นี่เป็นกระทู้แรกเลย ปกติอ่านอย่างเดียว พอดีเพิ่งเกิดเรื่องนี้กับเรามาหยกๆ เลยอยากแชร์บ้าง...
วันก่อนเราไปซื้อของแถวสยาม ตอนนั้นกำลังเดินอยู่สยาม ซอย 2
เวลาตอนนั้นเย็นๆแล้ว มีป้าคนนึงอายุประมาณ 60-70 ได้ ก็ถือว่าดูอายุมากแล้ว
เราเห็นแล้วล่ะว่าป้าแกคุยกะผู้หญิงอีกคนนึงอยู่ แล้วเหมือนคนนั้นส่ายหน้าไม่ให้ๆ ประมาณนั้น
ผู้หญิงคนนั้นเดินหนีจากป้าไป สายตาป้าหันมา จ๊ะเอ๋ กับเราทันที .. เรากลายเป็นเป้านิ่งไปโดยปริยาย
ตอนนั้นคิดแค่ว่า ... ถึงตาตูละ หึหึ ... ป้าวิ่งเข้ามาหาเราแบบลุกลี้ลุกลนมาก ตาโตมาเชียว
ป้าบอกเราว่า
"หนู ป้าโดนกรีดกระเป๋า ป้าจะทำยังไงดี กระเป๋าตังป้าไม่อยู่แล้ว"
พร้อมทั้งโชว์กระเป๋าหนังที่มีรอยโดนกรีด เปิดให้ดูด้วยว่ามีเหลือแค่โทรศัพท์+ลิปสติก+ยาดม
จังหวะนั้นสังเกตุอย่างเดียว ... โทรศัพท์ป้านี่ iPhone5 เลยนะ สีขาวด้วย (ป้าไฮเทคแต้ๆ)
คือไอเราก็เจอมิจฉาชีพมาเยอะ ก็ระแวงเป็นธรรมดา เลยไม่ได้ตกใจอะไรตาม
แต่ไม่เคยเจอเคสนี้ เลยอยากรู้ว่าจะมาไม้ไหน ยังไงบ้าง ก็ตามน้ำไป ...
เราเลยบอกว่า
"ไปแจ้งความรึยังค่ะป้า เดี๋ยวหนูพาไปมั้ยค่ะ?"
ป้าแกตอบว่า
"ในกระเป๋านั่นไม่ได้มีอะไรมากเลยหนู มีตังอยู่ 500 เอง ป้าไม่อยากได้คืนแล้ว" (เราก็งงๆ......อ่าว..... เหอะๆ)
แต่ป้าแกยังพูดต่อวนไปวนมาว่า
"ป้าทำยังไงดี ป้าอยู่กรุงเทพกับหลานแค่ 2 คน แบตมือถือป้าหมดด้วย"
เราเลยบอกว่า
"เอามือถือหนูโทรก็ได้คะป้า" ป้าตอบกลับว่า
"ป้าจำเบอร์หลานไม่ได้น่ะสิหนู มือถือเปิดไม่ขึ้นเลย"
ตอนนี้แอบนึกว่านี่เป็นมุขใหม่ของพวกมิจฉาชีพหรอ มีเอา iPhone เป็นอุปกรณ์ด้วย ดูเหมือนจริงด้วย
ป้ารีบบอกว่า
"หนู ป้าไม่อยากรบกวนหนูเลย แต่ถ้าป้าขอค่าแท้กซี่กลับบ้านได้มั้ยลูก"
นั่นไงมุขขอตังกลับบ้านอีกแล้ว ... เราแบบเง้อทำไมเป็นกันแบบนี้นะ หน้าตาสายตาท่าทางดูไม่น่าเป็นคนไม่ดีเลย
เราเลยแย๊บๆไปบอกว่า
"ไหนขอหนูลองเปิดมือถือให้นะคะป้า" ป้าก็ยื่นให้ทันที .. โอ้ะเหมือนจริงเลยแฮะเป๊ะ
แต่เปิดเครื่องไม่ได้จริงๆเนื่องจากเคสมันแข็งมากๆมันกดไม่ยอมลง เหมือนของโชว์ในร้านมือถืออะ555
เราเลยขอป้าลองแกะเคสออกเผื่อเปิดได้ แกก็เออ ออ ตามเราหมดเลย แกะลำบากมาก เล็บหักไปเล็บนึงเลย T^T
พอแกะได้ ปรากฎเปิดเครื่องได้เฮ้ย!! iPhone ของแท้ด้วย .. คือเคสห่วยอะเอาง่ายๆมันกดไม่ลง
ป้าหน้าตาดีใจมากที่แบตไม่ได้หมด ป้ายิ้มกว้างดีใจเหมือนคนเพิ่งถูกหวย
รูปวอลล์เปเปอร์รูปป้าคู่กับเด็กหนุ่มคนหนึ่งขึ้นมา น่าจะเป็นคนที่แกอ้างว่าเป็นหลาน
แก unlock จออย่างคล่องแคล่ว กดโทรหาคนคนนึง ที่เมมชื่อไว้ว่า
"หลานโก๊ะ (ตามด้วยอิโมจิหน้ายิ้ม!!)"
