สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
คุณจะได้บ้านในฝันของคุณ ที่ใช้งานจริงแล้ว มีความยากลำบากในทุกๆ เรื่อง
แล้ววันหนึ่งคุณก็จะนึกว่าคนออกแบบว่า ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นนะ
สถาปนิก เค้ามีประสบการณ์ในการออกแบบบ้านมา ทั้งจากตำรา ทั้งจากประสบการณ์
แม้ว่าคุณจะมีประสบการณ์ในการใช้งานบ้านมาครึ่งร้อย แต่คุณก็คงไม่ได้ย้ายบ้านใหม่ เท่ากับสถาปนิกออกแบบบ้านมา
เพราะสิ่งที่คุณรู้คือการใช้งานของคุณ ความต้องการของคุณ
แต่สิ่งที่คุณไม่รู้คือ วัสดุ โครงสร้าง ที่มีจำหน่ายจริง ในท้องตลาด
การที่เค้าไม่ออกแบบตามที่คุณบอก เพราะเค้ามีจรรยาบรรณ มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองจะทำออกไป
ถ้าคุณเจอพวกที่ไม่สนใจสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับ ออกแบบไปตามที่คุณอยากได้ รับเงินอย่างเดียว คุณอาจจะต้องเสียใจภายหลัง
ปล. ขออภัยนะครับ คุณว่าเค้าอีโก้สูง ผมว่าคุณก็ไม่แพ้กันนะครับ ขออภัยที่พูดตรง
แล้ววันหนึ่งคุณก็จะนึกว่าคนออกแบบว่า ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นนะ
สถาปนิก เค้ามีประสบการณ์ในการออกแบบบ้านมา ทั้งจากตำรา ทั้งจากประสบการณ์
แม้ว่าคุณจะมีประสบการณ์ในการใช้งานบ้านมาครึ่งร้อย แต่คุณก็คงไม่ได้ย้ายบ้านใหม่ เท่ากับสถาปนิกออกแบบบ้านมา
เพราะสิ่งที่คุณรู้คือการใช้งานของคุณ ความต้องการของคุณ
แต่สิ่งที่คุณไม่รู้คือ วัสดุ โครงสร้าง ที่มีจำหน่ายจริง ในท้องตลาด
การที่เค้าไม่ออกแบบตามที่คุณบอก เพราะเค้ามีจรรยาบรรณ มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองจะทำออกไป
ถ้าคุณเจอพวกที่ไม่สนใจสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับ ออกแบบไปตามที่คุณอยากได้ รับเงินอย่างเดียว คุณอาจจะต้องเสียใจภายหลัง
ปล. ขออภัยนะครับ คุณว่าเค้าอีโก้สูง ผมว่าคุณก็ไม่แพ้กันนะครับ ขออภัยที่พูดตรง
ความคิดเห็นที่ 16
ลองลดความยึดมั่นลงทั้ง 2 ทางดีมั้ยครับ เพราะว่า การทำงานแบบนี้ ต้องอาศัยทั้ง 2 ฝ่ายครับ ผมออกแบบบ้านให้ลูกค้ามาหลายเจ้า ทุกคนมีบ้านในฝันครับ และผมก็เคารพในความต้องการและความชอบส่วนบุคคลนะครับ ผมจะชี้แจงข้อดีข้อเสีย จุดบกพร่อง ต่างๆ ให้ลูกค้าตัดสินใจ(หากเป็นส่วนทีไม่ได้มีปัญหามาก) แต่ถ้าจุดใหนที่มีผลกับการก่อสร้าง และการใช้งาน รวมทั้งเสี่ยงต่อ "อันตราย" ผมจะไม่ทำให้แน่นอนครับ และบอกเหตุผลด้วย
