เด็กไทยบอกว่า ถ้าโกง ต้องประหาร 7 ชั่วโครต หมายความว่าอย่างไร?

กระทู้ข่าว

กู้2.2ล้านล้านโกงได้ ‘โต้ง’อ้างเป็นโครงการใหญ่เยาวชนชงตัดหัว7ชั่วโคตร



“โต้งไวท์ไล” มาแล้ว ประกาศชัด โครงการเลดี้กูกู้ 2.2 ล้านล้านบาท มีโกงแน่ มาตรการดูแลสุดทะยิ้ม ให้ผู้บริหารงบประมาณมีผลตอบแทนจูงใจ! “ชัชชาติ” วาดฝัน 7-10 ปีข้างหน้าลงทุนเสร็จ จัดเก็บภาษีรถเข้าเมืองเหมือนสิงคโปร์ “กล้านรงค์” เผยเยาวชนชงตัดหัวเจ็ดชั่วโคตรปราบทุจริต “สภาสูง” ซัดจำนำข้าว 3 ก. “โกหก-โกง-ก่อหายนะ” โกร่งย้ำต้องเลิกใช้เงินภาษีอุ้มข้าว

   นายกิตติรัตน์ยังยอมรับถึงกรณีที่หลายฝ่ายกังวลเกี่ยวกับการทุจริตในโครงการว่า อาจเกิดขึ้นได้ เพราะเป็นโครงการลงทุนก่อสร้างขนาดใหญ่ แต่รัฐบาลจะพยายามควบคุมดูแลอย่างเต็มที่ โดยได้เตรียมการดูแลไว้ 2 ด้าน คือ 1.ผู้มีอำนาจบริหารงบประมาณต้องได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมไม่จูงใจให้เกิดการทุจริตขึ้น และ 2.จะนำระบบการจัดซื้อจัดจ้างรูปแบบใหม่มาใช้ ซึ่งจะเปิดเผยราคากลางแก่กรมบัญชีกลาง และเผยแพร่ข้อมูลแก่สาธารณชนผ่านทางเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง

   “การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทมาใช้ในโครงการต่างๆ จะโปร่งใส ภาคเอกชนและประชาชนต้องแยกปัญหาการทุจริตกับการลงทุนออกจากกัน ส่วนของการทุจริตทุกฝ่ายก็จะช่วยกันร่วมตรวจสอบได้ ในด้านการลงทุนก็จะทำความชัดเจนเกี่ยวกับราคากลางและคุณภาพวัสดุก่อสร้างให้สอดคล้องกัน ไม่มีส่วนต่างสูงจนเกินไป เพื่อไม่ให้ผู้รับเหมาโครงการมีช่องทางการทำทุจริต” นายชัชชาติกล่าว

    “วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่ 78% เป็นการลงทุนระบบราง นอกจากนี้ยังมีการลงทุนปรับปรุงโครงข่ายถนนอีก 400,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินที่อาจมองว่าสูงถึง 2 ล้านล้านบาท หากพิจารณาช่วงเวลาลงทุนนาน 7 ปี จะพบว่าแต่ละปีลงทุนเฉลี่ยปีละ 300,000 ล้านบาท หรือ 2% ของจีดีพีเท่านั้น น้อยกว่าวงเงินลงทุนของภาคเอกชนอีก” นายชัชชาติกล่าว
อ้างแม้วยังใช้หนี้หมดก่อนกำหนด

    นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากยังจำกันได้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บริหารงานสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด ดังนั้นเชื่อว่าความสามารถของรัฐบาลในอนาคตข้างหน้า หนี้ 2 ล้านล้านบาท อาจไม่ต้องใช้เวลานานอาจใช้ได้หมด และการกู้ครั้งนี้ต่างจากการกู้ครั้งก่อน เพราะเป็นการกู้ที่ก่อให้เกิดรายได้ ลดต้นทุนการขนส่งของประเทศที่มีปัญหาเรื้อรังมานาน


    ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องจับตาดูรายละเอียดของร่างกฎหมายว่าเป็นอย่างไร หากเนื้อหาระบุถึงเงินงวดแรกที่จะใช้ยอดเพียงแค่ 1 หมื่นล้านบาท ก็ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน แต่สำคัญกว่านั้นคือ เงินดังกล่าวสามารถจัดทำในงบประมาณปกติได้ โดยไม่จำเป็นต้องออกเป็นกฎหมายกู้เงิน และยิ่งระบุว่ากู้ในเวลา 7 ปี เฉลี่ยแล้วปีละประมาณ 3 แสนล้านบาท ก็อยู่ในวิสัยจัดสรรในงบประมาณปกติแต่ละปีได้

