... ผมขอพักกระทู้ลำดับเหตุการณ์ทางการเมืองไว้สักนิดนะครับ
คือผมก็อยากจะระบายความในใจเกี่ยวกับเรื่องการเมืองไทยในปัจจุบันนี้ ครั้นการเมืองในอดีตผมก็ไม่ได้สัมผัสถึงความเป็นไปในช่วงเวลา
นั้น เพราะตอนนี้ผมอายุเพียง 19 ปี (ก็เกิดไม่ทันอะเนอะ) แต่ก็หาอ่านประวัติศาสตร์ทางการเมืองเอาได้ ไม่ว่าจะเป็นในหนังสือ ในอินเทอร์เน็ต
หรือ แม้กระทั้งฟังปราศรัยการเมืองของกลุ่มของฝ่ายต่างๆ ก็สามารถพอจะสัมผัสความรู้สึกนึกคิดของประชาชนในช่วงนั้นๆได้
ผมรู้สึกไม่ค่อยดีกับทัศนคติทางการเมืองในเพื่อนรุ่นๆเดียวกับผม ซึ่งต่างจากอดีตมากที่นิสิตนักศึกษามีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหว
ทางการเมือง ไมว่าจะเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลา 16, 6 ตุลา 19 บทบาทของนิสิต นักศึกษา นักเรียนอาชีวะ มีมากในช่วงนั้น ผมยังดีใจที่ รุ่นพ่อ
รุ่นลุง ได้มีส่วนร่วมเรียกร้องให้เรามีประชาธิปไตย แต่กลับมายุคนี้สมัยนี้ในการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษากลับสูญหายไปในการเคลื่อนไหว
ทางการเมือง สังเกตุจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆไม่ว่าจะเป็น นปช. หรือ พธม. ก็ตาม จะเป็นพวกสตรี ผู้เฒ่าผู้แก่ ด้วยความเคารพครับผม
เห็นภาพเหล่านั้น มันเจ็บมากๆ รู้สึกเสียใจมากๆ ทำไมคนมีเรี่ยวมีแรงอย่างคนหนุ่มๆอย่างรุ่นพวกผมกลับนิ่งเฉยกับเหตุบ้านการเมือง กลับกลาย
เป็นคนที่เรียกร้องประชาธิปไตยคือ "หนุ่มสาวเหตุการณ์คนเดือนตุลา" เวลาผมพูดจาการเมืองกับคนรุ่นเดียวกันนั้น บอกได้อย่างเต็มปากเลย
ร้อยละ 90 - 95 บอกว่าไม่ดูการเมือง ดูไม่เป็น จะดูทำไมมัน "ไม่ใช่เรื่องของเรา" คนที่พูดจาภาษาการเมืองในหมู่หนุ่มสาวสมัยนี้กลับมาว่าเป็น
คนประหลาดไป
ผมจะพูดในส่วนอีก 5 -10 เปอร์เซ็นที่ดูการเมืองแล้วกันนะ ส่วนนี้ก็แบ่งกันไปอีกว่าชอบฝ่ายนู้นฝ่ายนี้ ผมก็ถามเพื่อนคนหนึ่งว่า เออทำไม
ถึงชอบกลุ่มนี้หละ เพื่อนผมก็ตอบกลับมาเลยครับว่า "พ่อแม่ไม่ชอบอีกกลุ่มหนึ่ง" แล้วก็ถูกป้อนข้อมูลว่า "ฝ่ายนู้นโกง" "ฝ่ายนี้ขายชาติ" ผม
บอกได้เลยครับว่าเพื่อนผมคนนี้ "เสื้อเหลือง" แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าเค้าจะเป็นเสื้อสีอะไรหรอกนะ (เพราะส่วนตัวผมเองก็มีสีเสื้อแต่ผมก็พร้อมจะ
ถอดเสื้อสีนี้ออก ถ้าอุดมการณ์ของสีเสื้อนี้ผิดแปลกไป) แต่ผมคิดว่าผมเสียใจที่เค้าดูการเมืองจากการที่พ่อแม่ชอบอะไรก็เลยชอบตาม เพราะ
เวลาผมคุยกับเพื่อนคนนี้ บอกได้เลยว่าไม่มีหลักไม่มีการ พูดกับผมเพียงว่า "ทักษิณมันโกง" มันเป็นการดูการเมืองจากการชี้นำในครอบครัว ก็
ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ มันเป็นสิทธิของทุกคนอยู่แ้ล้วที่จะคิดจะอ่านอย่างไร พอผมก้าวมามหาวิทยาลัยก็คิดว่าคงคงจะมีคนพูดจาปราศรัย
การเมืองกันได้เยอะขึ้น แต่ป่าวเลยครับเหมือนสมัยมัธยมของผม ผมก็เลยคิดย้อนและทบทวนถึงสาเหตุว่าทำไม คนหนุ่มสาวสมัยนี้เป็นแบบนี้
กันไปหมด หรือผมเป็นตัวประหลาดจริงๆที่ดูการเมือง ผมเคยคิดเคยฝันนะว่าผมอยากจะมีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองในระดับมหาวิทยาลัย
แต่มันก็คงเป็นได้แต่ฝันต่อไป
ความรู้สึกของเด็กอายุ 19
คือผมก็อยากจะระบายความในใจเกี่ยวกับเรื่องการเมืองไทยในปัจจุบันนี้ ครั้นการเมืองในอดีตผมก็ไม่ได้สัมผัสถึงความเป็นไปในช่วงเวลา
นั้น เพราะตอนนี้ผมอายุเพียง 19 ปี (ก็เกิดไม่ทันอะเนอะ) แต่ก็หาอ่านประวัติศาสตร์ทางการเมืองเอาได้ ไม่ว่าจะเป็นในหนังสือ ในอินเทอร์เน็ต
หรือ แม้กระทั้งฟังปราศรัยการเมืองของกลุ่มของฝ่ายต่างๆ ก็สามารถพอจะสัมผัสความรู้สึกนึกคิดของประชาชนในช่วงนั้นๆได้
ผมรู้สึกไม่ค่อยดีกับทัศนคติทางการเมืองในเพื่อนรุ่นๆเดียวกับผม ซึ่งต่างจากอดีตมากที่นิสิตนักศึกษามีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหว
ทางการเมือง ไมว่าจะเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลา 16, 6 ตุลา 19 บทบาทของนิสิต นักศึกษา นักเรียนอาชีวะ มีมากในช่วงนั้น ผมยังดีใจที่ รุ่นพ่อ
รุ่นลุง ได้มีส่วนร่วมเรียกร้องให้เรามีประชาธิปไตย แต่กลับมายุคนี้สมัยนี้ในการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษากลับสูญหายไปในการเคลื่อนไหว
ทางการเมือง สังเกตุจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆไม่ว่าจะเป็น นปช. หรือ พธม. ก็ตาม จะเป็นพวกสตรี ผู้เฒ่าผู้แก่ ด้วยความเคารพครับผม
เห็นภาพเหล่านั้น มันเจ็บมากๆ รู้สึกเสียใจมากๆ ทำไมคนมีเรี่ยวมีแรงอย่างคนหนุ่มๆอย่างรุ่นพวกผมกลับนิ่งเฉยกับเหตุบ้านการเมือง กลับกลาย
เป็นคนที่เรียกร้องประชาธิปไตยคือ "หนุ่มสาวเหตุการณ์คนเดือนตุลา" เวลาผมพูดจาการเมืองกับคนรุ่นเดียวกันนั้น บอกได้อย่างเต็มปากเลย
ร้อยละ 90 - 95 บอกว่าไม่ดูการเมือง ดูไม่เป็น จะดูทำไมมัน "ไม่ใช่เรื่องของเรา" คนที่พูดจาภาษาการเมืองในหมู่หนุ่มสาวสมัยนี้กลับมาว่าเป็น
คนประหลาดไป
ผมจะพูดในส่วนอีก 5 -10 เปอร์เซ็นที่ดูการเมืองแล้วกันนะ ส่วนนี้ก็แบ่งกันไปอีกว่าชอบฝ่ายนู้นฝ่ายนี้ ผมก็ถามเพื่อนคนหนึ่งว่า เออทำไม
ถึงชอบกลุ่มนี้หละ เพื่อนผมก็ตอบกลับมาเลยครับว่า "พ่อแม่ไม่ชอบอีกกลุ่มหนึ่ง" แล้วก็ถูกป้อนข้อมูลว่า "ฝ่ายนู้นโกง" "ฝ่ายนี้ขายชาติ" ผม
บอกได้เลยครับว่าเพื่อนผมคนนี้ "เสื้อเหลือง" แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าเค้าจะเป็นเสื้อสีอะไรหรอกนะ (เพราะส่วนตัวผมเองก็มีสีเสื้อแต่ผมก็พร้อมจะ
ถอดเสื้อสีนี้ออก ถ้าอุดมการณ์ของสีเสื้อนี้ผิดแปลกไป) แต่ผมคิดว่าผมเสียใจที่เค้าดูการเมืองจากการที่พ่อแม่ชอบอะไรก็เลยชอบตาม เพราะ
เวลาผมคุยกับเพื่อนคนนี้ บอกได้เลยว่าไม่มีหลักไม่มีการ พูดกับผมเพียงว่า "ทักษิณมันโกง" มันเป็นการดูการเมืองจากการชี้นำในครอบครัว ก็
ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ มันเป็นสิทธิของทุกคนอยู่แ้ล้วที่จะคิดจะอ่านอย่างไร พอผมก้าวมามหาวิทยาลัยก็คิดว่าคงคงจะมีคนพูดจาปราศรัย
การเมืองกันได้เยอะขึ้น แต่ป่าวเลยครับเหมือนสมัยมัธยมของผม ผมก็เลยคิดย้อนและทบทวนถึงสาเหตุว่าทำไม คนหนุ่มสาวสมัยนี้เป็นแบบนี้
กันไปหมด หรือผมเป็นตัวประหลาดจริงๆที่ดูการเมือง ผมเคยคิดเคยฝันนะว่าผมอยากจะมีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองในระดับมหาวิทยาลัย
แต่มันก็คงเป็นได้แต่ฝันต่อไป