งานแบบนี้ใช้เวลาครับ มากน้อย แล้วแต่เคส ผมมีตั้งแต่ 2 เดือน ถึง 2 ปี (พี่งออกแบบเสร็จไป คุยกันมา 2 ปี ครึ่งได้แล้ว T T) ตรงนี้ สถาปนิกมีหน้าที่ เอาความชอบ ความต้องการ และการใช้งานของคุณมา "ยำ" กันให้ลงตัว กลมกล่อมที่่สุด หลายคนเคยถามว่า สถาปนิกมีไว้ทำใม ในเมื่อเรามีสิ่งที่เราต้องการหมดแล้ว รู้ว่าอยากได้อะไร รู้ว่าจะใช้อะไรเท่าไร่(พื้นที่) แต่คุณก็เอามันมารวมกันไม่ได้ และทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ก่อสร้างจริงไม่ได้ใช่มั้ยครับ นั่นแหละหน้าที่เรา ผมจะไม่พุดว่า สถาปนิก เป็นอาชีพขายฝัน นั่นเป็นมุมมองของคนที่ไม่ได้ทำงานนี้จริงๆ(รวมถึงสถาปนิกบางคน) แต่เรามีหน้าที่ "เติมเต็ม" ความฝันของลูกค้าเรา และดูแล "ชีวิต" ลูกค้า ตราบเท่าที่อาคารนี้ยังคงอยู่ ผมจะดีใจมากที่สุดทุกครั้งที่ผมถามลูกค้าว่า "อยู่แล้วมีความสุขมั้ยครับ" แล้วเค้าตอบกลับมาว่า "อยู่แล้วมีความสุขครับ/ค่ะ"
ถ้าจะให้ดี ก็อย่างที่บางคอมเม้นด้านบนบอกครับ ให้เค้าทำ ไปจนถึงการออกแบบ พรีริม (Prelim) ซึ่งคุณจะได้เห็นรูปร่างหน้าตา เสมือนจริง (ใช้เสมือนเพราะก่อสร้างจริงอาจจะมีผิดหรือเพี้ยนบ้างจากข้อจำกัดต่างๆ เช่น วัสดุ ฝีมือช่างหรืออื่นๆ หรือไม่ก็ ตอนทำ 3d นั้น ไม่ได้ทำแบบขึ้นงานจริง) แล้วคุณก็จะได้เห็น ภาพ "บ้านในฝัน" ของคุณเองจริงๆเป็นครั้งแรก (ก่อนนี้อยู่ในจินตนาการตลอด ซึ่งอาจจะเหมือน หรือไม่เหมือนก็ได้) และแน่นอน การจะไปถึงขั้นนั้น มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายครับ เค้าก็ทำงานเช่นกัน แม้จะไม่ถูกใจคุณก็ตาม เมื่อถึงจุดนั้น อาจจะมีการปรับอีก 2-3 ครั้ง ได้ แล้วแต่การตกลง ถ้าไม่พอใจ ก็ยุติงานออกแบบครับ และจ่ายถึงส่วน design develop ซึ่งตรงนี้ ก็จะมีการเรียกเก็บ ราวๆ 40-70% แล้วแต่การแบ่งงวด เพราะว่า ถ้ามาถึงตรงนี้ มันก็เกือบจะเอาไปก่อสร้างได้แล้วครับ (สถาปนิก อาจจะต้องเริ่มจ่ายค่าวิศวกรแล้วในบางกรณี) แต่ถ้าแก้แล้วพอใจ (อาจจะไม่ 100% แต่ก็ใกล้เคียง หรือลงตัวที่สุดแล้ว) ก้ทำงานกันต่อจนจบครับ
ส่วนเรื่องระเบียง อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับการจัดการ หากไม่มีระเบียง ก็ต้องมีที่วาง คอนเดนซิ่งแอร์ครับ หรือถ้าแปะผนัง มันไม่สวย ทางคุณโอเคมั้ย ถ้าคุณโอเค ก็เป็นน่าที่สถาปนิกแล้วว่า จะทำยังไงให้ดูโอเคสุด หรือจะซ่อนไว้มุมใหนได้บ้าง มันเป็นการแก้ปัญหา ซึ่งมันก็จะไม่สวย 100% อย่างที่ต้องการของทั้ง 2 ฝ่าย และอีกอย่าง การแปะผนังเฉยๆ บนชั้น 2 หรือสูงกว่านั้น การซ่อมแซม หรือซ่อมบำรุงจะทำได้ยาก และอาจจะเลอะตัวบ้าน (ซึ่งช่างแอร์เค้าไม่ได้แคร์สักเท่าไหร่ในบางราย) เพราะฉนั้น สถาปนิกหลายๆคน เลยบอกว่า ควรจะมีระเบียงครับ
