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของไซปรัส จะส่งผลให้มีพนักงานถูกปลดอีกหลายพันตำแหน่ง
โฆษกอียูรายหนึ่ง ชี้ว่า จะไม่มีการเรียกเก็บภาษีจากบัญชีเงินฝากของธนาคารไซปรัสทั้งระบบ ทว่าผลกระทบที่ผู้ฝากเงินรายใหญ่ของ แบงก์ ออฟ ไซปรัส และธนาคารไลกี จะได้รับอาจหนักหนาสาหัสกว่าแผนเดิมที่วางไว้ หลังจากสัปดาห์ที่แล้วรัฐสภาไซปรัสไม่ยอมรับแผนเรียกเก็บภาษีจากบัญชีเงินฝากธนาคารทุกประเภท
สหภาพยุโรปและไอเอ็มเอฟตั้งเงื่อนไขให้ไซปรัสหาวิธีสร้างรายได้ถึง 5,800 ล้านยูโรจากภาคธนาคารของตน ก่อนที่จะยอมอนุมัติวงเงินช่วยเหลือ 10,000 ล้านยูโร โดยประธานกองทุนเงินช่วยเหลือของอียูชี้ว่า ไซปรัสควรได้รับเงินช่วยเหลืองวดแรกภายในเดือนพฤษภาคมนี้
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000036047
..............................
ยังลุ่นต่ออีก ว่า รมต คลัง EU จะว่าไง
กับ กระแสต่อต้าน จาก ปชช ในประเทศเอง
กับ สภา ไซปรัส จะผ่านกฏหมายให้ไหม
อ่วมแน่ๆ
100,000 ยูโร ประมาณ 3 ล้านปลายๆ
ไม่ถือว่าเยอะนะ สำหรับ คนยุโรป น่าจะซักประมาณ 1 ล้าน บ้านเราได้มัง (ถ้าเทียบเคียง รายได้นะ)
แบบนี้ประท้วงกันแน่ๆ ทั้งคนมีเงินฝาก และ พนง หลายพันที่จะโดนปลดออก
ไซปรัส” บรรลุข้อตกลง EU สั่งปิดธนาคารอันดับสอง-ปลดล็อกเงินกู้ 10,000 ล้านยูโร
ประธานาธิบดี นิคอส อนาสตาเซียเดส แห่งไซปรัส ใช้เวลาเจรจากับผู้นำสหภาพยุโรป, ธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศไอเอ็มเอฟ ซึ่งเรียกรวมว่า “ทรอยกา” นานกว่า 12 ชั่วโมง กว่าจะได้ข้อตกลงเบื้องต้นที่นำพาภาคธนาคารของไซปรัสให้รอดพ้นวิกฤตล้มละลายมาได้
ข้อตกลงดังกล่าวซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรียูโรโซนอีกครั้ง ระบุให้มีการสั่งปิด ป็อบปูลาร์ แบงก์ ออฟ ไซปรัส หรือ ไลกี และโอนบัญชีเงินฝากที่มีมูลค่าต่ำกว่า 100,000 ยูโรมายัง แบงก์ ออฟ ไซปรัส ธนาคารอันดับหนึ่งของประเทศ เพื่อสร้าง “ธนาคารดี” (good bank) ขึ้นมา
สำหรับเงินฝากที่เกินกว่า 100,000ยูโรซึ่งไม่อยู่ในข่ายได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายอียู จะถูกอายัดเพื่อนำไปใช้หนี้ของธนาคารไลกี และเพิ่มทุนให้กับ แบงก์ ออฟ ไซปรัส ผ่านกระบวนการแปลงเงินฝากเป็นทุน (deposit/equity conversion)
แหล่งข่าวอาวุโสซึ่งเข้าร่วมการเจรจา เผยว่า อนาสตาเซียเดส ถึงกับขู่จะลาออกหากถูกบีบคั้นจนเกินรับไหว และเดินออกจากสำนักงานใหญ่อียูไปโดยไม่มีแถลงการณ์ใดๆทั้งสิ้น
ประธานาธิบดีไซปรัสเดินทางไปประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำของคณะกรรมาธิการยุโรป และใช้ความพยายามอย่างสูงที่จะคงสถานะของไซปรัสให้เป็นศูนย์กลางการเงินที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมหาศาลจากนักธุรกิจรัสเซียและอังกฤษ
Jeroen Dijsselbloem ประธานยูโรกรุ๊ป เปิดเผยว่า การอายัดเงินฝากของธนาคารไลกีคาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 4,200 ล้านยูโร
การปิดธนาคารไลกี ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของไซปรัส จะส่งผลให้มีพนักงานถูกปลดอีกหลายพันตำแหน่ง
โฆษกอียูรายหนึ่ง ชี้ว่า จะไม่มีการเรียกเก็บภาษีจากบัญชีเงินฝากของธนาคารไซปรัสทั้งระบบ ทว่าผลกระทบที่ผู้ฝากเงินรายใหญ่ของ แบงก์ ออฟ ไซปรัส และธนาคารไลกี จะได้รับอาจหนักหนาสาหัสกว่าแผนเดิมที่วางไว้ หลังจากสัปดาห์ที่แล้วรัฐสภาไซปรัสไม่ยอมรับแผนเรียกเก็บภาษีจากบัญชีเงินฝากธนาคารทุกประเภท
สหภาพยุโรปและไอเอ็มเอฟตั้งเงื่อนไขให้ไซปรัสหาวิธีสร้างรายได้ถึง 5,800 ล้านยูโรจากภาคธนาคารของตน ก่อนที่จะยอมอนุมัติวงเงินช่วยเหลือ 10,000 ล้านยูโร โดยประธานกองทุนเงินช่วยเหลือของอียูชี้ว่า ไซปรัสควรได้รับเงินช่วยเหลืองวดแรกภายในเดือนพฤษภาคมนี้
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000036047
..............................
ยังลุ่นต่ออีก ว่า รมต คลัง EU จะว่าไง
กับ กระแสต่อต้าน จาก ปชช ในประเทศเอง
กับ สภา ไซปรัส จะผ่านกฏหมายให้ไหม
อ่วมแน่ๆ
100,000 ยูโร ประมาณ 3 ล้านปลายๆ
ไม่ถือว่าเยอะนะ สำหรับ คนยุโรป น่าจะซักประมาณ 1 ล้าน บ้านเราได้มัง (ถ้าเทียบเคียง รายได้นะ)
แบบนี้ประท้วงกันแน่ๆ ทั้งคนมีเงินฝาก และ พนง หลายพันที่จะโดนปลดออก