ได้ยินเสียงลอดนิดๆว่าไม่ติด คือเป็นเสียงโอเปอเรเตอร์ .. โทรอยู่ 4-5 รอบได้ตอนนั้น แกก็ล้มเลิกแล้วบอกว่า
"หนู ป้าทำยังไงดี ป้ากลัว ป้าอยากกลับบ้าน อยากเจอหลาน" พร้อมกับลองโทรอีก ก็ไม่ติดอีก
เราถามว่า
"ลูกๆป้าล่ะค่ะ? มีคนอื่นที่ติดต่อได้มั้ยคะ?" ป้าตอบมาว่า
"พ่อแม่ของหลานไปทำงาน ตจว ไม่อยากให้มาพะวงเป็นห่วงกัน ป้ารอกลับมาเดี๋ยวป้าค่อยเล่า" (ไปไม่ถูกเลยเจองี้!!!!!!!!!!!!)
ป้าตัดสินใจพูดอีกครั้งว่า
"ป้าไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ หนูช่วยค่าแท็กซี่ป้าได้มั้ยลูก ป้าทำยังไงดี ป้าอยากกลับบ้าน"
เนื่องจากยืนยื้อกันมาสักพักแล้ว ....... เราเลยต้องตัดสินใจสักที เพราะยังมีของจะไปซื้ออีก
เราก้เลยหยิบตังให้ป้าแกไป 100 บาท ป้าอุส่ายืนทนเหงื่อออกเต็มตัว =.=
อาจจะเป็นเพราะว่าตลอดเวลามานี้ ป้าทำท่าลุกลี้ลุกลน สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
สายตากลอกไปมา เหมือนคนกำลังตกใจและระแวงจริงๆ (คือดูแกเหนื่อยจริงจังอ่ะ)
หรือเราอาจจะปลื้มป้าเป็นการส่วนตัวที่ป้าไฮเทคอะ จิ้ม iPhone ได้เซียนมากๆ ไวว่าเราอีก 555
พอยื่นเงินใส่มือป้าเท่านั้นล่ะ ป้าแกยกมือไหว้เรา !!! แบบก้มไหว้เป็นการใหญ่อย่างจริงจัง
เราตกใจมาก รีบเอามือไปคว้ามือแกลงแล้วบอกว่าไม่เป็นไรป้า กลับบ้านดีๆนะคะ
จังหวะที่เราสบตาป้าตอนนั้น ..........อ้าวเฮ้ย ป้าร้องไห้!?!??! น้ำตาร่วงแล้วพูดซ้ำๆว่า
"ขอบคุณมากนะหนูๆๆ"
พร้อมเกาะแขนเราแน่นเลย เราก็แบบ
"ไม่เป็นไรจริงๆค่ะป้า กลับดีๆนะคะ"
จังหวะนั้นเราไม่สนหรอกว่าจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่เป็น เอาเป็นว่าเราสบายใจ
"จบ"
เรากำลังหันหลังเพื่อแยกกับป้า จะไปซื้อของต่อ ...
