ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัว เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอั๋น (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี และนายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันวางเพลิง เผาทรัพย์โรงเรือน อันเป็นสถานที่เก็บสินค้าของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 , 83 , 217 , 218 และ 224 และประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พ.ย.2514 ข้อ 56 ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 7 ก.ย.53 สรุปว่า
เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 จำเลยทั้งสองได้ร่วมกับนายสายชล แพบัว และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ จำเลยในความผิดฐานเดียวกันซึ่งถูกแยกฟ้อง ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ คดีหมายเลขดำ ด.2478/2553 ได้ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนี ร่วมกันบุกเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ช่วงการสลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเผาอาคารดังกล่าว เป็นเหตุให้นายกิติพงศ์ สมสุข ถึงแก่ความตาย อยู่ภายในอาคาร
โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิด จึงพิพากษายกฟ้อง ภายหลังนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความ กล่าวว่าศาลยกฟ้องจำเลยทั้งสอง คือศาลเห็นว่า พยานหลักฐานของอัยการโจทก์ที่ปรากฏยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกันกระทำความผิด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิง กทม. และเจ้าหน้าที่ รปภ. ซึ่งเป็นประจักษ์พยานไม่มีใครยืนยันได้ว่า เห็นจำเลยทั้งสองเป็นผู้ก่อเหตุ ทั้งคดีจำเลยถูกจับกุมในเวลา 17.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเย็น ตรวจค้นตัวก็ไม่พบของกลาง และอุปกรณ์วางเพลิงได้ ประกอบกับภาพกล้องวงจรปิดก็ไม่พบ จำเลยอยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่จำเลยทั้งสองยังยืนยันปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่ได้กระทำความผิด เพียงแต่วันเกิดเหตุหลังการสลายการชุมนุมด้วยความกลัวได้เข้าไปหลบในห้างที่เกิดเหตุ จนถูกจับกุมตัว
เครดิต.
http://www.dailynews.co.th/crime/172011
ยกฟ้อง“ 2 โจ๋” ร่วมนปช.เผาเซ็นทรัลเวิลด์
ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัว เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอั๋น (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี และนายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันวางเพลิง เผาทรัพย์โรงเรือน อันเป็นสถานที่เก็บสินค้าของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 , 83 , 217 , 218 และ 224 และประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พ.ย.2514 ข้อ 56 ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 7 ก.ย.53 สรุปว่า
เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 จำเลยทั้งสองได้ร่วมกับนายสายชล แพบัว และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ จำเลยในความผิดฐานเดียวกันซึ่งถูกแยกฟ้อง ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ คดีหมายเลขดำ ด.2478/2553 ได้ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนี ร่วมกันบุกเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ช่วงการสลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเผาอาคารดังกล่าว เป็นเหตุให้นายกิติพงศ์ สมสุข ถึงแก่ความตาย อยู่ภายในอาคาร
โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิด จึงพิพากษายกฟ้อง ภายหลังนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความ กล่าวว่าศาลยกฟ้องจำเลยทั้งสอง คือศาลเห็นว่า พยานหลักฐานของอัยการโจทก์ที่ปรากฏยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกันกระทำความผิด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิง กทม. และเจ้าหน้าที่ รปภ. ซึ่งเป็นประจักษ์พยานไม่มีใครยืนยันได้ว่า เห็นจำเลยทั้งสองเป็นผู้ก่อเหตุ ทั้งคดีจำเลยถูกจับกุมในเวลา 17.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเย็น ตรวจค้นตัวก็ไม่พบของกลาง และอุปกรณ์วางเพลิงได้ ประกอบกับภาพกล้องวงจรปิดก็ไม่พบ จำเลยอยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่จำเลยทั้งสองยังยืนยันปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่ได้กระทำความผิด เพียงแต่วันเกิดเหตุหลังการสลายการชุมนุมด้วยความกลัวได้เข้าไปหลบในห้างที่เกิดเหตุ จนถูกจับกุมตัว
เครดิต. http://www.dailynews.co.th/crime/172011