จากการ์ตูนเรื่อง QED เล่ม36ล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายไป ในคดีที่สองของเล่มกล่าวถึงบุคคลไร้ประโยชน์ในพี่น้องตระกูลรอสเฟลเลอร์ แต่เจ้าตัวนั้นไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นมเพราะเขามีสำนึกของการเป็น "ผู้บริหาร" ที่ถือว่าได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างมากนั่นคือ "การออกคำสั่งต่อพี่น้องของตนเองให้ทำเรื่องต่าง" ซึ่งโดยหลักการแล้วหน้าที่หลักของผู้บริหารก็คือการ "ขบคิคและตักสินใจวางนโยบายและสั่งการ". ลงไปสู่ระดับ Manager และ Operation ให้กระทำการต่อไป
วรวีย์ก็เช่นกัน ถ้าในแง่ของผู้บริหารสมาคม เขาได้ทำหน้าที่ไปแล้วตามปกติวิสัย จากนโยบายที่วางขึ้นมาแล้วฝ่ายปฏิบัติรับไปทำโดยในที่นี้คือวินเฟรด เชเฟอร์ ผู้จัดการทีมชาติไทย
เช่นนั้นความรับผิดชอบจากผลงานของทีมชาติที่ล้มเหลวอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาควรเป็นของใคร โดยทางปฏิบัติแล้ว สมาคมฟุตบอลทั่วโลก ไม่ได้มีอำนาจในการเข้าไปจัดการวางแผนการเล่นหรือเลือกตัวผู้่เล่นในสนาม ทั้งหมดเป็นเรื่องของผู้จัดการ ทีมสตาฟโค้ช ไปจนถึงนักเตะ ไม่ปรากฏว่ามีนายกสมาคมชาติใดต้องรับผิดชอบจากความล้มเหลวในสนามฟุตบอล
แต่เหตุที่โฟกัสของการโจมตีไปลงที่วรวีย์ และในแง่ความรับผิดชอบนั้น เราก็จะพบว่า การที่ผู้นำสมาคมมีปัญหาจากกรณีของเงินที่ไม่สามารถเคลียร์ตัวเองต่อสาธารณะใก้ชัดเจนได้นั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เจ้าตัวต้องแสดงความรับผิดชอบ นั่นยังรวมถึงการบริหารที่มีปัญหาและดูจะไร้ความเป็นมืออาชีพในหลายๆเรื่องที่ผ่านมา ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น เมื่อช่วง1-2ปีก่อนเคยมีข่าวใหญ่เกี่ยวกับโยโกซุนะผู้หนึ่งได้ประพฤติผิดในสังคม ผลคือนายกสมาคมซูโม่ญี่ปุ่นถึงกีบประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบ หรือในเกาหลีเมื่อเกิดการเดินประท้วงจากเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก คณะรัฐมนตรีการคลังของเกาีก็ถึงกับต้องยอมลาออกทั้งทีม ในส่วนนี้ถามว่ามันเป็นความรับผิดชอบโดยตรงชนิดต้องทำถึงขั้นนั้นหรือไม่ดูจะไม่จำเป็นต้องมาตั้งคำถาม เพราะมันคือการแสดงสิ่งที่ในวงการเมืองเรียกกันว่า "สปิริต" มากกว่าจะยึดติดอยู่กับผลประโยชน์
