วันนี้ไทยนำเข้าจากญี่ปุ่นปีหนึ่งประมาณ 50,000 ล้านเหรียญ ขณะที่ส่งออก 24,000 ล้านเหรียญ โดยเมื่อพิจารณาเรานำเข้าสินค้าทุนจากญี่ปุ่น และส่งออกสินค้าเกษตร การที่เงินบาทแข็งค่า รวมทั้งญี่ปุ่นจะมีการพิมพ์ใเงินในต้นเดือนหน้าจะทำให้เงินเยนยิ่งอ่อนค่า ไทยจะเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์ที่สุดจากเหตุการณ์นี้ ขณที่ประเทศที่เป็นคู่แข่งกับญี่ปุ่นคือ จีนและเกาหลีใต้เป็นคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
ช่วงนี้คนกังวลค่าเงินบาทแข็งค่า แต่โดยรวมถ้าเงินเยนอ่อนค่าด้วย จะเพิ่มมูลค่าการค้าที่ได้เปรียบเกือบ 50,000 ล้านบาทต่อปี ถ้าเยนอ่อนค่าซัก 6-7% เพราะหลายธุรกิจจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน และภาครัฐมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับเยนจะสร้างผลตอบแทนเชิงบวกที่มากมหาศาล เพราะเราต้องลงทุนกว่า 3 ล้านล้าน ถ้าบาทแข็งค่าเทียบกับเยนซัก 10% เราสามารถลดต้นได้กว่า 2 แสนล้าน
แต่แน่นอนในภาคการส่งออกจำเป็นต้องปรับตัว วันนี้โชคดีที่เราพึ่งพาการส่งออกในสหรัฐฯ และยุโรปลดลงมาก เราเน้นการส่งออกในเอเชีย โดยเฉพาะอาเซียน จึงไม่แปลกเลยว่าค่าเงินบาทแข็งค่าขนาดนี้ ทำไมไทยยังส่งออกได้ดี การปรับตัวควรรวมถึงการลดต้นทุน และการขยายตลาด ซึ่งการเปิดเสรีอาเซียนน่าจะทำให้การค้าในเอเชียยังขยายตัวที่ดี
สุดท้ายโดยรวมค่าเงินบาทแข็งรอบนี้น่าจะส่งผลดีต่อประเทศในภาคเศรษฐกิจที่การนำเข้าที่จะลดลงมาก โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าทุนญี่ปุ่น ที่เยนจะอ่อนค่าอย่างมาก ขณะที่ส่งออกคงกระทบ แต่ไม่มากขนาดที่คาดการณ์เพราะมีการเน้นตลาดในอาเซียนและเอเชียเป็นหลัก
การลงทุน คงต้องจับตาทุนญี่ปุ่นที่จะไหลเข้าไทย น่าจะเข้ามาทุกรูปแบบทั้งการลงทุนโดยตรง การซื้อกิจการในไทย การลงทุนหุ้น น่าเน้นการเทคโอเว่อร์ และอสังหาริมทรัพย์ เรียกว่าแดนอาทิตย์อุทัยบุกไทยอีกรอบ ต้องแต่ยุคโกโบริเลย (ช่วงนี้ณเดชน์เรื่องคู่กรรมยังเข้าฉายพร้อมวันที่ BOJ ประชุมอัดเงิน QE อีกในวันที่ 4 เมษายน)
ถ่สมองไทยอีก 5 ปีข้างหน้า คงนึกภาพไม่ออกว่าจะมั่งคั่งขนาดไหน เพราะตามข้อมูล ญี่ปุ่นขออัดเงินปีละ 1-2 ล้านล้านเหรียญหรือปีละ 30-60 ล้านล้านบาท แต่นี่ยังไม่ควรเงินสดและตราสารหนี้ที่คนญี่ปุ่นและภาคธุรกิจถือกันมามากกว่า 15 ปีหลังมีปัญหาเงินฝืดที่อาจมากกว่า 30 ล้านล้านเหรียญหรือ 1,000 ล้านล้านบาท ไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปทำไร แต่คงไม่ถือเงินสดแล้วแน่
การอ่อนค่าของเงินเยน ไทยได้รับประโยชน์เป็นอันดับต้นๆ ของโลก
ช่วงนี้คนกังวลค่าเงินบาทแข็งค่า แต่โดยรวมถ้าเงินเยนอ่อนค่าด้วย จะเพิ่มมูลค่าการค้าที่ได้เปรียบเกือบ 50,000 ล้านบาทต่อปี ถ้าเยนอ่อนค่าซัก 6-7% เพราะหลายธุรกิจจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน และภาครัฐมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับเยนจะสร้างผลตอบแทนเชิงบวกที่มากมหาศาล เพราะเราต้องลงทุนกว่า 3 ล้านล้าน ถ้าบาทแข็งค่าเทียบกับเยนซัก 10% เราสามารถลดต้นได้กว่า 2 แสนล้าน
แต่แน่นอนในภาคการส่งออกจำเป็นต้องปรับตัว วันนี้โชคดีที่เราพึ่งพาการส่งออกในสหรัฐฯ และยุโรปลดลงมาก เราเน้นการส่งออกในเอเชีย โดยเฉพาะอาเซียน จึงไม่แปลกเลยว่าค่าเงินบาทแข็งค่าขนาดนี้ ทำไมไทยยังส่งออกได้ดี การปรับตัวควรรวมถึงการลดต้นทุน และการขยายตลาด ซึ่งการเปิดเสรีอาเซียนน่าจะทำให้การค้าในเอเชียยังขยายตัวที่ดี
สุดท้ายโดยรวมค่าเงินบาทแข็งรอบนี้น่าจะส่งผลดีต่อประเทศในภาคเศรษฐกิจที่การนำเข้าที่จะลดลงมาก โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าทุนญี่ปุ่น ที่เยนจะอ่อนค่าอย่างมาก ขณะที่ส่งออกคงกระทบ แต่ไม่มากขนาดที่คาดการณ์เพราะมีการเน้นตลาดในอาเซียนและเอเชียเป็นหลัก
การลงทุน คงต้องจับตาทุนญี่ปุ่นที่จะไหลเข้าไทย น่าจะเข้ามาทุกรูปแบบทั้งการลงทุนโดยตรง การซื้อกิจการในไทย การลงทุนหุ้น น่าเน้นการเทคโอเว่อร์ และอสังหาริมทรัพย์ เรียกว่าแดนอาทิตย์อุทัยบุกไทยอีกรอบ ต้องแต่ยุคโกโบริเลย (ช่วงนี้ณเดชน์เรื่องคู่กรรมยังเข้าฉายพร้อมวันที่ BOJ ประชุมอัดเงิน QE อีกในวันที่ 4 เมษายน)
ถ่สมองไทยอีก 5 ปีข้างหน้า คงนึกภาพไม่ออกว่าจะมั่งคั่งขนาดไหน เพราะตามข้อมูล ญี่ปุ่นขออัดเงินปีละ 1-2 ล้านล้านเหรียญหรือปีละ 30-60 ล้านล้านบาท แต่นี่ยังไม่ควรเงินสดและตราสารหนี้ที่คนญี่ปุ่นและภาคธุรกิจถือกันมามากกว่า 15 ปีหลังมีปัญหาเงินฝืดที่อาจมากกว่า 30 ล้านล้านเหรียญหรือ 1,000 ล้านล้านบาท ไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปทำไร แต่คงไม่ถือเงินสดแล้วแน่