.......... แล้วสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ป้าคว้ามือเรา !! พร้อมยัดไอโฟนป้าลงมือเรา !!
พร้อมบอกว่า
"ป้าไม่มีอะไรเหลือติดตัวตอบแทน หนูเอาโทรศัพท์ป้าไปนะ
หนูเป็นคนดีมีน้ำใจ ป้าขอบใจมาก ป้าไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ โชคดีจริงๆมาเจอหนู"
เราตกใจรีบเอาคืนแกไป บอกว่า
"ไม่เอาคะป้า ไม่ได้ หนูเต็มใจช่วย"
ป้าแกยังยืนยันพร้อมยัดลงมือเราอีก .. จังหวะนั้นเอง "หลานโก๊ะ" ก็ได้โทรเข้ามือถือป้ามาพอดี
ป้ารับแล้วร้องไห้พยายามจะปะติดปะต่อเรื่องราวเล่าให้หลานฟัง แต่ป้าพูดจาไม่รู้เรื่องเพราะร้องไห้
เราเลยขอโทรศัพท์ป้ามาแล้วคุยกับหลานเขา แล้วเล่าให้ฟังว่าเกิดไรบ้าง แล้วบอกว่าไม่ต้องห่วงป้านะ
คนหลานบอกให้บอกป้าว่าให้รอที่สยาม เดี๋ยวจะนั่งรถไปรับกลับบ้านพร้อมกัน เสียงคนหลานดูเป็นห่วงมากๆ
สรุปป้าคืนตังเราให้เรามา แล้วยกมือจะไหว้เรา(อีกแล้ว!! ToT) ป้ายังท่าทางตกใจไม่หาย เราเลยเสนออยู่รอหลานเป็นเพื่อน
ตอนแรกป้าแกก็ไม่ยอม ป้าบอกเกรงใจ แต่เราก็ยังตื๊ออยู่ เราไม่สบายใจถ้าแยกไปเลย ป้าแกก็เลยยอม
อากาศร้อนอบอ้าวมาก เลยชวนป้าเข้าไปนั่งใน true coffee เห็นมีที่ว่างพอดี ถามป้าเอาน้ำอะไรดี ป้าแกไม่ยอมเอาอะไร
เราก็สั่ง วานิลลาทวิสครีมมาของเรา ละก็ซื้อ ไอซ์กรีนทีลาเต้ มาให้ป้า .. ป้าแกบ่นใหญ่เลยว่าซื้อมาทำไมป้าเกรงใจพอแล้ว
อึกแรกของป้าแทบจะครึ่งแก้ว สงสัยจะคอแห้งจริงๆ .. หลานชายป้าก็โทรมาบอกป้าเรื่อยๆว่าถึงไหนแล้ว
ระหว่างที่รอป้าแกก็ถามไปเรื่อยว่าเรียนที่ไหนเรียนอะไรยังไง คุยเรื่อยๆไปตามเรื่อง
ชมอีกนะว่าหน้าตาดีแล้วจิตใจยังดีอีก (ชมจริงไม่จริงไม่รู้ ข้อนี้หนูขอรับไว้แต่โดยดีคะ 5555555555 พวกบ้ายอ)
รอประมาณครึ่งชั่วโมง หลานก็มาถึง ยังเด็กจริงๆด้วย ม.ปลายอยู่เลย กางเกงน้ำเงินจาก รร แถวนั้นแหละ
น้องวิ่งมาไหว้ป้า(น้องเรียกว่าอาม่า) แล้วกอดกันตรงนั้นเลยคงเป็นห่วงกันมาก แล้วน้องรีบหันมายกมือไหว้เรา
แล้วขอบคุณเป็นการใหญ่ .. สักพักป้าซุบซิบกับน้อง น้องล้วงๆกระเป๋าตังตัวเองเอาแบงค์ 500 ส่งให้ป้า
ป้าหันมาหาเรา พร้อมทำท่าจะคว้าแขนเรา(อีกแล้ว!!!) เราแบบ
"ไม่เอาคะป้า ไม่เอาจริงๆ"
ป้าทำท่าเหมือนกับว่า ถ้าเราวิ่งหนีป้าจะวิ่งตามยังไงอย่างงั้น ... พยายามจะเอาเงินยัดใส่มือเราอีกพร้อมบอกว่า