เรื่องของหลังคาโรงรถ ที่สถาปนิกบอกแบบนั้น มันเป็นมุมมองเรื่องของความสวยงามครับ ว่ามันเข้ากันมั้ย ยังไง และเป็น "ความรับผิดชอบต่อสังคม" ในการสร้างบรรยกาศของชุมชนครับ สร้างมาไม่สวย คนก็บ่นครับหรือบางงาน อาจจะกลาายเป็น "มลพิษทางสายตา" ไปเลยก็มี เมืองนอกบางเมือง มีการกำหนด "รูปแบบ" ของอาคารไว้ด้วยซ้ำครับ ทำนอกนั้นไม่ได้ เพราะฉนั้น ตรงนี้ ก็อยุ่ที่ว่า จะยอมกันได้ยังไงบ้าง อย่างลูกค้าผมอยากได้บ้านกล่องเลย จะทำหลังคา slab ผมก็บอกข้อเสียไป และทำบ้านกล่องให้ โดยที่มีหลังคาอยู่ มันเป็นจุดที่ต้องคุยกันให้ลงตัวครับ
เพราะฉนั้น ถ้าคุณจะหา สถาปนิกที่ "ตามใจ" คุณทั้งหมดนั้น คงหาได้ยากครับ และถ้ามีใครบอกว่า "ได้ครับ" ผมก็แนะนำว่าให้ออกห่างจากเค้าครับ เพราะหากมีอะไร เค้าก็จะบอกว่า "ก็คุณต้องการแบบนี้เอง" มันจะจบกันไม่สวยครับผม
ส่วนเรื่อง ระยะโครงสร้างที่เหมาะสม อันนี้ผมไม่พูดมากครับ เพราะไม่รู้รายละเอียดต่างๆ แต่ที่บอกได้คือ การสร้างโครงสร้างที่ "ไม่ปกติ" เช่น กว้างกว่า 4 เมตร เป็น 5 6 7 เมตร จะเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะ ถ้าเกิน 6 เมตร เหล็กยาว 6 เมตร และจริงๆแล้ว ไม่ควรเกิน 5.5(หักลบระยะงอเหล็กในหลายๆจุด) เพราะต้องมีการต่อเหล็ก และต่อสั้นๆ เปลืองกว่าต่อ ยาวๆครับ กรณี 6 เมตร อาจจะต้องต่อ 50 เซ็น แต่เหล็กที่ต้องต่อ ต้องยาวราวๆ 1 เมตรเป็นขั้นต่ำ (เพราะต้องมีระยะซ้อนทับของเหล็ก) ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้น จะทำให้ราคาค่าก่อสร้าง สูงเกินที่ควรจะเป็นครับ (อาจจะมากกว่าราคาต่อตารางเมตรปกติ ไปอีก 20-30%)
สุดท้าย ก็ขอให้คุณ จขกท ได้เจอสถาปนิกที่ดี และพูดคุยกันได้นะครับ ไม่อยากให้ไปหาเทศบาล/เขต และพวกมือปืนที่ไม่ได้เป็นสถาปนิกจริงๆครับผม เพราะไม่รู้ว่าจะเจอแบบใหน (ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจะจบสวยครับ)
งานแบบนี้ใช้เวลาครับ มากน้อย แล้วแต่เคส ผมมีตั้งแต่ 2 เดือน ถึง 2 ปี (พี่งออกแบบเสร็จไป คุยกันมา 2 ปี ครึ่งได้แล้ว T T) ตรงนี้ สถาปนิกมีหน้าที่ เอาความชอบ ความต้องการ และการใช้งานของคุณมา "ยำ" กันให้ลงตัว กลมกล่อมที่่สุด หลายคนเคยถามว่า สถาปนิกมีไว้ทำใม ในเมื่อเรามีสิ่งที่เราต้องการหมดแล้ว รู้ว่าอยากได้อะไร รู้ว่าจะใช้อะไรเท่าไร่(พื้นที่) แต่คุณก็เอามันมารวมกันไม่ได้ และทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ก่อสร้างจริงไม่ได้ใช่มั้ยครับ นั่นแหละหน้าที่เรา ผมจะไม่พุดว่า สถาปนิก เป็นอาชีพขายฝัน นั่นเป็นมุมมองของคนที่ไม่ได้ทำงานนี้จริงๆ(รวมถึงสถาปนิกบางคน) แต่เรามีหน้าที่ "เติมเต็ม" ความฝันของลูกค้าเรา และดูแล "ชีวิต" ลูกค้า ตราบเท่าที่อาคารนี้ยังคงอยู่ ผมจะดีใจมากที่สุดทุกครั้งที่ผมถามลูกค้าว่า "อยู่แล้วมีความสุขมั้ยครับ" แล้วเค้าตอบกลับมาว่า "อยู่แล้วมีความสุขครับ/ค่ะ"
