เป็นอันว่าเวลานี้ร่างกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินจำนวน 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อเอามาทำโครงการ
เมกกะโปรเจ็คได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว และกำลังนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อไป
เมื่อสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบก็จะส่งร่างกฎหมายนั้น ไปยังวุฒิสภาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และถ้าผ่านความเห็น
ชอบอีก ก็จะไปสู่ขั้นนำความกราบบังคมทูลฯ ลงพระปรมาภิไธยเพื่อใช้บังคับเป็นกฎหมาย
และเมื่อเป็นกฎหมายใช้บังคับแล้ว กระทรวงการคลังก็มีอำนาจกู้เงินจากไหนต่อไหนในจำนวน 2.2 ล้านล้านบาท
แล้วเอาไปใช้จ่ายในโครงการเมกกะโปรเจ็คได้ โดยไม่ต้องผ่านวิธีการงบประมาณ
และเพื่อให้การกู้มาโกงสำเร็จรูปอย่างง่ายดาย ก็มีการเตรียมการร่างกฎหมายการลงทุนร่วมของเอกชนกับรัฐซึ่ง
แก้ไขกฎหมายเดิมที่ตราไว้ปี 2535 ในสมัยนายอานันท์ ปันยารชุน และกฎหมายที่แก้ไขใหม่นั้นขณะนี้กำลังอยู่ใน
ขั้นตอนนำความกราบบังคมทูลฯเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย แต่ยังมี ส.ว. กลุ่มรักชาติ พยายามขัดขวาง ซึ่งอาจมี
การทูลเกล้าฯถวายฎีกาหรือส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นโมฆะ
ที่ว่าเป็นโมฆะก็คือ เป็นการออกกฎหมายเพื่อให้อำนาจคนๆเดียวคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่จะบงการ
หน่วยงานหน่วยเดียวที่จะมีบทบาทเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการลงทุนของรัฐร่วมกับเอกชน และเป้าหมายที่แท้ก็คือ
จะใช้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทนี่แหละเอาไปปู้ยี้ปู้ยำ โกงกันทั้งแผง ด้วยวิชาท่าโกงแบบที่เคยทำกับ ปตท. นั่นแหละ
ในที่สุดเมื่อประเทศต้องกู้เงินมาถึง 2.2 ล้านล้านบาทแล้ว คนที่จะเป็นเจ้าของกิจการบริหารรถไฟความเร็วสูงและ
มอเตอร์เวย์ที่ใช้เงินกู้ยอดนี้เป็นวงเงินเกือบ 2 ล้านล้านบาท ก็คือแก๊งการเมืองปล้นชาติเจ้าเดิม ที่เป็นเจ้าของ
บงการ ปตท. ปล้นสะดมคนไทยทั้งประเทศมาหลายปีดีดักแล้วนั่นเอง
ก็ต้องประกาศไว้ ณ ที่นี้ให้ผู้คนทั้งปวงได้ทราบโดยทั่วกันว่าร่างกฎหมายกู้มาโกง 2.2 ล้านล้านบาท กับร่างกฎหมาย
การลงทุนรัฐร่วมกับเอกชน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธยนั้น มันคือมือสองมือ
ของมหาโจร ที่มือหนึ่งก็กู้มาโกง มือหนึ่งก็เป็นวิธีการโกงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท ให้อยู่ในอำนาจของแก๊งการเมือง
แบบเดียวกับ ปตท.
ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นการโกงโคตรมหาโกงครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศไทย เพราะการกางสองแขนโดยกฎหมาย
สองฉบับเพื่อการโกงชาติในครั้งนี้ นับเป็นการโกงครั้งมโหฬารยิ่งกว่าการโกงครั้งใด ๆ ในโลกมนุษย์ในพระพุทธันดรนี้
แต่ความคิดเป็นของคน ผลสำเร็จขึ้นกับฟ้า ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจย่อมมีสิทธิ์มีส่วนและมีความชอบธรรม
ที่จะป้องกันชาติบ้านเมืองและผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ให้กระบวนการโคตรโกงนี้ปล้นชาติโกงชาติได้สำเร็จ
อย่างเด็ดเดี่ยวที่สุด
เบื้องต้นต้องกล่าวว่าคณะรัฐมนตรีนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้กระทำผิดอย่างร้ายแรงในการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญว่าด้วย
การเงินของแผ่นดินและเป็นความผิดสำเร็จแล้ว เป็นเรื่องที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจะต้องจัดการตามกบิลเมือง เพื่อให้
มีความรับผิด อย่างน้อยก็ต้องถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะรัฐมนตรี
เพราะในเรื่องการเงินของแผ่นดินนั้น รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติชัดเจนว่า อันรายได้ของแผ่นดินนั้นจะนำไป
ใช้จ่ายได้ก็แต่โดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ แต่โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายวิธีการงบประมาณ กฎหมายเงินคงคลัง
และกฎหมายงบประมาณประจำปีเท่านั้น
รายได้แผ่นดินตามที่กฎหมายบัญญัติได้แก่รายได้จากภาษีอากร เงินกู้ของรัฐ ไม่ว่าจะกู้ทางใดและวิธีใด รายได้จาก
รัฐพาณิชย์ และเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ นั่นคือการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ตามร่างกฎหมายกู้มาโกงนั้น เมื่อกู้
แล้วย่อมเป็นรายได้แผ่นดินและย่อมอยู่ภายใต้บังคับของรัฐธรรมนูญและบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวทั้งสิ้น
เมื่อเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เป็นรายได้แผ่นดิน กฎหมายเงินคงคลังบัญญัติให้รัฐบาลต้องนำเข้าฝากในบัญชีเงินคงคลัง
บัญชีที่ 1 เท่านั้น จะเอาไปบริจาคเป็นทานหรือให้นักการเมืองผลาญชาติตามใจชอบทันทีไม่ได้เป็นอันขาด การกู้มา
แล้วเอาไปทำโครงการเมกกะโปรเจ็ค จึงผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง เท่ากับเป็นการปล้นชาติปล้นแผ่นดินปล้นเงินคงคลัง
นั่นเอง
และเมื่อนำเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1 ตามกฎหมายแล้ว กฎหมายเงินคงคลังยังบัญญัติ
ต่อไปว่า การจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ได้ต้องกระทำโดยวิธีการตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ และต้องออกเป็นกฎหมาย
งบประมาณไม่ว่ากฎหมายงบประมาณประจำปีหรือกฎหมายงบประมาณเพิ่มเติมก็ตาม
คนมีอำนาจหน้าไหนหรือมหาโจรตนใด จะเอาเงินคงคลังบัญชีที่ 1 ไปทำเมกกะโปรเจ็คกันตามอำเภอใจโดยไม่กระทำ
ตามวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายเงินคงคลังและกฎหมายงบประมาณ จึงเป็นการผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง
หากจะนำเงิน 2.2 ล้านล้านบาท ไปใช้ตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ หน่วยงานต้นสังกัดก็ต้องตั้งโครงการตามขั้นตอน
จนถึงสำนักงบประมาณ ยกร่างเป็นกฎหมายงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีและเสนอต่อรัฐสภา จึงจะชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ใช่ไอ้บ้าผูกหูกระต่ายคนเดียว เขียนเอกสาร 3-4 แผ่น แล้วจะหยิบฉวยเงินคงคลัง 2.2 ล้านล้านบาท เอาไปใช้ได้ตาม
ใจชอบดังที่ทำกันอยู่ ซึ่งเป็นการเหยียบย่ำทำลายและท้าทายกฎหมายบ้านเมืองครั้งร้ายแรงและสำคัญที่สุด
การที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างกฎหมายที่ทำผิดรัฐธรรมนูญและทำผิดกฎหมายมากมายขนาดนี้ จึงเป็นความผิดสำเร็จ
แล้ว กระนั้นหากจะล้างบ้านล้างเมืองกันตอนนี้ ก็จะมีหุ่นตัวใหม่มาแสดงอีก ดังนั้นถ้าจะล้างบ้านล้างเมืองกันจริงๆ ก็ควร
รอให้สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายกู้มาโกง 2.2 ล้านล้านบาท นี้เสียก่อน จะได้กวาดพวกร่วมสมคบกันปล้นชาติ
ทำให้บ้านเมืองสะอาดสะอ้านในคราวเดียวดีกว่า!
http://www.naewna.com/politic/columnist/5925
พูดจาประสา...ปชป. .... ก็ต้องค้านทุกเรื่อง กู้มาโกง มีพรรคการเมืองไหน ไม่โกงบ้าง
แล้ว...งบไทยเข้มแข็ง ที่เอาไปใช้ โครงการอาชีวศึกษา ...แล้วก็โรงพักตำรวจ นี่โกงไหม...
กู้มาหรือเปล่า .... ไม่เห็นพูดบ้างเลยยยยยย ....