"อย่างน้อยเป็นค่าน้ำก็ได้ลูก อุตส่าเสียเวลารอเป็นเพื่อนป้าอีก เอาไปเถอะหนู" เราดันเงินกลับไปอีก
แล้วรีบคว้าแก้วน้ำคว้าของ ยกมือไหวป้า บอกว่า
"หนูลาดีกว่าคะ ไม่ต้องกลัวติดค้างอะไรหนูนะคะป้า
หนูเต็มใจ ดีใจได้ช่วยจริงๆคะ" พร้อมหันไปบอกน้องคนนั้นว่า
"พาอาม่ากลับบ้านดีๆนะคับ" น้องรีบยกมือไหว้อีก(หลาย)ครั้ง
ป้าแกก็ทิ้งท้าย
"ขอบใจมากนะหนู ขอคุณพระคุ้มครอง ชีวิตเจริญๆนะลูก" เราหันไปยกมือไหวพร้อม
"ขอบคุณค่ะป้า" แล้วรีบวิ่งหนี 555
โทษทีเรื่องยาวมาก !!! แค่อยากแชร์ว่าเข้าใจแล้วว่าเวลาได้ช่วยเหลือใครสักคนเนี่ย .. ความรู้สึก
"อิ่มใจ" มันเป็นแบบนี้นี่เอง
มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก แต่มันมีแบบแฮปปี้มากจริงๆ อ่านของคนอื่นนี่ก็โดนใจนะ แต่พอเกิดกับตัวเองนี่คนละเรื่องเลยจริง ๆ ....
แอบรู้สึกแย่ด้วยซ้ำที่ตอนแรกเราแอบคิดว่าป้าเป็นมิจฉาชีพ เพราะไอพวกมิจฉาชีพคนเห็นแก่ตัวในปัจจุบัน
เลยทำให้หลายๆคนที่บางทีต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ต้องถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
เพราะหลายๆคนก็คงเคยโดนหลอกมาจนขยาด จนต้องระแวงระวังตัวกันเป็นธรรมดา
มิจฉาชีพเดี๋ยวนี้ก็มีมุขแปลกใหม่มาเล่นกับเราทุกวัน จนตามไม่ทันกันแล้ว
มีสมองคิดมุขมาหลอกคนขนาดนั้นได้ เอาจริงนะ เราเชื่อว่าพวกคุณมีค่ากว่านั้น
เอาสมองไปคิดอย่างอื่นที่มันดีมีประโยชน์เลิกเอาเปรียบและบั่นทอนสังคมเถอะ
รู้ว่าบ่นไปก็เท่านั้นแหละพวกนั้นมันกู่ไม่กลับแล้ว
แต่เด็กๆน้องๆรุ่นใหม่ถ้าได้อ่านเนี่ย (ผู้ใหญ่ควรรู้กันอยู่แล้ว) น้องๆจำไว้นะค่ะว่าการโกงคนอื่น การเอาเปรียบคนอื่น
การหลอกลวงคนอื่นน่ะ มันเป็นอะไรที่น่าละอาย ไม่มีค่า เป็นขยะสังคม เป็นอัปมงคลต่อชีวิต ทำอะไรจะไม่เจริญ
ขอแท็กโต๊ะเครื่องแป้งด้วยนะคะ เห็นสาวๆแชร์เรื่องมิจฉาชีพกันบ่อยๆ อันนี้เป็นอีกมุมนึงแล้วกัน
ขอบคุณนะคะที่อ่านกันจนจบ (หรือไม่จบ!? 55) กระทู้แรกก็ซะยาวเว่อเลย
เพราะโดนมิจฉาชีพ(พยายาม)หลอกจนขยาด เกือบพลาดไม่ได้ช่วยคนที่เขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ
วันก่อนเราไปซื้อของแถวสยาม ตอนนั้นกำลังเดินอยู่สยาม ซอย 2
เวลาตอนนั้นเย็นๆแล้ว มีป้าคนนึงอายุประมาณ 60-70 ได้ ก็ถือว่าดูอายุมากแล้ว
