การสนทนาธรรมเป็นสิ่งดี แต่อยากให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม
ศาสนาใคร ใครก็รัก ดังนั้นจึงไม่ควรไปก้าวก่ายศาสนาอื่น ผมเชื่อว่าทุกศาสนา สอนคนให้ประพฤติดีทั้งนั้น
แม้แต่ชาวพุทธด้วยกัน คำสอนเรื่อง มิจฉาวาจา ก็มีแบ่งไว้ชัดเจน ตั้งแต่กรรมเบาๆ จนถึงกรรมหนักๆ ได้แก่
1. สัมผัปปลาป พูดเพ้อเจ้อ
2. ปิสุณาวาจา พูดส่อเสียด (พูดให้ผู้อื่นแตกแยกกัน)
3. ผรุสวาจา พูดคำหยาบ
4. มุสาวาท พูดปด
ข้อแรกปุถุชนเราๆท่านๆอาจมีบ้าง แต่ข้อต่อๆมากรรมก็หนักขึ้นตามลำดับ จึงควรจะงดเว้น
ผมเห็นบางคนถกเถียงกันแล้วใส่อารมณ์เข้าไปด้วย ถึงกับด่าพ่อด่าแม่ผู้อื่น หรือด่าผู้อื่นให้เสียหาย หรือแม้แต่แกล้งโกหกบิดเบือนคำพูดบางคำของอีกฝ่ายให้กลายเป็นผิดก็มี แบบนี้ไม่สมควรจะบอกว่าตนปฏิบัติธรรม ถ้าเพื่อนๆเห็นคนลักษณะเช่นว่านี้ ขอเสนอให้เพื่อนสมาชิกเสนอแบน ลอกอินนั้นๆ กับทางเว็ปเพราะผิดกฎของพันทิปชัดเจน
หรือถ้าทางเวปค่อนข้างยุ่ง (ซึ่งผมก็ทราบมาว่ายุ่งจริงๆ เพราะมีหลายห้อง หลาย คคห. ขณะที่เจ้าหน้าที่มีไม่กี่คน) จึงอาจจะไม่มีเวลาพอ
ในกรณีนี้ขอเสนอสองอย่างคือ
1. ให้กฏแห่งกรรมตัดสิน ผมเชื่อว่ากฏแห่งกรรม ยุติธรรมเสมอ แต่บางครั้งอาจจะใช้เวลานานมาก เช่นผิดชาตินี้ ไปใช้เอาชาติหน้า ยกเว้นแต่ถ้าไปล่วงเกินผู้ถือศีล หรือทรงฌานเข้า ซึ่งผมคิดว่าน่าจะมีอยู่ในนี้เหมือนกัน หรือดีไม่ดีอาจมีพระอริยะขั้นต้นๆเช่นพระโสดาบันก็ได้
อันนี้กรรมอาจติดจรวดหน่อย
2. ถ้าพูดกันดีๆแล้วยังไม่ยอมฟัง ยังด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายหรือยั่วยุให้ฟ้องร้อง ก็คงต้องอาศัยกฏหมาย ซึ่งข้อความของท่านอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาท หรือถ้าไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทก็อย่าได้กระหยิ่มใจไปว่าไม่ผิดกฏหมาย เนื่องจากความผิดฐานดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการโฆษณา (หมายถึงเขียนในเว็ป) ซึ่งทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอายหรือเสียชื่อเสียงนั้น เป็นความผิดลักษณะใกล้เคียงกัน มีโทษทั้งอาญาและแพ่งด้วย
