คือเราอยู่บ้านเดียวกันกับครอบครัวสามี..แต่งงานมาได้3ปีแล้วค่ะ.. ที่นี้ปกติเราจะไม่ค่อยยุ่งอะไรเรื่องในครอบครัวของเขา เพราะถือว่าเราเป็นคนนอก..เป็นแค่สะไภ้
คือโดยปกติพ่อปู่แม่ย่า..เวลาไม่พอใจอะไรกัน เขาก็จะมาเล่าๆให้เราฟัง.. แต่เราก็ไม่พูดต่อ เพราะถือว่าลิ้นกะฟัน อยู่กันมานานก็กระทบกันบ้าง
เดี๋ยวเขาก็ดีกัน.. แต่ทีนี้คือเขามีลูกกัน2คน คนโตคือสามีเรา ส่วนคนเล็กคือน้องสาว ซึ่งน้องสาวแฟนก็ถูกกันดีกะเรา..เพราะต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เราก็ถือว่าเขาเป็นน้อง..ถ้ามีอะไรๆ ก็นึกว่าให้น้อง
น้องสาวสามีแต่งงานแยกบ้านไปแล้ว..แต่มีลูก1คน ก็เอามาให้ยายเลี้ยง+เราก็ช่วยดูให้ด้วย
น้องสาวแฟนเป็นข้าราชการค่ะ..ตำแหน่งก็ระดับนักวิชาการ..พ่อจะภูมิใจมาก^^ เหมือนลูกสาวจะลูกพ่อ ลูกชายจะลูกแม่
ที่นี้สามีเราลาออกจากงานประจำมาช่วยกิจการที่บ้าน เลยเหมือนมาเกาะพ่อกะแม่กิน..แต่จริงๆเขาทำงานนะคะ.. และกิจการก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย.. แต่เหมือนพ่อจะไม่ภูมิใจในตัวลูกชายซะเท่าไร เคยบอกให้ไปรับราชการเหมือนน้อง เดี๋ยวกิจการนี้พ่อทำเอง..พ่อยังทำได้อยู่(เป็นเต็นท์รถมือ2) แต่เรา แฟน+แม่สามี คิดว่าต่อไปสามีก็ต้องเข้ามาทำ รายได้ก็ดีกว่ารับราชการตั้งเยอะ และอนาคตพ่อก็ต้องแก่จนทำไม่ไหว.. สุดท้ายก็ต้องมีคนทำต่อ..อยู่ดี
ตอนนี้เรากะสามีก็ช่วยเขาเหมือนกงสี คือไม่ได้มีรายได้เป็นของตัวเองอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย.. คือเราจะแยกออกมาทำเองก็ได้ แต่เป็นห่วงพวกเขา ว่าใครจะดูแล คือเราบอกกะแม่สามีเลยว่าเราจะเลี้ยงเขาเอง ไม่ต้องเป็นห่วง (บ้านเราฐานะดีกว่าบ้านสามีนะค่ะ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าเราหวังผล)
ส่วนน้องสามี..ตามพฤติกรรมแล้ว+น้องเขยไม่ถูกกะพ่อตาด้วย คงหวังพึ่งกันยาก คือไม่ได้ว่าเขาไม่ดีนะ แต่เขาสะดวกใจแยกบ้าน ส่วนเราชอบอยู่กะผู้ใหญ่ คือมันอุ่นใจดี..^^
ที่นี้ปัญหาคือ วันก่อนเราไปทำธุระที่แบ็งค์กะพ่อปู่ เขาก็เจอคนรู้จัก ก็คุยก็เล่ากันไป เราจับใจความว่า ลูกสาวเก่ง ดี..แต่ลูกชายไม่ค่อยดีเป็นลูกแหง่ติดพ่อกะแม่.. อะไรก็พ่ออะไรก็แม่..ซึ่งมันก็จริง คือเวลาต้องตัดสินใจอะไรเกี่ยวกะงาน เขาจะถามพ่อกะแม่ก่อน ไม่กล้าตัดสินใจเอง ซึ่งมันก็ดีตรงที่จะได้ไม่มีปัญหา..เวลาความคิดไม่ตรงกัน..คือเรายอมเขา
แต่จะไม่ดี..ตรงพ่อแม่เห็นลูกไม่โตซะที เราก็เคยบอกแฟนแล้วว่าอะไรเล็กๆน้อยๆ ตัดสินใจเองได้..ก็ทำไปเลย จะทำอะไรถามตลอด..พ่อแม่เขาก็ไม่หมดห่วงซะที..เพราะไม่วางใจ
ทีนี้เราควรบอกแฟนดีมั้ย..เผื่อเป็นแรงกระตุ้นให้กล้าๆหน่อย..