แน่นอนว่าโอกาสที่จะได้เห็นผู้บริหารสมาคมฟุตบอลไทยแสดงสปิริตเช่นนั้น จะมาถึงหรือไม่ เราคงไม่อาจทราบ และบางทีการปลดวินนี่ก็คงไม่แคล้วเป็นการลดกระแสทางการเมืองอันเป็นหนึ่งในเกมการเมืองที่ผู้บริหารขุกนี้ใช้มาตลอด และเป็นแนวทางที่นักการเมืองไทยโปรดปรานมาก แต่ถ้าวรวีย์สามารถแสดงออกซึ่งสปิริตตรงนี้ในการแสดงความรับผิดชอบ นั่นอาจจะเป็นการกอบกู้ศรัทธาที่เสียไปกลับคืนมาเลยทีเดียวโดยที่ตัวเขาอาจจะสามารถพลิกบทตนเองจากผู้ร้ายไปสู่ฮีโร่ได้ในข้ามคืน จากการที่เขาเองก็ดตรียมหาหนทางจะเข้าไปแย่งชืงตำแหน่งในเอเอฟซีอยู่แล้ว
แต่บางที... ด้วยความโลภและผลประโยชน์มหาศาล อาจจะไม่สามารถทำให้วรวีย์มองเห็นหนทางพลิกดำเป็นขาวเช่นนี้ได้ทั้งชีวิตเลยก็เป็นได้ จนกว่าขั้วอำนาจตรงข้ามของวรวีย์สมาคมจะสั่งสมคอนเนคชั่นและPowerมากพอที่จะขึ้นมาคานอำนาจกับกลุ่มของวรวีย์ที่อย่างไรเสียก็ยังจะมีทายาทการเมืองเข้ามาสานงานต่ออีก ซึ่งดูแล้วขั้วอำนาจตรงข้ามในสมาคมก็น่าจะใช้เหตุการณ์ความล้มเหลวของทีมชาติให้เป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย แต่ถ้าพลาดจากโอกาสนี้ไปเพราะไม่ถนัดเรื่องการเมือง สมาคมฟุตบอลไทยก็อาจจะยังอยู่ในสายคอนเนคชั่นของกลุ่มวรวีย์ต่อไป
คุณจะอยู่ในฐานะฮีโร่หรือจะอยู่ต่อไปจนกลายเป็นวายร้าย??? วาทะของฮาร์วี่ เดนท์ ใน The Dark Knight แต่ก็อาจใช้ไมได้ในกรณีนี้เพราะวรวีย์เป็นฮีโร่ผู้กอบกู้บอลไทยสำหรับเจ้าตัวและกลุ่มอำนาจของตนเท่านั้น หาใช่สำหรับความรู้สึกของแฟนบอลชาวไทยทั่วไป
วรวีย์ ฮีโร่หรือวายร้าย วิกฤติแก้ปัญหาเสื่อมศรัทธาทีมชาติไทย และวินนี่ผู้เตรียมต้องรับผิดชอบ
วรวีย์ก็เช่นกัน ถ้าในแง่ของผู้บริหารสมาคม เขาได้ทำหน้าที่ไปแล้วตามปกติวิสัย จากนโยบายที่วางขึ้นมาแล้วฝ่ายปฏิบัติรับไปทำโดยในที่นี้คือวินเฟรด เชเฟอร์ ผู้จัดการทีมชาติไทย
เช่นนั้นความรับผิดชอบจากผลงานของทีมชาติที่ล้มเหลวอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาควรเป็นของใคร โดยทางปฏิบัติแล้ว สมาคมฟุตบอลทั่วโลก ไม่ได้มีอำนาจในการเข้าไปจัดการวางแผนการเล่นหรือเลือกตัวผู้่เล่นในสนาม ทั้งหมดเป็นเรื่องของผู้จัดการ ทีมสตาฟโค้ช ไปจนถึงนักเตะ ไม่ปรากฏว่ามีนายกสมาคมชาติใดต้องรับผิดชอบจากความล้มเหลวในสนามฟุตบอล
