ในร้าน แฟม คาเฟ่บนถนนลาดพร้าว ร้านนั้นเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดของแบรนด์คาเฟ่นี้ หน้าร้านมีบานกระจกใสสูงโปร่งเหนือหัวขึ้นไปหลายเมตรขนาดคนธรรมดาเดินลอดได้เกือบสองเท่าความยาวตัวคน เดินเข้าไปไม่กี่ก้าวมีเคาน์เตอร์กาแฟสดกับตู้เบเกอรี่ ติดๆกันเป็นเคาน์เตอร์ยาวสั่งอาหาร และขนม ตอนนั้นยังเป็นเวลาบ่ายอยู่ ที่บาร์กาแฟสดเงียบเหงาเพราะไม่มีลูกค้า ส่วนเคาน์เตอร์ยาวนั้นลูกค้ายืนออกันสั่งอาหารแถวยาวเหยียด คนที่ใกล้คิวแรกนั้นหน้าตายิ้มแย้มเพราะใกล้ถึงคิวตัวเอง ส่วนคนหลังๆนั้นหน้ามุ่ยตุ้ยเพราะทั้งหิวทั้งเหนื่อยเพราะบางคนมาร้านนี้ด้วยรถเมลล์ แล้วป้ายรถเมล์อยู่ไกลจากร้านนี้มาก
โต๊ะในร้านนี้มีมากสมกับร้านนี้เป็นร้านใหญ่ บางโต๊ะมีลูกค้านั่งดื่มกินกันส่วนบางโต๊ะนั้นว่างเปล่า ตอนนั้นผมเช่าโรงแรมถูก เช่ามาได้สามสี่วันแล้ว
1
......................ในบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง เฮ้อ...อยู่ในห้องนี้มาหลายวันแล้วกินกับข้าวร้านข้างๆก็เบื่อในห้องทั้งร้อนก็ร้อน พัดลมตัวเดียวก็ช่วยอะไรไม่ได้ เฮ้ย ป๊อบออกมาหาหน่อยซิวะ ผมโทร.หาเพื่อนรัก ป๊อบบอกวันนี้ไม่ว่างว่ะ วันหลังแล้วกัน เออก็ได้ จำไว้นะ วันไหนเงาอย่าชวนตรูล่ะ ไม่รอช้า ผมฉวยเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นใส่เข้าไป แล้วลงลิฟท์เดินออกไปปากซอย พอเดินไปได้หน่อยเดียว โอ๊ย ในห้องก็ร้อน ออกมายิ่งร้อนใหญ่ แดดกรุงเทพนี่มันร้อนยิ่งกว่าน้ำมันเดือดๆในกระทะเสียอีก แต่ทำไงได้อยู่ไปก่อนอีกสองสามวันก็จะไปแล้ว
ตอนนั้นก็มีแต้ราน แฟม คาเฟ่ใกล้กันนั้นเท่านั้นเองที่พอจะให้เข้าไปนั่งให้เย็นๆฉ่ำๆดีกว่าอุดอู้อยู่ในห้อง
ผมเดินผ่านประตูสูงของ แฟมฯ เข้าไป เฮ้ย ทำไมวันนี้คนในร้านเยอะจัง แล้วจะมีที่ให้นั่งเหรอเนี่ย ผมมองหาโต๊ะนั่งอยู่นาน โต๊ะประจำที่ผมนั่งคือโต๊ะที่อยู่ริมสุดด้านขวาของตัวร้าน ที่โต๊ะนั้นเป็นโต๊ะชุดด้านที่ติดกับบานกระจกใสเก้าอี้เป็นโซฟา ส่วนฝั่งตรงข้ามโต๊ะ เป็นเก้าอีเดี่ยวทำด้วยไม้ แต่วันนั้นผเอิญที่โต๊ะชุดนั้นตั้งโต๊ะไว้สามตัว แล้วมีผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งนั่งอยู่ ผมหันกลับไปดูทั่วร้านอีกที โอยทั้งร้านโต๊ะเต็มหมดแล้ว แล้วแต่ละโต๊ะมากันเป็นคู่ไม่ก็มากันเป็นกลุ่ม เหลืออยู่แต่โต๊ะประจำที่ผมมองอยู่เท่านั้น
..................แต่ปัญหาอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นน่ะสิ เขานั่งอยู่...!