เราเห็นแล้วล่ะว่าป้าแกคุยกะผู้หญิงอีกคนนึงอยู่ แล้วเหมือนคนนั้นส่ายหน้าไม่ให้ๆ ประมาณนั้น
ผู้หญิงคนนั้นเดินหนีจากป้าไป สายตาป้าหันมา จ๊ะเอ๋ กับเราทันที .. เรากลายเป็นเป้านิ่งไปโดยปริยาย
ตอนนั้นคิดแค่ว่า ... ถึงตาตูละ หึหึ ... ป้าวิ่งเข้ามาหาเราแบบลุกลี้ลุกลนมาก ตาโตมาเชียว
ป้าบอกเราว่า "หนู ป้าโดนกรีดกระเป๋า ป้าจะทำยังไงดี กระเป๋าตังป้าไม่อยู่แล้ว"
พร้อมทั้งโชว์กระเป๋าหนังที่มีรอยโดนกรีด เปิดให้ดูด้วยว่ามีเหลือแค่โทรศัพท์+ลิปสติก+ยาดม
จังหวะนั้นสังเกตุอย่างเดียว ... โทรศัพท์ป้านี่ iPhone5 เลยนะ สีขาวด้วย (ป้าไฮเทคแต้ๆ)
คือไอเราก็เจอมิจฉาชีพมาเยอะ ก็ระแวงเป็นธรรมดา เลยไม่ได้ตกใจอะไรตาม
แต่ไม่เคยเจอเคสนี้ เลยอยากรู้ว่าจะมาไม้ไหน ยังไงบ้าง ก็ตามน้ำไป ...
เราเลยบอกว่า "ไปแจ้งความรึยังค่ะป้า เดี๋ยวหนูพาไปมั้ยค่ะ?"
ป้าแกตอบว่า "ในกระเป๋านั่นไม่ได้มีอะไรมากเลยหนู มีตังอยู่ 500 เอง ป้าไม่อยากได้คืนแล้ว" (เราก็งงๆ......อ่าว..... เหอะๆ)
แต่ป้าแกยังพูดต่อวนไปวนมาว่า "ป้าทำยังไงดี ป้าอยู่กรุงเทพกับหลานแค่ 2 คน แบตมือถือป้าหมดด้วย"
เราเลยบอกว่า "เอามือถือหนูโทรก็ได้คะป้า" ป้าตอบกลับว่า "ป้าจำเบอร์หลานไม่ได้น่ะสิหนู มือถือเปิดไม่ขึ้นเลย"
ตอนนี้แอบนึกว่านี่เป็นมุขใหม่ของพวกมิจฉาชีพหรอ มีเอา iPhone เป็นอุปกรณ์ด้วย ดูเหมือนจริงด้วย
ป้ารีบบอกว่า "หนู ป้าไม่อยากรบกวนหนูเลย แต่ถ้าป้าขอค่าแท้กซี่กลับบ้านได้มั้ยลูก"
นั่นไงมุขขอตังกลับบ้านอีกแล้ว ... เราแบบเง้อทำไมเป็นกันแบบนี้นะ หน้าตาสายตาท่าทางดูไม่น่าเป็นคนไม่ดีเลย
เราเลยแย๊บๆไปบอกว่า "ไหนขอหนูลองเปิดมือถือให้นะคะป้า" ป้าก็ยื่นให้ทันที .. โอ้ะเหมือนจริงเลยแฮะเป๊ะ
แต่เปิดเครื่องไม่ได้จริงๆเนื่องจากเคสมันแข็งมากๆมันกดไม่ยอมลง เหมือนของโชว์ในร้านมือถืออะ555
เราเลยขอป้าลองแกะเคสออกเผื่อเปิดได้ แกก็เออ ออ ตามเราหมดเลย แกะลำบากมาก เล็บหักไปเล็บนึงเลย T^T
พอแกะได้ ปรากฎเปิดเครื่องได้เฮ้ย!! iPhone ของแท้ด้วย .. คือเคสห่วยอะเอาง่ายๆมันกดไม่ลง
ป้าหน้าตาดีใจมากที่แบตไม่ได้หมด ป้ายิ้มกว้างดีใจเหมือนคนเพิ่งถูกหวย
รูปวอลล์เปเปอร์รูปป้าคู่กับเด็กหนุ่มคนหนึ่งขึ้นมา น่าจะเป็นคนที่แกอ้างว่าเป็นหลาน
แก unlock จออย่างคล่องแคล่ว กดโทรหาคนคนนึง ที่เมมชื่อไว้ว่า "หลานโก๊ะ (ตามด้วยอิโมจิหน้ายิ้ม!!)"