@อันนี้ผมเห็นด้วยนะ ก็ตั้งงบประมาณปีต่อได้อยู่แล้วนี่นา กลัวแบบของเก่าๆ ผมว่า มีวาระอะไรหรือเปล่า คนเขาสงสัยกันอ่ะ

    นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) กล่าวว่า เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท แต่ต้องการให้กู้เงินภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งต้องการเห็นความความโปร่งใสและความต่อเนื่องการลงทุนด้วย เพราะจะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ลงได้ จากปัจจุบันที่มีต้นทุน 17-18% ของจีพีดี

    นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงผลโพลที่ระบุคนไทยส่วนใหญ่รับได้กับการทุจริตว่า เป็นการถามที่ขัดกับตรรกะความเป็นจริง เพราะ ป.ป.ช.ไปทำผลสำรวจทัศนคตินักเรียน-นักศึกษา ที่เป็นเยาวชนรุ่นใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่ยังยึดมั่นในหลักศีลธรรม เคารพกฎหมาย รังเกียจการคอรัปชั่น และเรียกร้องให้เพิ่มโทษทางกฎหมายผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะผลสำรวจเรื่องวิธีกำจัดคอรัปชั่นให้หมดจากแผ่นดิน ที่ให้เขียนวิธีลงโทษเอง ปรากฏว่า นักเรียน-นักศึกษาเสนอให้ลงโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 7 ชั่วโคตร มาเป็นลำดับหนึ่ง เพราะจะได้เป็นแบบอย่างไม่ให้มีใครคิดทำอีก

@ไม่ยอมบอกว่าโรงเรียนไหนอ่ะ ปลื้มจุงเบยยยยย


ซัดจำนำข้าว “3 ก.”

    วันเดียวกัน ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโนบายจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาล โดยก่อนการประชุมวุฒิสภา นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา ได้หารือถึงเรื่องนี้ว่า เป็นโครงการ 3 ก. คือ 1.ก.โกหก เพราะผูกขาดทั้งซื้อและขายไม่ใช่รับจำนำ อีกทั้งปกปิดตัวเลขระบายข้าว 2.ก.โกง คือ ประกาศรับจำนำ 15,000 บาทต่อเกวียน แต่ข้อเท็จจริงชาวนาได้เพียง 11,000 บาท และยังลักลอบนำข้าวถูกมาขายและระบายในประเทศ ซึ่งถือเป็นการโกงกิน 3.ก.ก่อหายนะ ไม่มีลูกค้าคนไหนซื้อขายเกินตันละ 15,000 บาท ฉะนั้นรัฐบาลต้องขายขาดทุนเท่านั้น เท่ากับว่าพินาศไปแล้วปีละ 2.5 แสนล้านบาท 4 ปี คือ 1 ล้านล้านบาท

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


    นายประสารยังอ้างถึงนายทรง องค์ชัยวัฒนะ ผู้ก่อตั้งตลาดกลางค้าข้าวแห่งแรกในประเทศไทย ที่ระบุว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะซื้อข้าวเกวียนละ 2-3 หมื่นบาทก็ได้ เพราะไม่ใช่เงินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่เป็นภาษีประชาชน แต่พอขายข้าวขาดทุน ก็เป็นเรื่องของคน 60 ล้านคนที่ต้องรับผิดชอบ และยังมีคำเตือนทั้งจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และอดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ แต่รัฐบาลกลับไม่ฟัง ยังเดินหน้าดันทุรังต่อไป อยากตั้งคำถามว่า ทำไมรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการทั้งที่มีเหวอยู่ข้างหน้า ถือเป็นประชานิยมบรรลัย เข้าทำนองว่าประเทศชาติยิ้มช่างมัน รัฐบาลเพียงต้องการคะแนนเสียงใช่หรือไม่

    นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว แถลงว่า ได้ตั้งประเด็นไต่สวนเอาไว้ตั้งแต่ความเป็นมาของโครงการ ซึ่งได้ขอเอกสารไป 11 รายการ ได้รับแล้ว 5 รายการ ขาดอีก 6 รายการ ส่วนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ขอไปทั้งหมด 10 รายการ ได้มาเพียง 1 รายการ ยังขาดอีก 9 รายการ ส่วนการสอบพยานบุคคล ขณะนี้ถือว่าสอบไปได้แล้วหลายปากแล้ว ส่วนสำเนาเช็คของพรรคประชาธิปัตย์ที่ส่งมาให้นั้น ในขั้นไต่สวนเราต้องได้เอกสารตัวจริงและเอกสารจากธนาคาร ซึ่งกำลังขอให้ธนาคารส่งตัวจริงมาให้ก่อนเชิญเจ้าของบัญชีมาสอบปากคำ
โกร่งย้ำเลิกอุ้มสินค้าเกษตร