ถ้าจะให้ดี ก็อย่างที่บางคอมเม้นด้านบนบอกครับ ให้เค้าทำ ไปจนถึงการออกแบบ พรีริม (Prelim) ซึ่งคุณจะได้เห็นรูปร่างหน้าตา เสมือนจริง (ใช้เสมือนเพราะก่อสร้างจริงอาจจะมีผิดหรือเพี้ยนบ้างจากข้อจำกัดต่างๆ เช่น วัสดุ ฝีมือช่างหรืออื่นๆ หรือไม่ก็ ตอนทำ 3d นั้น ไม่ได้ทำแบบขึ้นงานจริง) แล้วคุณก็จะได้เห็น ภาพ "บ้านในฝัน" ของคุณเองจริงๆเป็นครั้งแรก (ก่อนนี้อยู่ในจินตนาการตลอด ซึ่งอาจจะเหมือน หรือไม่เหมือนก็ได้) และแน่นอน การจะไปถึงขั้นนั้น มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายครับ เค้าก็ทำงานเช่นกัน แม้จะไม่ถูกใจคุณก็ตาม เมื่อถึงจุดนั้น อาจจะมีการปรับอีก 2-3 ครั้ง ได้ แล้วแต่การตกลง ถ้าไม่พอใจ ก็ยุติงานออกแบบครับ และจ่ายถึงส่วน design develop ซึ่งตรงนี้ ก็จะมีการเรียกเก็บ ราวๆ 40-70% แล้วแต่การแบ่งงวด เพราะว่า ถ้ามาถึงตรงนี้ มันก็เกือบจะเอาไปก่อสร้างได้แล้วครับ (สถาปนิก อาจจะต้องเริ่มจ่ายค่าวิศวกรแล้วในบางกรณี) แต่ถ้าแก้แล้วพอใจ (อาจจะไม่ 100% แต่ก็ใกล้เคียง หรือลงตัวที่สุดแล้ว) ก้ทำงานกันต่อจนจบครับ
ส่วนเรื่องระเบียง อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับการจัดการ หากไม่มีระเบียง ก็ต้องมีที่วาง คอนเดนซิ่งแอร์ครับ หรือถ้าแปะผนัง มันไม่สวย ทางคุณโอเคมั้ย ถ้าคุณโอเค ก็เป็นน่าที่สถาปนิกแล้วว่า จะทำยังไงให้ดูโอเคสุด หรือจะซ่อนไว้มุมใหนได้บ้าง มันเป็นการแก้ปัญหา ซึ่งมันก็จะไม่สวย 100% อย่างที่ต้องการของทั้ง 2 ฝ่าย และอีกอย่าง การแปะผนังเฉยๆ บนชั้น 2 หรือสูงกว่านั้น การซ่อมแซม หรือซ่อมบำรุงจะทำได้ยาก และอาจจะเลอะตัวบ้าน (ซึ่งช่างแอร์เค้าไม่ได้แคร์สักเท่าไหร่ในบางราย) เพราะฉนั้น สถาปนิกหลายๆคน เลยบอกว่า ควรจะมีระเบียงครับ
เรื่องของหลังคาโรงรถ ที่สถาปนิกบอกแบบนั้น มันเป็นมุมมองเรื่องของความสวยงามครับ ว่ามันเข้ากันมั้ย ยังไง และเป็น "ความรับผิดชอบต่อสังคม" ในการสร้างบรรยกาศของชุมชนครับ สร้างมาไม่สวย คนก็บ่นครับหรือบางงาน อาจจะกลาายเป็น "มลพิษทางสายตา" ไปเลยก็มี เมืองนอกบางเมือง มีการกำหนด "รูปแบบ" ของอาคารไว้ด้วยซ้ำครับ ทำนอกนั้นไม่ได้ เพราะฉนั้น ตรงนี้ ก็อยุ่ที่ว่า จะยอมกันได้ยังไงบ้าง อย่างลูกค้าผมอยากได้บ้านกล่องเลย จะทำหลังคา slab ผมก็บอกข้อเสียไป และทำบ้านกล่องให้ โดยที่มีหลังคาอยู่ มันเป็นจุดที่ต้องคุยกันให้ลงตัวครับ
เพราะฉนั้น ถ้าคุณจะหา สถาปนิกที่ "ตามใจ" คุณทั้งหมดนั้น คงหาได้ยากครับ และถ้ามีใครบอกว่า "ได้ครับ" ผมก็แนะนำว่าให้ออกห่างจากเค้าครับ เพราะหากมีอะไร เค้าก็จะบอกว่า "ก็คุณต้องการแบบนี้เอง" มันจะจบกันไม่สวยครับผม