ได้ยินเสียงลอดนิดๆว่าไม่ติด คือเป็นเสียงโอเปอเรเตอร์ .. โทรอยู่ 4-5 รอบได้ตอนนั้น แกก็ล้มเลิกแล้วบอกว่า
"หนู ป้าทำยังไงดี ป้ากลัว ป้าอยากกลับบ้าน อยากเจอหลาน" พร้อมกับลองโทรอีก ก็ไม่ติดอีก
เราถามว่า "ลูกๆป้าล่ะค่ะ? มีคนอื่นที่ติดต่อได้มั้ยคะ?" ป้าตอบมาว่า
"พ่อแม่ของหลานไปทำงาน ตจว ไม่อยากให้มาพะวงเป็นห่วงกัน ป้ารอกลับมาเดี๋ยวป้าค่อยเล่า" (ไปไม่ถูกเลยเจองี้!!!!!!!!!!!!)
ป้าตัดสินใจพูดอีกครั้งว่า "ป้าไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ หนูช่วยค่าแท็กซี่ป้าได้มั้ยลูก ป้าทำยังไงดี ป้าอยากกลับบ้าน"
เนื่องจากยืนยื้อกันมาสักพักแล้ว ....... เราเลยต้องตัดสินใจสักที เพราะยังมีของจะไปซื้ออีก
เราก้เลยหยิบตังให้ป้าแกไป 100 บาท ป้าอุส่ายืนทนเหงื่อออกเต็มตัว =.=
อาจจะเป็นเพราะว่าตลอดเวลามานี้ ป้าทำท่าลุกลี้ลุกลน สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
สายตากลอกไปมา เหมือนคนกำลังตกใจและระแวงจริงๆ (คือดูแกเหนื่อยจริงจังอ่ะ)
หรือเราอาจจะปลื้มป้าเป็นการส่วนตัวที่ป้าไฮเทคอะ จิ้ม iPhone ได้เซียนมากๆ ไวว่าเราอีก 555
พอยื่นเงินใส่มือป้าเท่านั้นล่ะ ป้าแกยกมือไหว้เรา !!! แบบก้มไหว้เป็นการใหญ่อย่างจริงจัง
เราตกใจมาก รีบเอามือไปคว้ามือแกลงแล้วบอกว่าไม่เป็นไรป้า กลับบ้านดีๆนะคะ
จังหวะที่เราสบตาป้าตอนนั้น ..........อ้าวเฮ้ย ป้าร้องไห้!?!??! น้ำตาร่วงแล้วพูดซ้ำๆว่า "ขอบคุณมากนะหนูๆๆ"
พร้อมเกาะแขนเราแน่นเลย เราก็แบบ "ไม่เป็นไรจริงๆค่ะป้า กลับดีๆนะคะ"
จังหวะนั้นเราไม่สนหรอกว่าจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่เป็น เอาเป็นว่าเราสบายใจ "จบ"
เรากำลังหันหลังเพื่อแยกกับป้า จะไปซื้อของต่อ ...
