รูมเมทแบบนี้ทำไงดีคะ

คือตอนนี้เรากำลังฝึกงาน มีความจำเป็นต้องพักห้องเดียวกับเพื่อนที่ไม่สนิท3คน (รวมเราด้วยเป็น4คน) ปัญหาก็คือมีเพื่อนคนนึงที่เรารู้สึกว่าเค้าทำอะไรไม่ค่อยเกรงใจเราเลย คือนึกอยากจะเปิดไฟทั้งคืนก็จะเปิดคุยโทรศัพท์เสียงดังทั้งที่เพื่อนนอนอยู่ เปิดเพลงเสียงดังในห้อง และเป็นแบบนี้ทุกวัน เราก็พยายามทนๆเรื่อยมาเพราะเพื่อนคนนี้เรื่องอื่นๆก็ดี จะเสียก็แต่เรื่องที่พูดมานั่นแหละค่ะ แต่มีวันนึงขณะเรากำลังรีบปั่นงานอยู่ไม่ได้ดูเวลาว่ามันดึกมากแล้วเพื่อนคนนี้ทำงานเสร็จปุ๊บ เดินไปปิดไฟปั๊บไม่บอกเราก่อนเลยทั้งๆที่เรากำลังนั่งทำงานอยู่ วันนั้นโกรธมากแต่ไม่ได้พูดอะไร  (เราเป็นคนโลกส่วนตัวสูงมาก ไม่ชอบเสียงดัง หลับยากด้วย T-T ) กลับจากงานเหนื่อยๆมาที่ห้องรู้สึกเหมือนไม่ได้พักผ่อนเลย รู้สึกเหมือนสุขภาพกายสุขภาพจิตถูกบั่นทอนทุกวัน เลยอยากปรึกษาว่าจะทำยังไงกับรูมเมทแบบนี้ดีคะ ไม่สนิทกันแต่มีความจำเป็นต้องอยู่เกาะกันเป็นกลุ่ม หรือว่าเราเยอะไปรึปล่าว เพราะเพื่อนคนอื่นไม่มีใครบ่นเรื่องนี้เลย การอยู่ห้องกับคนอื่นเจอเรื่องแบบนี้เป็นปกติรึปล่าวคะ ถ้าจำเป็นต้องย้ายหอจริงๆจะพูดกับเพื่อนยังไงดี

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
เหลือเวลาฝึกงานอีกกี่เดือนค่ะ ถ้าเกินเดือน เป็นเราเราย้ายค่ะ

แชร์ห้องร่วมกันอยู่ เจอแบบนี้ปกติไหมเราก็ไม่ทราบ ไม่เคยแชร์ห้องกับใคร เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นคนโลกส่วนตัวสูง แต่เราคิดว่า การมาอยู่ร่วมกับคนอื่น มันก็ต้องทำใจไว้ระดับหนึ่งว่าอาจเจออะไรที่ไม่คาดฝัน คนละพ่อคนละแม่มาอยู่ด้วยกัน มันต้องมีเรื่องที่ไม่ถูกใจกันเป็นธรรมดา ขนาดพี่น้องกันอยู่ด้วยกันทุกวันยังทะเลาะกันเลย คิดแบบนี้จะได้ทำให้เราสบายใจ ในกรณีที่ไม่สามารถย้ายไปไหนได้ ต้องทำใจให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยค่ะ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อเราจะได้ไม่ทุกข์เอง คิดซะว่า อดทนไปเดี๋ยวฝึกงานจบเราก็แยกย้ายกันละ

ถ้ามีเรื่องไม่พอใจกัน ถ้าเป็นเรา เราจะบอก ณ ขณะนั้น ตรงนั้นเลย แต่ห้ามใช้อารมณ์เด็ดขาดนะ พูดสั้นๆให้ได้ใจความกระชับที่สุด เอาตัวอย่างที่จขกทพูดมานะ เราก็ไม่รู้ว่าดีไหม แต่เป็นเรา เราคิดว่าเราจะทำแบบนี้
เปิดไฟทั้งคืน เป็นเราเราจะลุกไปปิดเอง ก่อนปิด ก็ถามก่อน เราปิดไฟได้ไหม ทำอะไรอยู่หรือเปล่า เรานอนไม่ได้น่ะ
คุยโทรศัพท์ก็บอกไปตรงนั้นเลย เราจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ตื่นเช้าด้วย ไปคุยข้างนอกได้ไหม
เปิดเพลงดังในห้อง ก็ปรามไปเลย เฮ้ย เบาๆหน่อย หนวกหู ถ้ายังไม่เบา ลุกไปเบาเองเลย
ปิดไฟตอนเราทำงาน บอกไปเลย อย่าเพิ่งปิด งานเรายังไม่เสร็จ