ส่วนเรื่อง ระยะโครงสร้างที่เหมาะสม อันนี้ผมไม่พูดมากครับ เพราะไม่รู้รายละเอียดต่างๆ แต่ที่บอกได้คือ การสร้างโครงสร้างที่ "ไม่ปกติ" เช่น กว้างกว่า 4 เมตร เป็น 5 6 7 เมตร จะเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะ ถ้าเกิน 6 เมตร เหล็กยาว 6 เมตร และจริงๆแล้ว ไม่ควรเกิน 5.5(หักลบระยะงอเหล็กในหลายๆจุด) เพราะต้องมีการต่อเหล็ก และต่อสั้นๆ เปลืองกว่าต่อ ยาวๆครับ กรณี 6 เมตร อาจจะต้องต่อ 50 เซ็น แต่เหล็กที่ต้องต่อ ต้องยาวราวๆ 1 เมตรเป็นขั้นต่ำ (เพราะต้องมีระยะซ้อนทับของเหล็ก) ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้น จะทำให้ราคาค่าก่อสร้าง สูงเกินที่ควรจะเป็นครับ (อาจจะมากกว่าราคาต่อตารางเมตรปกติ ไปอีก 20-30%)
สุดท้าย ก็ขอให้คุณ จขกท ได้เจอสถาปนิกที่ดี และพูดคุยกันได้นะครับ ไม่อยากให้ไปหาเทศบาล/เขต และพวกมือปืนที่ไม่ได้เป็นสถาปนิกจริงๆครับผม เพราะไม่รู้ว่าจะเจอแบบใหน (ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจะจบสวยครับ)
แสดงความคิดเห็น
อยากได้สถาปนิกที่ตามใจเรา เรื่องแบบบ้านค่ะ
พร้อมกำหนดความกว้างยาว ทั้งสองชั้น เชียนร่างเองตามประโยชน์ และ การใช้สอย ความเป็นต้องการ และความเป็นอยู่ของตัวเอง และคนอาศัย เนื้อที่ดิน 170 ตรว.
แต่จ้างสถาปนิกมา 2 คนแล้ว เขาก็จะขัดใจ และไม่ยอมทำตามแบบที่ดิฉันร่างให้ บอกว่า ขัดกับสถาปัตยกรรม บ้าง ไม่สวยบ้าง
ทิศทางแดด ลม ไม่ได้บ้าง เช่น ดิฉันไม่ชอบกระจกแบบยาวสูงเต็มพื้นที่ เพราะไม่ชอบแสง ไม่ชอบให้บ้านชั้นบนมีระเบียง เขาก็ขัด
บอกว่าต้องมีระเบียงเอาไว้วางแอร์ และทำเซอร์วิส ดิฉันอยากได้ขนาดตัวบ้านยาว 7 ม. เขาก็บอกไม่ได้ เพราะจะทำให้มีเสาในบ้าน
ไม่สวย ดิฉันบอกไม่เป็นไร มีก็มีไป เดี๋ยวจะจัดบิ้วอินให้สวย ๆ ก็ไม่ยอม บอกต้องเพิ่มคาน และขนาดเสา และค่าใช้จ่าย เขาก็บอก
ไม่ใช่เรื่องจำเป็น พอมาถึงโรงรถดิฉันจะทำด้วยกระเบื้องหลังคาโมเนีย หรือซีแพคทั่ว ไปที่เป็นหลังคาหน้าจั่ว เขาก็บอกไม่สวยไม่รับ
กับบ้าน วาดแบบออกมาให้เป็นหลังคาเทปูนปั้น กลุ้มใจค่ะ ทำไมสถานปิกเป็นแบบนี้มา 2 คน แล้ว
ดิฉันบอกว่า ต้องสร้างบ้านของดิฉัน ๆ ชอบ และสวยของดิฉันแบบนี้ อยู่แล้วมีความสุขแบบนี้ อายุเข้าไปจะครึ่งร้อยแล้ว รุ้
ดีว่าอะไรสวย อะไรทันสมัย ทิศทางลมแดด มาทางไหน เข้าใจได้ดี โดยเฉพาะกับบ้านที่อยู่ปัจจุบัน
จะไปจ้างคนเขียนแบบทั่วไปที่ไม่รู้จัก ก็กลัวว่าเขียนแล้ว พอส่งแบบไปขออนุญาติไม่ผ่าน คราวนี้รับเงินไปหมดแล้วไม่ยอมแก้งาน
ให้ต้องให้คนรู้จักกันหาสถานปิกให้ เฮ้อ. แต่ละคน Ego สูงแรงมาก ๆ ไม่รู้ทำไมอุดมการณ์กันขนาดนี้ เสียเงิน แล้วก็เสียเวลาทั้งสองฝ่ายทุกครั้งที่ให้แก้ไขแบบ ก็เอากลับมาแบบที่เขาออกแบบ แต่แบบที่กำหนดให้ไปไม่ยอมทำ
มีใครรู้จัก สถาปนิกใจดี ยอมตามใจคนอยากมีบ้านในฝัน ของตัวเองบ้างไหมค่ะ