แต่เหตุที่โฟกัสของการโจมตีไปลงที่วรวีย์ และในแง่ความรับผิดชอบนั้น เราก็จะพบว่า การที่ผู้นำสมาคมมีปัญหาจากกรณีของเงินที่ไม่สามารถเคลียร์ตัวเองต่อสาธารณะใก้ชัดเจนได้นั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เจ้าตัวต้องแสดงความรับผิดชอบ นั่นยังรวมถึงการบริหารที่มีปัญหาและดูจะไร้ความเป็นมืออาชีพในหลายๆเรื่องที่ผ่านมา ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น เมื่อช่วง1-2ปีก่อนเคยมีข่าวใหญ่เกี่ยวกับโยโกซุนะผู้หนึ่งได้ประพฤติผิดในสังคม ผลคือนายกสมาคมซูโม่ญี่ปุ่นถึงกีบประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบ หรือในเกาหลีเมื่อเกิดการเดินประท้วงจากเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก คณะรัฐมนตรีการคลังของเกาีก็ถึงกับต้องยอมลาออกทั้งทีม ในส่วนนี้ถามว่ามันเป็นความรับผิดชอบโดยตรงชนิดต้องทำถึงขั้นนั้นหรือไม่ดูจะไม่จำเป็นต้องมาตั้งคำถาม เพราะมันคือการแสดงสิ่งที่ในวงการเมืองเรียกกันว่า "สปิริต" มากกว่าจะยึดติดอยู่กับผลประโยชน์
แน่นอนว่าโอกาสที่จะได้เห็นผู้บริหารสมาคมฟุตบอลไทยแสดงสปิริตเช่นนั้น จะมาถึงหรือไม่ เราคงไม่อาจทราบ และบางทีการปลดวินนี่ก็คงไม่แคล้วเป็นการลดกระแสทางการเมืองอันเป็นหนึ่งในเกมการเมืองที่ผู้บริหารขุกนี้ใช้มาตลอด และเป็นแนวทางที่นักการเมืองไทยโปรดปรานมาก แต่ถ้าวรวีย์สามารถแสดงออกซึ่งสปิริตตรงนี้ในการแสดงความรับผิดชอบ นั่นอาจจะเป็นการกอบกู้ศรัทธาที่เสียไปกลับคืนมาเลยทีเดียวโดยที่ตัวเขาอาจจะสามารถพลิกบทตนเองจากผู้ร้ายไปสู่ฮีโร่ได้ในข้ามคืน จากการที่เขาเองก็ดตรียมหาหนทางจะเข้าไปแย่งชืงตำแหน่งในเอเอฟซีอยู่แล้ว
แต่บางที... ด้วยความโลภและผลประโยชน์มหาศาล อาจจะไม่สามารถทำให้วรวีย์มองเห็นหนทางพลิกดำเป็นขาวเช่นนี้ได้ทั้งชีวิตเลยก็เป็นได้ จนกว่าขั้วอำนาจตรงข้ามของวรวีย์สมาคมจะสั่งสมคอนเนคชั่นและPowerมากพอที่จะขึ้นมาคานอำนาจกับกลุ่มของวรวีย์ที่อย่างไรเสียก็ยังจะมีทายาทการเมืองเข้ามาสานงานต่ออีก ซึ่งดูแล้วขั้วอำนาจตรงข้ามในสมาคมก็น่าจะใช้เหตุการณ์ความล้มเหลวของทีมชาติให้เป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย แต่ถ้าพลาดจากโอกาสนี้ไปเพราะไม่ถนัดเรื่องการเมือง สมาคมฟุตบอลไทยก็อาจจะยังอยู่ในสายคอนเนคชั่นของกลุ่มวรวีย์ต่อไป
คุณจะอยู่ในฐานะฮีโร่หรือจะอยู่ต่อไปจนกลายเป็นวายร้าย??? วาทะของฮาร์วี่ เดนท์ ใน The Dark Knight แต่ก็อาจใช้ไมได้ในกรณีนี้เพราะวรวีย์เป็นฮีโร่ผู้กอบกู้บอลไทยสำหรับเจ้าตัวและกลุ่มอำนาจของตนเท่านั้น หาใช่สำหรับความรู้สึกของแฟนบอลชาวไทยทั่วไป