.......... แล้วสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ป้าคว้ามือเรา !! พร้อมยัดไอโฟนป้าลงมือเรา !!
พร้อมบอกว่า "ป้าไม่มีอะไรเหลือติดตัวตอบแทน หนูเอาโทรศัพท์ป้าไปนะ
หนูเป็นคนดีมีน้ำใจ ป้าขอบใจมาก ป้าไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ โชคดีจริงๆมาเจอหนู"
เราตกใจรีบเอาคืนแกไป บอกว่า "ไม่เอาคะป้า ไม่ได้ หนูเต็มใจช่วย"
ป้าแกยังยืนยันพร้อมยัดลงมือเราอีก .. จังหวะนั้นเอง "หลานโก๊ะ" ก็ได้โทรเข้ามือถือป้ามาพอดี
ป้ารับแล้วร้องไห้พยายามจะปะติดปะต่อเรื่องราวเล่าให้หลานฟัง แต่ป้าพูดจาไม่รู้เรื่องเพราะร้องไห้
เราเลยขอโทรศัพท์ป้ามาแล้วคุยกับหลานเขา แล้วเล่าให้ฟังว่าเกิดไรบ้าง แล้วบอกว่าไม่ต้องห่วงป้านะ
คนหลานบอกให้บอกป้าว่าให้รอที่สยาม เดี๋ยวจะนั่งรถไปรับกลับบ้านพร้อมกัน เสียงคนหลานดูเป็นห่วงมากๆ
สรุปป้าคืนตังเราให้เรามา แล้วยกมือจะไหว้เรา(อีกแล้ว!! ToT) ป้ายังท่าทางตกใจไม่หาย เราเลยเสนออยู่รอหลานเป็นเพื่อน
ตอนแรกป้าแกก็ไม่ยอม ป้าบอกเกรงใจ แต่เราก็ยังตื๊ออยู่ เราไม่สบายใจถ้าแยกไปเลย ป้าแกก็เลยยอม
อากาศร้อนอบอ้าวมาก เลยชวนป้าเข้าไปนั่งใน true coffee เห็นมีที่ว่างพอดี ถามป้าเอาน้ำอะไรดี ป้าแกไม่ยอมเอาอะไร
เราก็สั่ง วานิลลาทวิสครีมมาของเรา ละก็ซื้อ ไอซ์กรีนทีลาเต้ มาให้ป้า .. ป้าแกบ่นใหญ่เลยว่าซื้อมาทำไมป้าเกรงใจพอแล้ว
อึกแรกของป้าแทบจะครึ่งแก้ว สงสัยจะคอแห้งจริงๆ .. หลานชายป้าก็โทรมาบอกป้าเรื่อยๆว่าถึงไหนแล้ว
ระหว่างที่รอป้าแกก็ถามไปเรื่อยว่าเรียนที่ไหนเรียนอะไรยังไง คุยเรื่อยๆไปตามเรื่อง
ชมอีกนะว่าหน้าตาดีแล้วจิตใจยังดีอีก (ชมจริงไม่จริงไม่รู้ ข้อนี้หนูขอรับไว้แต่โดยดีคะ 5555555555 พวกบ้ายอ)
รอประมาณครึ่งชั่วโมง หลานก็มาถึง ยังเด็กจริงๆด้วย ม.ปลายอยู่เลย กางเกงน้ำเงินจาก รร แถวนั้นแหละ
น้องวิ่งมาไหว้ป้า(น้องเรียกว่าอาม่า) แล้วกอดกันตรงนั้นเลยคงเป็นห่วงกันมาก แล้วน้องรีบหันมายกมือไหว้เรา
แล้วขอบคุณเป็นการใหญ่ .. สักพักป้าซุบซิบกับน้อง น้องล้วงๆกระเป๋าตังตัวเองเอาแบงค์ 500 ส่งให้ป้า
ป้าหันมาหาเรา พร้อมทำท่าจะคว้าแขนเรา(อีกแล้ว!!!) เราแบบ "ไม่เอาคะป้า ไม่เอาจริงๆ"