ร่างกฎหมายกู้มาโกง 2.2 ล้านล้านบาท...จะกวาดล้างบ้านเมือง .... สิริญญา ...แนวหน้าออนไลน์
เมกกะโปรเจ็คได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว และกำลังนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อไป
เมื่อสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบก็จะส่งร่างกฎหมายนั้น ไปยังวุฒิสภาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และถ้าผ่านความเห็น
ชอบอีก ก็จะไปสู่ขั้นนำความกราบบังคมทูลฯ ลงพระปรมาภิไธยเพื่อใช้บังคับเป็นกฎหมาย
และเมื่อเป็นกฎหมายใช้บังคับแล้ว กระทรวงการคลังก็มีอำนาจกู้เงินจากไหนต่อไหนในจำนวน 2.2 ล้านล้านบาท
แล้วเอาไปใช้จ่ายในโครงการเมกกะโปรเจ็คได้ โดยไม่ต้องผ่านวิธีการงบประมาณ
และเพื่อให้การกู้มาโกงสำเร็จรูปอย่างง่ายดาย ก็มีการเตรียมการร่างกฎหมายการลงทุนร่วมของเอกชนกับรัฐซึ่ง
แก้ไขกฎหมายเดิมที่ตราไว้ปี 2535 ในสมัยนายอานันท์ ปันยารชุน และกฎหมายที่แก้ไขใหม่นั้นขณะนี้กำลังอยู่ใน
ขั้นตอนนำความกราบบังคมทูลฯเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย แต่ยังมี ส.ว. กลุ่มรักชาติ พยายามขัดขวาง ซึ่งอาจมี
การทูลเกล้าฯถวายฎีกาหรือส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นโมฆะ
ที่ว่าเป็นโมฆะก็คือ เป็นการออกกฎหมายเพื่อให้อำนาจคนๆเดียวคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่จะบงการ
หน่วยงานหน่วยเดียวที่จะมีบทบาทเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการลงทุนของรัฐร่วมกับเอกชน และเป้าหมายที่แท้ก็คือ
จะใช้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทนี่แหละเอาไปปู้ยี้ปู้ยำ โกงกันทั้งแผง ด้วยวิชาท่าโกงแบบที่เคยทำกับ ปตท. นั่นแหละ
ในที่สุดเมื่อประเทศต้องกู้เงินมาถึง 2.2 ล้านล้านบาทแล้ว คนที่จะเป็นเจ้าของกิจการบริหารรถไฟความเร็วสูงและ
มอเตอร์เวย์ที่ใช้เงินกู้ยอดนี้เป็นวงเงินเกือบ 2 ล้านล้านบาท ก็คือแก๊งการเมืองปล้นชาติเจ้าเดิม ที่เป็นเจ้าของ
บงการ ปตท. ปล้นสะดมคนไทยทั้งประเทศมาหลายปีดีดักแล้วนั่นเอง
ก็ต้องประกาศไว้ ณ ที่นี้ให้ผู้คนทั้งปวงได้ทราบโดยทั่วกันว่าร่างกฎหมายกู้มาโกง 2.2 ล้านล้านบาท กับร่างกฎหมาย
การลงทุนรัฐร่วมกับเอกชน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธยนั้น มันคือมือสองมือ
ของมหาโจร ที่มือหนึ่งก็กู้มาโกง มือหนึ่งก็เป็นวิธีการโกงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท ให้อยู่ในอำนาจของแก๊งการเมือง
แบบเดียวกับ ปตท.
ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นการโกงโคตรมหาโกงครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศไทย เพราะการกางสองแขนโดยกฎหมาย
สองฉบับเพื่อการโกงชาติในครั้งนี้ นับเป็นการโกงครั้งมโหฬารยิ่งกว่าการโกงครั้งใด ๆ ในโลกมนุษย์ในพระพุทธันดรนี้
แต่ความคิดเป็นของคน ผลสำเร็จขึ้นกับฟ้า ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจย่อมมีสิทธิ์มีส่วนและมีความชอบธรรม
ที่จะป้องกันชาติบ้านเมืองและผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ให้กระบวนการโคตรโกงนี้ปล้นชาติโกงชาติได้สำเร็จ
อย่างเด็ดเดี่ยวที่สุด
เบื้องต้นต้องกล่าวว่าคณะรัฐมนตรีนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้กระทำผิดอย่างร้ายแรงในการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญว่าด้วย
การเงินของแผ่นดินและเป็นความผิดสำเร็จแล้ว เป็นเรื่องที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจะต้องจัดการตามกบิลเมือง เพื่อให้
มีความรับผิด อย่างน้อยก็ต้องถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะรัฐมนตรี
เพราะในเรื่องการเงินของแผ่นดินนั้น รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติชัดเจนว่า อันรายได้ของแผ่นดินนั้นจะนำไป
ใช้จ่ายได้ก็แต่โดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ แต่โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายวิธีการงบประมาณ กฎหมายเงินคงคลัง
และกฎหมายงบประมาณประจำปีเท่านั้น
รายได้แผ่นดินตามที่กฎหมายบัญญัติได้แก่รายได้จากภาษีอากร เงินกู้ของรัฐ ไม่ว่าจะกู้ทางใดและวิธีใด รายได้จาก
รัฐพาณิชย์ และเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ นั่นคือการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ตามร่างกฎหมายกู้มาโกงนั้น เมื่อกู้
แล้วย่อมเป็นรายได้แผ่นดินและย่อมอยู่ภายใต้บังคับของรัฐธรรมนูญและบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวทั้งสิ้น
เมื่อเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เป็นรายได้แผ่นดิน กฎหมายเงินคงคลังบัญญัติให้รัฐบาลต้องนำเข้าฝากในบัญชีเงินคงคลัง
บัญชีที่ 1 เท่านั้น จะเอาไปบริจาคเป็นทานหรือให้นักการเมืองผลาญชาติตามใจชอบทันทีไม่ได้เป็นอันขาด การกู้มา
แล้วเอาไปทำโครงการเมกกะโปรเจ็ค จึงผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง เท่ากับเป็นการปล้นชาติปล้นแผ่นดินปล้นเงินคงคลัง
นั่นเอง
และเมื่อนำเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1 ตามกฎหมายแล้ว กฎหมายเงินคงคลังยังบัญญัติ
ต่อไปว่า การจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ได้ต้องกระทำโดยวิธีการตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ และต้องออกเป็นกฎหมาย
งบประมาณไม่ว่ากฎหมายงบประมาณประจำปีหรือกฎหมายงบประมาณเพิ่มเติมก็ตาม
คนมีอำนาจหน้าไหนหรือมหาโจรตนใด จะเอาเงินคงคลังบัญชีที่ 1 ไปทำเมกกะโปรเจ็คกันตามอำเภอใจโดยไม่กระทำ
ตามวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายเงินคงคลังและกฎหมายงบประมาณ จึงเป็นการผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง
หากจะนำเงิน 2.2 ล้านล้านบาท ไปใช้ตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ หน่วยงานต้นสังกัดก็ต้องตั้งโครงการตามขั้นตอน
จนถึงสำนักงบประมาณ ยกร่างเป็นกฎหมายงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีและเสนอต่อรัฐสภา จึงจะชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ใช่ไอ้บ้าผูกหูกระต่ายคนเดียว เขียนเอกสาร 3-4 แผ่น แล้วจะหยิบฉวยเงินคงคลัง 2.2 ล้านล้านบาท เอาไปใช้ได้ตาม
ใจชอบดังที่ทำกันอยู่ ซึ่งเป็นการเหยียบย่ำทำลายและท้าทายกฎหมายบ้านเมืองครั้งร้ายแรงและสำคัญที่สุด
การที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างกฎหมายที่ทำผิดรัฐธรรมนูญและทำผิดกฎหมายมากมายขนาดนี้ จึงเป็นความผิดสำเร็จ
แล้ว กระนั้นหากจะล้างบ้านล้างเมืองกันตอนนี้ ก็จะมีหุ่นตัวใหม่มาแสดงอีก ดังนั้นถ้าจะล้างบ้านล้างเมืองกันจริงๆ ก็ควร
รอให้สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายกู้มาโกง 2.2 ล้านล้านบาท นี้เสียก่อน จะได้กวาดพวกร่วมสมคบกันปล้นชาติ
ทำให้บ้านเมืองสะอาดสะอ้านในคราวเดียวดีกว่า!
http://www.naewna.com/politic/columnist/5925
พูดจาประสา...ปชป. .... ก็ต้องค้านทุกเรื่อง กู้มาโกง มีพรรคการเมืองไหน ไม่โกงบ้าง
แล้ว...งบไทยเข้มแข็ง ที่เอาไปใช้ โครงการอาชีวศึกษา ...แล้วก็โรงพักตำรวจ นี่โกงไหม...
กู้มาหรือเปล่า .... ไม่เห็นพูดบ้างเลยยยยยย ....