คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ( urinary tract infection,UTI )
ถ้าแบ่งกว้างๆก็เป็น
-ส่วนบน ( upper tract )เช่น กรวยไตอักเสบ ( pyelonephritis )
ไข้และอาการปวดเอวเป็นลักษณะเด่น มักจะไข้สูงด้วยบางทีถึงกับหนาวสั่น ทุบบริเวณบั้นเอวอาจจะเจ็บสะเทือนลงไปค่อนข้างมาก(หมอที่ตรวจน่าจะได้ทุบดูด้วยนะครับ)
-ส่วนล่าง เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ( cystitis )
อาการเด่นเป็นพวกปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะ แสบขัด ปัสสาวะไม่สุด ส่วนเรื่องไข้กับปวดเอวไม่ใช่ลักษณะสำคัญ
ทั้งนี้สามารถติดเชื้อร่วมกันได้ทั้งบนและล่าง แต่มักพบอันใดอันหนึ่งทีละส่วนมากกว่า
กรณีจขกท. อาการปัสสาวะบ่อย เจ็บ เหมือนปัสสาวะไม่หมดหรือไม่สุดบ่งว่าน่าจะมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่างอยู่
แต่ถ้ามีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบน นอกจากปวดเอวแล้วน่าจะทุบแล้วเจ็บและมีไข้ชัดเจนด้วย
แต่คิดว่าจขกท.ไม่ได้บอกเรื่องไข้ไว้ก็คิดว่าน่าจะไม่มี เลยคิดว่าไม่น่าจะเป็นการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบน
ทีนี้ถ้ามีปวดเอวมาก ก็ไม่สามารถอธิบายจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่างเพียงอย่างเดียวได้
นี่อาจเป็นเหตุผลที่มีการนัดตรวจพิเศษทางรังสีเพิ่มเติม
เพราะปกติแล้วถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะครั้งแรกตรงไปตรงมา ไม่ได้จำเป็นต้องตรวจทางรังสีเพิ่มเติม
น่าจะให้การรักษาด้วยการให้ยาปฎิชีวนะไปได้เลย ที่ใช้กันบ่อยๆก็พวกกลุ่ม quinolone เช่น norfloxacin,ofloxacin,ciprofloxacin
หรือบางคนก็ใช้ยาฉีดพวก ceftriaxone
ส่วนเรื่องเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะถ้าพบว่ามีมากกว่าปกตื จะทำให้นึกถึงเรื่องนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะมากขึ้น
แต่บางทีช่วงที่มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจะมีเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะจำนวนมากจนทำให้ดูปริมาณเม็ดเลือดแดงได้ยากก็ได้ครับ
ปล.อย่าเชื่อผมมาก ผมเดา
ถ้าแบ่งกว้างๆก็เป็น
-ส่วนบน ( upper tract )เช่น กรวยไตอักเสบ ( pyelonephritis )
ไข้และอาการปวดเอวเป็นลักษณะเด่น มักจะไข้สูงด้วยบางทีถึงกับหนาวสั่น ทุบบริเวณบั้นเอวอาจจะเจ็บสะเทือนลงไปค่อนข้างมาก(หมอที่ตรวจน่าจะได้ทุบดูด้วยนะครับ)
-ส่วนล่าง เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ( cystitis )
อาการเด่นเป็นพวกปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะ แสบขัด ปัสสาวะไม่สุด ส่วนเรื่องไข้กับปวดเอวไม่ใช่ลักษณะสำคัญ
ทั้งนี้สามารถติดเชื้อร่วมกันได้ทั้งบนและล่าง แต่มักพบอันใดอันหนึ่งทีละส่วนมากกว่า
กรณีจขกท. อาการปัสสาวะบ่อย เจ็บ เหมือนปัสสาวะไม่หมดหรือไม่สุดบ่งว่าน่าจะมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่างอยู่
แต่ถ้ามีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบน นอกจากปวดเอวแล้วน่าจะทุบแล้วเจ็บและมีไข้ชัดเจนด้วย
แต่คิดว่าจขกท.ไม่ได้บอกเรื่องไข้ไว้ก็คิดว่าน่าจะไม่มี เลยคิดว่าไม่น่าจะเป็นการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบน
ทีนี้ถ้ามีปวดเอวมาก ก็ไม่สามารถอธิบายจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่างเพียงอย่างเดียวได้
นี่อาจเป็นเหตุผลที่มีการนัดตรวจพิเศษทางรังสีเพิ่มเติม
เพราะปกติแล้วถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะครั้งแรกตรงไปตรงมา ไม่ได้จำเป็นต้องตรวจทางรังสีเพิ่มเติม
น่าจะให้การรักษาด้วยการให้ยาปฎิชีวนะไปได้เลย ที่ใช้กันบ่อยๆก็พวกกลุ่ม quinolone เช่น norfloxacin,ofloxacin,ciprofloxacin
หรือบางคนก็ใช้ยาฉีดพวก ceftriaxone
ส่วนเรื่องเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะถ้าพบว่ามีมากกว่าปกตื จะทำให้นึกถึงเรื่องนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะมากขึ้น
แต่บางทีช่วงที่มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจะมีเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะจำนวนมากจนทำให้ดูปริมาณเม็ดเลือดแดงได้ยากก็ได้ครับ
ปล.อย่าเชื่อผมมาก ผมเดา
แสดงความคิดเห็น
อาการปวดหลังทำไมถึงถ่ายปัสสาวะติดขัดด้วยครับ
"ผมได้เที่ยวผู้หญิงมาหรือเปล่า!"
งงเงิบเลยครับ หมอบอกเป็น "การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ"
ผมบอกว่า "แล้วอาการปวดหลังนี่มันมายังไง"
หมอว่าผมอาจจะไปยกของหนักมา ขอเรียนว่าผมไม่ได้ยกหรือไปเที่ยวอะไรมาทั้งนั้นล่ะครับ มันเป็นวันอาทิตย์นะครับ ผมมีความสุขกับการดูหนังเล่นเน็ตและอ่านหนังสือครับ เมื่อผมตรวจปัสสาวะก็ลงว่าเป็น "การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ" ในขณะที่ยืนมองในวินัจฉัยเนี่ย หลังผมมันระบมจนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วครับ หมอจะให้ฉีดยาแก้ปวด ผมปฏิเสธ แล้วถามหมอว่าหลังผมมันเป็นอะไรกันแน่ หมอเลยนัดมาตรวจเอ็กสเรย์และเจาะเลือดพรุ่งนี้ครับ สรุปเลยได้ยาแก้เชื้อกลับบ้านมาเงิบๆ ตอนขี่รถกลับเนี่ย ผมอยากจะร้องไห้ออกมาเลยครับปวดมากก กระทั่งมาพิมพ์ตั้งกระทู้ก็ยังระบมเอาเรื่องอยู่ อยากทราบว่า ท่านใดเคยมีอาการแบบนี้บ้างไหมครับ จะได้เตรียมตัวรักษาและรับมือทันท่วงที