..................ทำไงได้...เหลือโต๊ะเดียว เรื่องหิวน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ร้อนนี่สิ ข้างนอกน่ะร้อนเหลือเกิน
...................เอาก็เอา ต้องใจกล้าหน้าด้าน ไปขอนั่งโต๊ะเดียวกับเธอนั่นแหละ
คุณครับ ขออนุญาตนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ เธอเงยหน้ามองผมด้วยสายตาหมิ่นเหม่บวกสงสัย
แล้วเธอก็ก้มลงอ่านหนังสือตรงหน้าต่อ.........
.................ผมถามคำถามเดิม.....?
.................คราวนี้เธอทำหน้ายักษ์เข้าใส่ เอ๊...นี่คุณ ร้านออกใหญ่โต โต๊ะก็มีตั้งเยอะ ไม่มีที่ให้นั่งรึไง
..................ผมเดือดขึ้นมาทันที ว่าผู้หญิงอะไรกันทำไมต้องแหวใส่กันด้วยผม
..................เลยบอกเธอว่า นี่คุณเอาหัวขึ้นมาจากหนังสือบ้างสิ แล้วมองรอบๆร้านดูหน่อยว่ามีโต๊ะที่ไม่มีคนมั้ย
...................เท่านั้นเองเธอมีสีหน้าสลด เพราะตั้งแต่เข้ามาในร้านเธอได้แต่อ่านๆๆๆ
...................เอ้า ไหนบอกอีกทีซิว่าคุณต้องการอะไร
...................ผมบอกว่าขอนั่งด้วยคนได้มั้ยถ้าไม่ได้จะออกไปก็ได้................ผู้หญิงอะไร สวยก็สวย แถมดุ แล้วนี่ดูท่าจะใจดำด้วยพูดในใจ
..................แต่......ไม่เป็นไร ไหนๆคุณก็เข้ามาแล้ว แล้วชั้นก็เห็นแล้วว่าในนี้น่ะไม่มีโต๊ะว่าง คุณจะนั่งก็นั่ง แต่อย่ากวนชั้นก็แล้วกัน ชั้นกำลังอ่านหนังสือ
..................ครับ ผมไม่กวนคุณหรอก....... ผมทำหน้าตายเข้าให้ แล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเยื้องกับเธออีกฟากของโต๊ะ
นั่งๆไปได้ไม่นาน เริ่มหิว เงินก็มีน้อยจะออกไปกินข้าวตามสั่งร้านตรงข้ามรึก็กลัวเสียฟอร์ม อุตสาห์เข้ามานั่งร้านกาแฟหรู แต่ที่นี่น่ะไม่หรูขนาดที่มีแต่ของแพงๆเท่านั้นยังมีไอติมราคา7บาทพอให้ซื้อกินได้ในขณะที่ผมจนจนอยู่ แล้วผมก็ซื้อไอติมมากิน แล้วต่างคนต่างนั่งกันอยู่อย่างนั้นอย่างคนไม่รู้จักกันจนใกล้ค่ำเธอก็ออกจากร้านไป
90 วันหฤหรรษ์
โต๊ะในร้านนี้มีมากสมกับร้านนี้เป็นร้านใหญ่ บางโต๊ะมีลูกค้านั่งดื่มกินกันส่วนบางโต๊ะนั้นว่างเปล่า ตอนนั้นผมเช่าโรงแรมถูก เช่ามาได้สามสี่วันแล้ว
1
......................ในบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง เฮ้อ...อยู่ในห้องนี้มาหลายวันแล้วกินกับข้าวร้านข้างๆก็เบื่อในห้องทั้งร้อนก็ร้อน พัดลมตัวเดียวก็ช่วยอะไรไม่ได้ เฮ้ย ป๊อบออกมาหาหน่อยซิวะ ผมโทร.หาเพื่อนรัก ป๊อบบอกวันนี้ไม่ว่างว่ะ วันหลังแล้วกัน เออก็ได้ จำไว้นะ วันไหนเงาอย่าชวนตรูล่ะ ไม่รอช้า ผมฉวยเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นใส่เข้าไป แล้วลงลิฟท์เดินออกไปปากซอย พอเดินไปได้หน่อยเดียว โอ๊ย ในห้องก็ร้อน ออกมายิ่งร้อนใหญ่ แดดกรุงเทพนี่มันร้อนยิ่งกว่าน้ำมันเดือดๆในกระทะเสียอีก แต่ทำไงได้อยู่ไปก่อนอีกสองสามวันก็จะไปแล้ว