@ตามข่าว น่าจะสืบเนื่องจาก ธนาคารโลกเตือนไทยเรื่องจำนำข้าว

       นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาเรื่องเปิดแนวรุกบุกเออีซีว่า รัฐควรยกเลิกการนำเงินภาษีประชาชนไปอุดหนุนสินค้าเกษตรที่จะลดการผลิต เช่น ข้าวนาปรัง เพราะต้นทุนปลูกข้าวของไทยเริ่มสูงกว่าเพื่อนบ้าน รวมถึงลดการผลิตพืชหลัก 6 ชนิด คือ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน อ้อย ข้าวโพด โดยควรนำเงินที่อุดหนุนสินค้าเกษตรดังกล่าวไปพัฒนาระบบชลประทาน

   "โลกเปลี่ยนไป เราไม่มีทางผลิตข้าวแข่งกับเวียดนาม พม่า หรือประเทศอื่นได้ และเราไม่ควรแข่ง เสียดายพื้นที่ และเสียดายเงิน ที่ต้องไปอุดหนุนสินค้าเกษตร เท่ากับไปอุดหนุนให้คนกินข้าวราคาถูกจากไทย เราควรผลิตของที่มีมูลค่า เพิ่มราคาได้มากกว่า” นายวีรพงษ์กล่าว

   ส่วนนายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธนาคารพร้อมดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปีการผลิต 2556 แล้ว โดยคาดว่าจะมีข้าวเปลือกเข้าร่วมในโครงการอยู่ 7 ล้านตัน คิดเป็นวงเงินที่ใช้รับจำนำ 1.05 แสนล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) จะเสนอ ครม.พิจารณาในวันที่ 19 มี.ค.นี้ หาก ครม.เห็นชอบ ก็จะดำเนินการโครงการได้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้เป็นต้นไป

   ส่วนความคืบหน้าโครงการรถคันแรก นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.การคลัง กล่าวถึงกรณีผู้ใช้สิทธิซื้อรถยนต์ในโครงการแจ้งขอสละสิทธิ์การเข้าร่วมกว่า 2 พันราย ว่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะรายมากกว่า ซึ่งหากพิจารณาตัวเลขที่ขอคืนสิทธินั้น ถือว่ายังน้อยมาก เมื่อเทียบกับผู้ขอใช้สิทธิ และในเดือน มิ.ย. จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนขึ้นมาพิจารณาปัญหาต่างๆ ในโครงการว่าควรแก้ไขหรือจัดการอย่างไร
   
    “ผมเข้าใจถึงสาเหตุการขอคืนสิทธิ แต่ยังคงตอบอะไรไม่ได้ชัดเจน คงต้องรอดูรายละเอียดให้ชัดเจนและลึกกว่านี้ก่อน เบื้องต้นทราบว่าผู้ที่มีปัญหาผ่อนชำระนั้น ไม่ได้เกิดจากภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไม่ดี หรือไม่มีกำลังในการผ่อนเลย แต่มีปัญหาผ่อนบางเดือนเท่านั้น ตรงนี้เองได้มอบนโยบายให้กรมสรรพสามิต และกรมบัญชีกลางเร่งเข้าไปหาแนวทางเพื่อให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว” นายทนุศักดิ์ระบุ.

credit: http://www.thaipost.net/news/190313/71096

============================================================

ก็มีหลายข่าวนะคาฟ เลือกอ่านกันได้

ที่ปลื้มที่สุดก็คือ ป.ป.ช.ไปทำผลสำรวจกับนักเรียน นักศึกษา(แต่ข่าวไม่แจ้งว่าที่ไหนหมายถึงกรุงเทพฯ หรือ ตจว.หรือรวมกันทั้งหมด)

แต่ทึ่งที่เด็กไทยบอกว่า ถ้าพบความผิด ต้องประหาร 7 ชั่วโคตร ถูกใจผมมั่กๆๆๆๆ

@@@ปู จะรอดถึงปีหน้าไหมเนี่ย เป็นห่วงจุงเบยยยยยยย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่