ภาพเก่าเล่าเรื่อง (๔๒)

กระทู้สนทนา
มีภาพเก่ามาเสนออีกภาพหนึ่งครับ บอกเพียงสั้นๆ ว่าว่าเป็นภาพของโรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์ในสมัยก่อน



ชื่อของโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ตั้งตามพระนามของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๙ กษัตริย์ฝรั่งเศส ซึ่งพระองค์ได้รับสถาปนาเป็นนักบุญในพระศาสนจักรคาทอลิก เพราะพระองค์ทรงมีพระเมตตากรุณาต่อพสกนิกรและผู้ยากไร้ขาดที่พึ่งทั้งหลาย ชื่อภาษาอังกฤษของโรงพยาบาลคือ St. Louis Hospital

กิจกรรมรักษาผู้ป่วยของพระศาสนจักรในคาทอลิกประเทศไทย มีมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ใน พ.ศ.๒๒๑๒ (ค.ศ.๑๖๖๙) สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  ในสมัยนั้น มีเรือนพักผู้ป่วย และมีโรงจ่ายยาที่ กรุงศรีอยุธยา และที่เมืองพิษณุโลก นอกเหนือจากการรักษาบริเวณเรือนพักผู้ป่วยชายและหญิงแล้ว ยังมีการรักษาพยาบาลแบบแพทย์เคลื่อนที่ทุกวัน การรักษาพยาบาลแบบเคลื่อนที่นี้ไป ไกลถึงเมืองพริบพลี (เมืองเพรชบุรี)  เรือนพักผู้ป่วยทั้งสองแห่งได้ถูกทำลายเมื่อมีการผลัดแผ่นดิน  แต่การรักษาพยาบาลเคลื่อนที่คงดำเนินต่อไปโดยไม่คิดค่ารักษาและค่ายา ตามกฎเมตตาจิตที่พระสังฆราชลาโนประมุขมิสซังได้กำหนดไว้

ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระสังฆราช หลุยส์ เวย์ ประมุขมิสซังสยาม ได้สร้างโรงพยาบาลในที่ดินซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕5 พระราชทานสิทธิ์ในที่ดินใน พ.ศ.๒๔๔๑ (ค.ศ.๑๘๙๘) เมื่อสร้างอาคารเสร็จแล้ว พระสังฆราชหลุยส์ เวย์ มุขนายกมิสซังคาทอลิกแห่งกรุงสยามระหว่าง พ.ศ.๒๓๐๘ - ๒๔๕๒ (ค.ศ.๑๗๖๕ - ๑๙๐๙) ได้เป็นผู้ริเริ่มก่อสร้างโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์

แม้จะมีอุปสรรคและความยากลำบากนานักประการ แต่ด้วยความตั้งใจแน่วในการแพร่ธรรม และการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ประชาชนชาวไทยพระสังฆราช หลุยส์ เวย์ ได้ดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลโดยได้รับพระกรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานสิทธิ์ในที่ดินความช่วยเหลือจาก บริษัทห้างร้านของชาวยุโรปที่มาค้าขายในกรุงสยาม และผู้มีจิตศรัทธา การก่อสร้างเสร็จใน พ.ศ.๒๔๔๑ (ค.ศ.๑๘๙๘) และพระสังฆราช หลุยส์ เวย์ ได้ติดต่อ คุณแม่อธิการริณีกังดิ๊ด เจ้าคณะแขวงไซง่อน ส่งภคินีคณะเซนต์ปอลเดอชาร์ตร มาช่วยดำเนินกิจกรรมในโรงพยาบาลแห่งนี้ ภคินีแรก ๗ ท่าน เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๑ (ค.ศ.๑๘๙๘)

คณะผู้บุกเบิกรุ่นแรก ได้ตระเตรียมเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับโรงพยาบาล และเรียนภาษาไทยอย่างรวดเร็ว จนสามารถดำเนินเปิดกิจกรรมเป็น ทางการ เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๑ (ค.ศ.๑๘๙๘) ในระยะแรกมี Dr. Poise เป็นแพทย์ประจำ นับว่าได้นำการแพทย์แผนปัจจุบันสู่ประเทศสยามได้ ทำงานกันอย่างเสียสละโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ให้การรักษาพยาบาลโดยไม่เลือกชาติ ศาสนานายแพทย์  และได้รับเกียรติเป็นแพทย์ประจำราชสำนักด้วย

เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๔๒ (ค.ศ.๑๘๙๙) Mr.Paul Doumer  ข้าหลวงใหญ่ประจำอินโดจีนมาเยี่ยม โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ท่านรู้ สึกประทับใจในความเป็นระเบียบ และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จึงได้มอบเหรียญทองให้แก่ เซอร์อิกนาส เดอ เยซู อธิการริณีคนแรกของ โรงพยาบาล

พระสังฆราชหลุยส์ เวย์ ถึงแก่มรณภาพในปี พ.ศ.๒๔๕๒ (ค.ศ.๑๙๐๙) และ พระสังฆราช เรอเน แปร์รอส ดำรงตำแหน่งมุขนายกมิสซังสยาม   ระหว่าง พ.ศ.๒๔๕๒ - พ.ศ.๒๔๙๐ (ค.ศ.๑๙๐๙ - ๑๙๔๗) ได้รับช่วงดำเนินงานของ พระสังฆราช หลุยส์ เวย์

ต่อมา พระสังฆราช แปร์รอส มีความสนใจกิจกรรมทางด้านรักษาพยาบาลมาก พระสังฆราชหลุยส์ โชแรง มุขนายกมิสซังคาทอลิกกรุงเทพฯ ระหว่างปี พ.ศ.๒๔๕๒ - ๒๕๐๘ (ค.ศ.๑๙๐๙ - ๑๙๖๕) พระสังฆราชเป็นผู้สร้างเซนต์หลุยส์เสร็จในปี พ.ศ.๒๕๐๐ (ค.ศ.๑๙๕๗) ติดกับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ พระสังฆราชจึงมีความใกล้ชิดกับกิจกรรมของโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่มากขึ้น

ใน ปี พ.ศ.๒๔๙๓ (ค.ศ.๑๙๕๐) ได้เกิดโรคระบาด ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน ชาวยุโรปประมาณ ๒๐ คน และคนไทยอีกมาก เป็นโรคนี้ และมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ แต่เนื่องจากโรคระบาดนี้เป็นโรคต่อกันได้ จำเป็นต้องแยกคนไข้เหล่านี้จากคนไข้อื่นๆไปอยู่ต่างหาก แต่ทางโรงพยาบาลยังไม่มีอาคารรับรักษาโรคติดต่อได้ เหลือแต่อาคารไม้ใหญ่ๆ หลังหนึ่งด้วย

หลังจากเท่านั้น จึงรีบดัดแปลงเป็นอาคารรักษาพยาบาล เป็นการชั่วคราวก่อน ได้มีคนตายสี่คน ซึ่งวิทยาการและความพยามสุดยอด ของนายแพทย์ปัวซ์ กับความอดทนเสียสละ เฝ้ารักษา ของมาเซอร์ ไม่สามารถแยกสี่ชีวิตนี้จากความตายได้ ในบรรดาผู้เสียชีวิตสี่คนนี้ มีบราเดอร์ อาดัลแบรต์ ของโรงเรียนอัสสัมชัญ รวมอยู่ด้วย
  
ในโอกาสนี้ มาเซอร์คณะเซนต์ปอลเดอชาร์ตร ได้รับการชมเชยความประพฤติจากชาวโปรเตสแตนท์ และคนต่างศาสนาที่ได้เป็นพยานถึงความ อดทน ความเสียสละความสุขส่วนตัวของคณะซิสเตอร์ เพื่อเฝ้าดูแล ให้กำลังใจแก่คนป่วยเหล่านี้ ซึ่งชาวโลกกลัวไม่ยอมเข้าใกล้

หลังจากโรคระบาดผ่านพ้นไป บรรดาพ่อค้าบริษัท ห้างร้านใหญ่ๆ ลงความเห็นว่า จะเป็นการรอบคอบสำหรับอนาคต ที่จะสร้างอาคารโรคติดต่อ จึงได้เข้าปรึกษากับมาเซอร์ผู้อำนวยการโรงพยาบาล  เสนอว่า พวกเขายินดีพร้อมใจกัน  บริจาคทรัพย์เท่าที่จำเป็น ช่วยกันสร้าง อาคารใหม่อีกหนึ่งหลังเอาไว้ รักษาคนป่วยโรคติดต่อตอไป คุณพ่อโรมิเออจึงจัดการสร้างอาคารโรคติดต่อทันที สร้างอาคารสงเคราะห์ เ์ด็กๆ ลูกคนต่างศาสนา

กิจกรรมของโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เจริญด้วยดีตลอด จนถึงปี พ.ศ.๒๕๑๖ (ค.ศ.๑๙๗๓) อาคารผู้ป่วยทรุดโทรมมาก และผู้ป่วยมากขึ้น จำต้องทำการก่อสร้างโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ใหม่  พระสังฆราชยวง นิตโย มุขนายกสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๐๘ - ๒๕๑๖ (ค.ศ.๑๙๖๕ - ๑๙๗๓) เป็นผู้วางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๐10 มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๖ (ค.ศ.๑๙๗๓) การก่อสร้างอาคารผู้ป่วยหลังใหม่เสร็จในเวลา ๒ ปีเศษ เปิดใช้อาคารใหม่เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๘ (ค.ศ.๑๙๗๕)

งานสงเคราะห์ที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ทำมาแต่เริ่มแรก คือ งานสงเคราะห์เด็กกำพร้าหรือเด็กที่ถูกทอดทิ้ง งานนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยทหารอเมริกันแห่งกองบัญชาการยุทธศาสตร์ในประเทศไทย จัดหาเงินสร้างสนามเด็กเล่นให้ เดือนธันวาคม ฑ.ศ.๒๕๐๘ (ค.ศ.๑๙๖๕)

ปีต่อมา สำนักงานใหญ่หน่วยกองสัญญาของทหารอเมริกัน ที่ ๒๙ จัดหาทุนก่อนสร้างอาคารสงเคราะห์เด็กในวงเงินหกแสนบาท ฯพณฯ ยวง นิตโย เป็นผู้เสกและเปิดอาคาร เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๐ (ค.ศ.๑๙๖๗)

งานสงเคราะห์ผู้สูงอายุที่ยากจน ดำเนินงานโดยสมาคมวินเซนต์เดอปอล ได้รับการสนับสนุนจาก พลเอกกฤษณ์  สีวะรา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในสมัยนั้น สร้างเรือนสิวะราขึ้นภายในโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เปิดกิจกรรมเมื่อ เดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๓ (ค.ศ.๑๙๖๐)

กิจการด้านสงเคราะห์ผู้สูงอายุ  และสงเคราะห์เด็กได้รับความสนใจอย่างมากจาก พระคาร์ดินัล มีชัย กิจบุญชู มุขนายกสังฆมณฑลกรุงเทพฯ  ได้อนุมัติให้สร้างอาคารสงเคราะห์คนชราและสถานสงเคราะห์เด็กขึ้นใหม่เนื่องจากอาคารเก่าทรุดโทรม และคับแคบ ฯพลฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการศาสตราจารย์ นายแพทย์บุญส่ง มาร์ติน ทำพิธีเปิดอาคารทั้งสองเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๑ (ค.ศ.๑๙๗๘)

ใน ปี พ.ศ.๒๕๑๘ (ค.ศ.๑๙๗๕) เริ่มเปิดอาคารผู้ป่วยหลังใหม่ “อาคารศรีสวัสดิ์” ตามนามพระราชทาน นายแพทย์ประมวล เจริญจิตต์ ผู้อำนวยการขณะนั้น ร่วมกับซิสเตอร์ แพทย์ พยาบาล ได้จัดการอบรมนักเรียนผู้ช่วยพยาบาลเป็นรุ่นแรก เพื่อผลิตบุคลากรฝ่ายพยาบาล ส่งเสริมวิชาชีพแก่นักเรียน จากสังฆมณฑลต่างๆ เพื่อให้กลับไปช่วยเหลือด้านการรักษาในถิ่นเดิม โรงเรียนผู้ช่วยพยาบาลได้ดำเนินมาจนบัดนี้ ด้วยความหวังว่าอาจจะเกิดเป็น วิทยาลัยพยาบาล วิทยาเขตเซนต์หลุยส์ ขึ้นในอนาคต

การก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ครบ ๑๔ อาคาร ตามโครงการเสร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ.๒๕๒๕ (ค.ศ.๑๙๘๒) มีวัดพระจิตเจ้า เป็นอาคารสุดท้าย แต่ก็มีความสำคัญเป็นอันดับแรก งานก่อสร้างสำเร็จมาจนได้เพราะ พระอัครสังฆราช มีชัย กิจบุญชู ได้เสียสละทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังใจควบคุม การก่อสร้างด้วยตนเอง มีนายทวีธวัส มั่นธนาการ เป็นสถาปนิก  และบริษัทชัยธนกิจ ของนายธวัชชัย ชัยมงคลตระกูล เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง

.......................

ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ http://haab.catholic.or.th/hospitals/saintlouis/saintlouis.html มา ณ ที่นี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่