ทางอาญา ถ้าโจทย์ไม่ยอมถอนฟ้อง จำเลยก็จะมีประวัติคดีอาญาติดตัว การฟ้องก็ค่อนข้างเอื้ออำนวยต่อโจทย์เนื่องจากว่าสามารถฟ้องที่ไหน จังหวัดไหนก็ได้ เพราะเป็นบทความทางอินเตอร์เน็ตสามารถบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอ่านอยู่ที่จังหวัดโน้นจังหวัดนี้ ซึ่งถึงเวลาขึ้นศาล จำเลยก็ต้องไปตามศาลจังหวัดดังกล่าว จนกระทั่งคดีสิ้นสุด ส่วนโจทย์นั้นให้ทนายไปแทนได้ตลอด ส่วนทางแพ่งนั้นก็ต้องดูว่าโจทย์ประกอบอาชีพอะไร เสียหายแค่ไหนจากการกระทำของจำเลย สมมุติว่าโจทย์มีหลักฐานว่ารายได้หายไปเดือนละแสนห้าจากการกระทำดังกล่าว กว่าคดีสิ้นสุดกี่เดือนก็คูณเข้าไปบวกดอกเบี้ยไปด้วย โดยทั่วไปกว่าจะสิ้นสุดสามศาล อาจกินเวลาถึงสี่ห้าปี
เรื่องฟ้องร้องคดีทางอินเตอร์เน็ตนั้น อย่าคิดว่าไม่มีจริงหรือไม่มีคนกล้าเอาเรื่อง แม้แต่ในเว็ปพันทิปก็เคยมีหลายรายแล้ว เช่นกรณีคุณหญิง วินิตา(เทาชมพู)เป็นต้น และจะมีกรณีของผมเป็นกรณีศึกษาต่อไป ซึ่งผมขอโชว์เอกสารการแจ้งความแค่สน.เดียว ให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น (ความจริงผมแจ้งอยู่สามจังหวัด และรวมทั้งหมดห้าหกล็อกอิน) ว่ามีการดำเนินคดีจริงแต่ขอปิดบังรายละเอียดเพื่อไม่ให้มีผลต่อสำนวนคดี ส่วนใครจะผิดจะถูกไปว่ากันในขั้นศาล ให้ศาลเป็นผู้พิจารณา ผมเชื่อว่าศาลไทยยังคงความยุติธรรมอยู่
อยากเตือนเพื่อนๆที่กำลังถกเถียงธรรมะกันอย่างเมามัน
ศาสนาใคร ใครก็รัก ดังนั้นจึงไม่ควรไปก้าวก่ายศาสนาอื่น ผมเชื่อว่าทุกศาสนา สอนคนให้ประพฤติดีทั้งนั้น
แม้แต่ชาวพุทธด้วยกัน คำสอนเรื่อง มิจฉาวาจา ก็มีแบ่งไว้ชัดเจน ตั้งแต่กรรมเบาๆ จนถึงกรรมหนักๆ ได้แก่
1. สัมผัปปลาป พูดเพ้อเจ้อ
2. ปิสุณาวาจา พูดส่อเสียด (พูดให้ผู้อื่นแตกแยกกัน)
3. ผรุสวาจา พูดคำหยาบ
4. มุสาวาท พูดปด
ข้อแรกปุถุชนเราๆท่านๆอาจมีบ้าง แต่ข้อต่อๆมากรรมก็หนักขึ้นตามลำดับ จึงควรจะงดเว้น
ผมเห็นบางคนถกเถียงกันแล้วใส่อารมณ์เข้าไปด้วย ถึงกับด่าพ่อด่าแม่ผู้อื่น หรือด่าผู้อื่นให้เสียหาย หรือแม้แต่แกล้งโกหกบิดเบือนคำพูดบางคำของอีกฝ่ายให้กลายเป็นผิดก็มี แบบนี้ไม่สมควรจะบอกว่าตนปฏิบัติธรรม ถ้าเพื่อนๆเห็นคนลักษณะเช่นว่านี้ ขอเสนอให้เพื่อนสมาชิกเสนอแบน ลอกอินนั้นๆ กับทางเว็ปเพราะผิดกฎของพันทิปชัดเจน
หรือถ้าทางเวปค่อนข้างยุ่ง (ซึ่งผมก็ทราบมาว่ายุ่งจริงๆ เพราะมีหลายห้อง หลาย คคห. ขณะที่เจ้าหน้าที่มีไม่กี่คน) จึงอาจจะไม่มีเวลาพอ
ในกรณีนี้ขอเสนอสองอย่างคือ