ป้าทำท่าเหมือนกับว่า ถ้าเราวิ่งหนีป้าจะวิ่งตามยังไงอย่างงั้น ... พยายามจะเอาเงินยัดใส่มือเราอีกพร้อมบอกว่า
"อย่างน้อยเป็นค่าน้ำก็ได้ลูก อุตส่าเสียเวลารอเป็นเพื่อนป้าอีก เอาไปเถอะหนู" เราดันเงินกลับไปอีก
แล้วรีบคว้าแก้วน้ำคว้าของ ยกมือไหวป้า บอกว่า "หนูลาดีกว่าคะ ไม่ต้องกลัวติดค้างอะไรหนูนะคะป้า
หนูเต็มใจ ดีใจได้ช่วยจริงๆคะ" พร้อมหันไปบอกน้องคนนั้นว่า "พาอาม่ากลับบ้านดีๆนะคับ" น้องรีบยกมือไหว้อีก(หลาย)ครั้ง
ป้าแกก็ทิ้งท้าย "ขอบใจมากนะหนู ขอคุณพระคุ้มครอง ชีวิตเจริญๆนะลูก" เราหันไปยกมือไหวพร้อม "ขอบคุณค่ะป้า" แล้วรีบวิ่งหนี 555
โทษทีเรื่องยาวมาก !!! แค่อยากแชร์ว่าเข้าใจแล้วว่าเวลาได้ช่วยเหลือใครสักคนเนี่ย .. ความรู้สึก "อิ่มใจ" มันเป็นแบบนี้นี่เอง
มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก แต่มันมีแบบแฮปปี้มากจริงๆ อ่านของคนอื่นนี่ก็โดนใจนะ แต่พอเกิดกับตัวเองนี่คนละเรื่องเลยจริง ๆ ....
แอบรู้สึกแย่ด้วยซ้ำที่ตอนแรกเราแอบคิดว่าป้าเป็นมิจฉาชีพ เพราะไอพวกมิจฉาชีพคนเห็นแก่ตัวในปัจจุบัน
เลยทำให้หลายๆคนที่บางทีต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ต้องถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
เพราะหลายๆคนก็คงเคยโดนหลอกมาจนขยาด จนต้องระแวงระวังตัวกันเป็นธรรมดา
มิจฉาชีพเดี๋ยวนี้ก็มีมุขแปลกใหม่มาเล่นกับเราทุกวัน จนตามไม่ทันกันแล้ว
มีสมองคิดมุขมาหลอกคนขนาดนั้นได้ เอาจริงนะ เราเชื่อว่าพวกคุณมีค่ากว่านั้น
เอาสมองไปคิดอย่างอื่นที่มันดีมีประโยชน์เลิกเอาเปรียบและบั่นทอนสังคมเถอะ
รู้ว่าบ่นไปก็เท่านั้นแหละพวกนั้นมันกู่ไม่กลับแล้ว
แต่เด็กๆน้องๆรุ่นใหม่ถ้าได้อ่านเนี่ย (ผู้ใหญ่ควรรู้กันอยู่แล้ว) น้องๆจำไว้นะค่ะว่าการโกงคนอื่น การเอาเปรียบคนอื่น
การหลอกลวงคนอื่นน่ะ มันเป็นอะไรที่น่าละอาย ไม่มีค่า เป็นขยะสังคม เป็นอัปมงคลต่อชีวิต ทำอะไรจะไม่เจริญ
ขอแท็กโต๊ะเครื่องแป้งด้วยนะคะ เห็นสาวๆแชร์เรื่องมิจฉาชีพกันบ่อยๆ อันนี้เป็นอีกมุมนึงแล้วกัน
ขอบคุณนะคะที่อ่านกันจนจบ (หรือไม่จบ!? 55) กระทู้แรกก็ซะยาวเว่อเลย