หรือจะปล่อยผ่านไป..เพราะจริงๆแล้วเราก็รู้ว่าแฟนเราเป็นคนที่พึ่งพาได้ ไม่ใช่ลูกแหง่อย่างที่พ่อเขาคิด
คืออยากให้พ่อเขามองลูกชายดีขึ้นอ่ะค่ะ..^^
ปล. อารมณ์แบบไม่อยากให้ใครมองแฟนในแง่ไม่ดีอ่ะค่ะ^^
เราควรจะบอกสามีดีมั้ย..หรือควรจะปล่อยผ่าน
คือโดยปกติพ่อปู่แม่ย่า..เวลาไม่พอใจอะไรกัน เขาก็จะมาเล่าๆให้เราฟัง.. แต่เราก็ไม่พูดต่อ เพราะถือว่าลิ้นกะฟัน อยู่กันมานานก็กระทบกันบ้าง
เดี๋ยวเขาก็ดีกัน.. แต่ทีนี้คือเขามีลูกกัน2คน คนโตคือสามีเรา ส่วนคนเล็กคือน้องสาว ซึ่งน้องสาวแฟนก็ถูกกันดีกะเรา..เพราะต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เราก็ถือว่าเขาเป็นน้อง..ถ้ามีอะไรๆ ก็นึกว่าให้น้อง
น้องสาวสามีแต่งงานแยกบ้านไปแล้ว..แต่มีลูก1คน ก็เอามาให้ยายเลี้ยง+เราก็ช่วยดูให้ด้วย
น้องสาวแฟนเป็นข้าราชการค่ะ..ตำแหน่งก็ระดับนักวิชาการ..พ่อจะภูมิใจมาก^^ เหมือนลูกสาวจะลูกพ่อ ลูกชายจะลูกแม่
ที่นี้สามีเราลาออกจากงานประจำมาช่วยกิจการที่บ้าน เลยเหมือนมาเกาะพ่อกะแม่กิน..แต่จริงๆเขาทำงานนะคะ.. และกิจการก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย.. แต่เหมือนพ่อจะไม่ภูมิใจในตัวลูกชายซะเท่าไร เคยบอกให้ไปรับราชการเหมือนน้อง เดี๋ยวกิจการนี้พ่อทำเอง..พ่อยังทำได้อยู่(เป็นเต็นท์รถมือ2) แต่เรา แฟน+แม่สามี คิดว่าต่อไปสามีก็ต้องเข้ามาทำ รายได้ก็ดีกว่ารับราชการตั้งเยอะ และอนาคตพ่อก็ต้องแก่จนทำไม่ไหว.. สุดท้ายก็ต้องมีคนทำต่อ..อยู่ดี
ตอนนี้เรากะสามีก็ช่วยเขาเหมือนกงสี คือไม่ได้มีรายได้เป็นของตัวเองอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย.. คือเราจะแยกออกมาทำเองก็ได้ แต่เป็นห่วงพวกเขา ว่าใครจะดูแล คือเราบอกกะแม่สามีเลยว่าเราจะเลี้ยงเขาเอง ไม่ต้องเป็นห่วง (บ้านเราฐานะดีกว่าบ้านสามีนะค่ะ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าเราหวังผล)
ส่วนน้องสามี..ตามพฤติกรรมแล้ว+น้องเขยไม่ถูกกะพ่อตาด้วย คงหวังพึ่งกันยาก คือไม่ได้ว่าเขาไม่ดีนะ แต่เขาสะดวกใจแยกบ้าน ส่วนเราชอบอยู่กะผู้ใหญ่ คือมันอุ่นใจดี..^^
ที่นี้ปัญหาคือ วันก่อนเราไปทำธุระที่แบ็งค์กะพ่อปู่ เขาก็เจอคนรู้จัก ก็คุยก็เล่ากันไป เราจับใจความว่า ลูกสาวเก่ง ดี..แต่ลูกชายไม่ค่อยดีเป็นลูกแหง่ติดพ่อกะแม่.. อะไรก็พ่ออะไรก็แม่..ซึ่งมันก็จริง คือเวลาต้องตัดสินใจอะไรเกี่ยวกะงาน เขาจะถามพ่อกะแม่ก่อน ไม่กล้าตัดสินใจเอง ซึ่งมันก็ดีตรงที่จะได้ไม่มีปัญหา..เวลาความคิดไม่ตรงกัน..คือเรายอมเขา
แต่จะไม่ดี..ตรงพ่อแม่เห็นลูกไม่โตซะที เราก็เคยบอกแฟนแล้วว่าอะไรเล็กๆน้อยๆ ตัดสินใจเองได้..ก็ทำไปเลย จะทำอะไรถามตลอด..พ่อแม่เขาก็ไม่หมดห่วงซะที..เพราะไม่วางใจ
ทีนี้เราควรบอกแฟนดีมั้ย..เผื่อเป็นแรงกระตุ้นให้กล้าๆหน่อย..
หรือจะปล่อยผ่านไป..เพราะจริงๆแล้วเราก็รู้ว่าแฟนเราเป็นคนที่พึ่งพาได้ ไม่ใช่ลูกแหง่อย่างที่พ่อเขาคิด
คืออยากให้พ่อเขามองลูกชายดีขึ้นอ่ะค่ะ..^^
ปล. อารมณ์แบบไม่อยากให้ใครมองแฟนในแง่ไม่ดีอ่ะค่ะ^^