ตอนนั้นก็มีแต้ราน แฟม คาเฟ่ใกล้กันนั้นเท่านั้นเองที่พอจะให้เข้าไปนั่งให้เย็นๆฉ่ำๆดีกว่าอุดอู้อยู่ในห้อง
ผมเดินผ่านประตูสูงของ แฟมฯ เข้าไป เฮ้ย ทำไมวันนี้คนในร้านเยอะจัง แล้วจะมีที่ให้นั่งเหรอเนี่ย ผมมองหาโต๊ะนั่งอยู่นาน โต๊ะประจำที่ผมนั่งคือโต๊ะที่อยู่ริมสุดด้านขวาของตัวร้าน ที่โต๊ะนั้นเป็นโต๊ะชุดด้านที่ติดกับบานกระจกใสเก้าอี้เป็นโซฟา ส่วนฝั่งตรงข้ามโต๊ะ เป็นเก้าอีเดี่ยวทำด้วยไม้ แต่วันนั้นผเอิญที่โต๊ะชุดนั้นตั้งโต๊ะไว้สามตัว แล้วมีผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งนั่งอยู่ ผมหันกลับไปดูทั่วร้านอีกที โอยทั้งร้านโต๊ะเต็มหมดแล้ว แล้วแต่ละโต๊ะมากันเป็นคู่ไม่ก็มากันเป็นกลุ่ม เหลืออยู่แต่โต๊ะประจำที่ผมมองอยู่เท่านั้น
..................แต่ปัญหาอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นน่ะสิ เขานั่งอยู่...!
..................ทำไงได้...เหลือโต๊ะเดียว เรื่องหิวน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ร้อนนี่สิ ข้างนอกน่ะร้อนเหลือเกิน
...................เอาก็เอา ต้องใจกล้าหน้าด้าน ไปขอนั่งโต๊ะเดียวกับเธอนั่นแหละ
คุณครับ ขออนุญาตนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ เธอเงยหน้ามองผมด้วยสายตาหมิ่นเหม่บวกสงสัย
แล้วเธอก็ก้มลงอ่านหนังสือตรงหน้าต่อ.........
.................ผมถามคำถามเดิม.....?
.................คราวนี้เธอทำหน้ายักษ์เข้าใส่ เอ๊...นี่คุณ ร้านออกใหญ่โต โต๊ะก็มีตั้งเยอะ ไม่มีที่ให้นั่งรึไง
..................ผมเดือดขึ้นมาทันที ว่าผู้หญิงอะไรกันทำไมต้องแหวใส่กันด้วยผม
..................เลยบอกเธอว่า นี่คุณเอาหัวขึ้นมาจากหนังสือบ้างสิ แล้วมองรอบๆร้านดูหน่อยว่ามีโต๊ะที่ไม่มีคนมั้ย
...................เท่านั้นเองเธอมีสีหน้าสลด เพราะตั้งแต่เข้ามาในร้านเธอได้แต่อ่านๆๆๆ
...................เอ้า ไหนบอกอีกทีซิว่าคุณต้องการอะไร
...................ผมบอกว่าขอนั่งด้วยคนได้มั้ยถ้าไม่ได้จะออกไปก็ได้................ผู้หญิงอะไร สวยก็สวย แถมดุ แล้วนี่ดูท่าจะใจดำด้วยพูดในใจ
..................แต่......ไม่เป็นไร ไหนๆคุณก็เข้ามาแล้ว แล้วชั้นก็เห็นแล้วว่าในนี้น่ะไม่มีโต๊ะว่าง คุณจะนั่งก็นั่ง แต่อย่ากวนชั้นก็แล้วกัน ชั้นกำลังอ่านหนังสือ
..................ครับ ผมไม่กวนคุณหรอก....... ผมทำหน้าตายเข้าให้ แล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเยื้องกับเธออีกฟากของโต๊ะ
นั่งๆไปได้ไม่นาน เริ่มหิว เงินก็มีน้อยจะออกไปกินข้าวตามสั่งร้านตรงข้ามรึก็กลัวเสียฟอร์ม อุตสาห์เข้ามานั่งร้านกาแฟหรู แต่ที่นี่น่ะไม่หรูขนาดที่มีแต่ของแพงๆเท่านั้นยังมีไอติมราคา7บาทพอให้ซื้อกินได้ในขณะที่ผมจนจนอยู่ แล้วผมก็ซื้อไอติมมากิน แล้วต่างคนต่างนั่งกันอยู่อย่างนั้นอย่างคนไม่รู้จักกันจนใกล้ค่ำเธอก็ออกจากร้านไป