1. ให้กฏแห่งกรรมตัดสิน ผมเชื่อว่ากฏแห่งกรรม ยุติธรรมเสมอ แต่บางครั้งอาจจะใช้เวลานานมาก เช่นผิดชาตินี้ ไปใช้เอาชาติหน้า ยกเว้นแต่ถ้าไปล่วงเกินผู้ถือศีล หรือทรงฌานเข้า ซึ่งผมคิดว่าน่าจะมีอยู่ในนี้เหมือนกัน หรือดีไม่ดีอาจมีพระอริยะขั้นต้นๆเช่นพระโสดาบันก็ได้
อันนี้กรรมอาจติดจรวดหน่อย
2. ถ้าพูดกันดีๆแล้วยังไม่ยอมฟัง ยังด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายหรือยั่วยุให้ฟ้องร้อง ก็คงต้องอาศัยกฏหมาย ซึ่งข้อความของท่านอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาท หรือถ้าไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทก็อย่าได้กระหยิ่มใจไปว่าไม่ผิดกฏหมาย เนื่องจากความผิดฐานดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการโฆษณา (หมายถึงเขียนในเว็ป) ซึ่งทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอายหรือเสียชื่อเสียงนั้น เป็นความผิดลักษณะใกล้เคียงกัน มีโทษทั้งอาญาและแพ่งด้วย
ทางอาญา ถ้าโจทย์ไม่ยอมถอนฟ้อง จำเลยก็จะมีประวัติคดีอาญาติดตัว การฟ้องก็ค่อนข้างเอื้ออำนวยต่อโจทย์เนื่องจากว่าสามารถฟ้องที่ไหน จังหวัดไหนก็ได้ เพราะเป็นบทความทางอินเตอร์เน็ตสามารถบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอ่านอยู่ที่จังหวัดโน้นจังหวัดนี้ ซึ่งถึงเวลาขึ้นศาล จำเลยก็ต้องไปตามศาลจังหวัดดังกล่าว จนกระทั่งคดีสิ้นสุด ส่วนโจทย์นั้นให้ทนายไปแทนได้ตลอด ส่วนทางแพ่งนั้นก็ต้องดูว่าโจทย์ประกอบอาชีพอะไร เสียหายแค่ไหนจากการกระทำของจำเลย สมมุติว่าโจทย์มีหลักฐานว่ารายได้หายไปเดือนละแสนห้าจากการกระทำดังกล่าว กว่าคดีสิ้นสุดกี่เดือนก็คูณเข้าไปบวกดอกเบี้ยไปด้วย โดยทั่วไปกว่าจะสิ้นสุดสามศาล อาจกินเวลาถึงสี่ห้าปี
เรื่องฟ้องร้องคดีทางอินเตอร์เน็ตนั้น อย่าคิดว่าไม่มีจริงหรือไม่มีคนกล้าเอาเรื่อง แม้แต่ในเว็ปพันทิปก็เคยมีหลายรายแล้ว เช่นกรณีคุณหญิง วินิตา(เทาชมพู)เป็นต้น และจะมีกรณีของผมเป็นกรณีศึกษาต่อไป ซึ่งผมขอโชว์เอกสารการแจ้งความแค่สน.เดียว ให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น (ความจริงผมแจ้งอยู่สามจังหวัด และรวมทั้งหมดห้าหกล็อกอิน) ว่ามีการดำเนินคดีจริงแต่ขอปิดบังรายละเอียดเพื่อไม่ให้มีผลต่อสำนวนคดี ส่วนใครจะผิดจะถูกไปว่ากันในขั้นศาล ให้ศาลเป็นผู้พิจารณา ผมเชื่อว่าศาลไทยยังคงความยุติธรรมอยู่