เราว่าการที่เราได้บอกความรู้สึกออกไปตรงๆ อย่างน้อยมันทำให้เราอึดอัดน้อยลง แต่ก็คงยังเหลือบ้าง ที่เหลือก็ต้องใช้ความพยายามของตัวเอง ปัดเรื่องออกจากหัวให้ไวที่สุด อย่าให้จมอยู่กับความเครียดนาน คิดในแง่ดี อาจจะมีเรื่องที่เราทำแล้วเค้าไม่ชอบใจเหมือนกันก็ได้ ถ้าไม่ฝืนจนทนไม่ไหวและมีความจำเป็นต้องอยู่ด้วยกันจริงๆเราจะพยายามคิดแบบนี้ แล้วสำรวจตัวเองว่าเราทำอะไรให้คนอื่นเค้าไม่พอใจบ้างไหม แล้วก็แก้ตัวเรา เพราะเราแก้คนอื่นไม่ได้ เอาการกระทำของเค้ามาเป็นกระจกสะท้องตัวเองไม่ให้เป็นเหมือนเค้าดีกว่า อันนี้คือกรณีที่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันจริงๆนะ

แต่สำหรับเรา ถ้าเราเป็นคุณ เราไม่ไปอยู่แชร์ห้องกับเพื่อนแต่แรกแล้ว ไอ้ที่พูดๆมาน่ะ ถ้าไปค่าย ไปค้าง ไปเที่ยวสามสี่วัน ก็พอทนได้ คิดได้ค่ะ ท่องไว้ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป แค่ถ้าต้องอยู่นานๆเกินสามสี่วัน เราเลือกที่จะอยู่คนเดียวค่ะ แต่บางที ก็จ่ายค่าห้องหนักหนาสาหัสเหมือนกัน ต้องประหยัดอย่างอื่นเอามากๆ บางทีต้องวางแผนเก็บเงินเนิ่นๆ หลายๆเดือน เพื่อค่าใช้จ่ายตรงนี้เลย(ตอนเราเรียน พ่อเราให้เป็นเดือน ไม่มีขอเพิ่ม ต้องจัดสรรเงินเอาเอง) แต่เรายอมอะ เพื่อความสุข ความเป็นส่วนตัวของเรา อาบน้ำนานๆ ปิดไฟอยู่มืดๆ คุยโทรศัพท์นานๆ ก็ทำได้เต็มที่ไม่มีใครว่า อยากแก้ผ้านอนยังทำได้เลย เตียงก็เตียงเราคนเดียว โต๊ะก็โต๊ะเราคนเดียว อยากรกยังไง เต็มที่

เคยครั้งเดียวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไปเที่ยวกับเพื่อนนี่แหละ ประมาณอาทิตย์กว่า เราว่าเราอาบน้ำนานแล้วนะ ยี่สิบนาที แต่คุณเพื่อนอาบทีเป็นชั่งโมง แล้วคือ เราจะไปไหนก่อนก็ไม่ได้ ต้องรอเธอ ไม่งั้นเธอโกรธ ไปไหนด้วยกันก็ต้องตัวติดกันเป็นตังเม จะหลบไปโทรศัพท์ก็จะตาม เราเป็นคนชอบไปไหนมาไหนคนเดียว คิดจะไปก็ไปเลย ต้องมารออะไรแบบนี้ก็อึดอัดนะ แล้วก็ชอบมายืมของเรา ตั้งแต่ยาสีฟัน สบู่ แชมพู หวี หนังยางรัดผม แต่ก็คิดอย่างที่บอกไป เรากลายเป็นคนฝังใจไปเลยว่า อยู่ห้องกับใคร เราต้องอาบน้ำไวๆ แล้วก็รับผิดชอบของๆตัวเอง แต่ขนาดอาทิตย์เดียว เรายังแทบจะทนไม่ไหวเลย หลังจากนั้น ถ้าไปเที่ยว เราชอบไปคนเดียวมากกว่า หรือไม่ก็ไปกับคนที่สนิทรู้ใจกันจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่