Next Episode หรือ Bad Ending ?

กระทู้สนทนา
คือว่า
เป็นเรื่องความไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของผมกับแฟน โดยครั้งแรกนั้นผมเองจำได้ว่า เคยตั้งกระทู้ยาวไปกระทู้หนึ่งเมื่อตอน 3 ปีที่แล้วในเรื่องของผมกะคนรักของผมในช่วงสมัยเรียน มหาลัย แต่ก็จบเพียงเพราะแค่รู้ความจริงเล็กๆว่าเค้ามีคนอื่น แต่ผมก็ไม่ตีโพยตีพายอะไร ปล่อยให้เค้าไปก็จบ แต่พอปัจจุบัน 3 ปี ครั้งนี้ไม่เคยคิดจริงๆ ครับว่า จะมีแฟนกะเค้าด้วย แรกๆ ก่อนหน้านี้ก่อนจะเรียนจบมหาลัยถูกไปเป็นทหารเกณฑ์เป็นเวลาเกือบปี โดยที่ไม่เคยคิดจริงๆ ครับว่า จะได้รับสิ่งนั้นที่เรียกว่า ความรัก กะเค้า ที่ผมแปลกใจเพียงว่า ผมเชื่อแต่ในเรื่องเหตุผลอย่างเดียวแต่คงไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตอะไรแน่ๆ ผมไม่เคยเชื่อในสิ่งนั้นมาตั้งแต่คบกับแฟนคนนั้น เพียงเพราะ คาดหวังเกือบสูง แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เคยหวังไว้ซักนิด
   มีคนเคยบอกว่า"เราใช้ ความเชื่อ นำพาชีวิต" ใช่ครับ ผมก็ใช้มาตลอดไม่ว่าจะเรียน ทำงาน แต่ของแบบนี้ ตั้งแต่ประสปมา ผมก็ไม่เคยเชื่อในสิ่งนั้น
เพราะอะไรเหรอครับ? ก็คงเป็นเพราะสิ่งที่ผมเคยเชื่อเคยศรัทธาต่อคนรักเก่าคนนั้น ที่เคยคิดไว้ว่าเรียนจบแล้วจะได้ไปเยี่ยมพ่อกับแม่ ไปรู้จักโลกของเธอให้มากขึ้น คบกัน 1 ปีเต็มครับ บางคนบอกสั้น แต่ 1 ปีไม่นับกับหลายๆวันที่ไม่เจอกันนะครับ ถ้าเทียบๆ กันก็เกือบ 2 ปีเลยทีเดียว เพราะกับแฟนเก่ากับผมก็เรียนคนละที่กันเลยไม่ค่อยได้เจอกันมากเพราะต่างคนต่างเรียนก็เข้าใจอยู่ มีเวลาก็คือเสาร์ อาทิตย์ ก็ไปหา ผมทำมาแบบนั้นเสมอแรกๆ เคยคิดไว้ว่า "ความมั่นคงทางจิตใจ" ของเราเองถ้าไม่เคยคิดจะนอกใจหรืออย่างอื่นอันไดเค้าก็คงไม่ทำเหมือนกับเราหรอก ผมเชื่อในกรรมและการกระทำเอามากๆ แต่บัดนั้นก็พังทลายลง โดยที เราต่างคนต่างสอบในช่วงก่อนซัมเมอร์ต้นปี ผมเองก็เริ่มจะทำงานพิเศษและเธอก็เริ่มเรียนหนักขึ้นเพราะเป็นพี่ใหญ่ เธอจึงตกลงว่า "ขออยู่เงียบๆนะ ถ้าเรื่องมันเสร็จสิ้นเดี๋ยวค่อยคุยกัน" อันนี้โอเคไม่เป็นไร จะเครียดมากๆ จำได้ครับ 2 เดือนกับอีก 9 วันที่ ไม่ติดต่อกันเลย ส่งแค่ sms เฉยๆ ว่าเป็นห่วงนะดูแลตัวเองด้วย ก็ว่ากันไป
จนกระทั่ง.... ด้วยความที่เราสอบ final เสร็จแล้วก็ถือวิสาสะ โทรหาเธอซะ โดยใช้เครื่องของเพื่อนโทร แต่แล้วพอรับสาย เพียงเท่านั้นหล่ะครับ ผมก็บอกให้เธอโทรเข้าเครื่องผม

ประโยคแรกๆ สิ่งที่ทำผมเอ๋อ เลยคือ"ควรถึงเวลาจบกันได้แล้วนะ" อืม จะบอกเลิก? แรกๆ ธรรมดาครับที่ผู้ชายก็ต้องร้องไห้กันได้ด้วยเหตุผลสั้นๆแค่ว่า "ไม่ใช่"  แต่ก็เก็บๆไว้ก่อนและก็คุยกันธรรมดาและได้เผยสิ่งที่เธอไม่รู้ เช่น ปฏิเสธรุ่นน้องในคณะที่จะมาขอเราเป็นแฟน เป็นต้น จำได้เลยครับเธอก็บอกกับผมว่า"พี่เป็นผู้ชายที่ดี คงไม่เจอใครเท่าพี่อีกแล้ว " ผมก็แค่เออ ออ ห่อหมกเพราะผมเองก็ไม่คิดจะเชื่อในคำพูดเธออีก เพราะมันดูยิ้ม เกินไปหน่อย มีคนอื่นก็บอกไม่ต้อง make เรื่องให้เยอะ

หลังจากนั้นก็ไม่เคยติดต่อเลยครับ และใช้ชีวิตแบบสร้างความสุขให้ตัวเองให้เร็วที่สุดและก็ เพื่อไม่ให้เพื่อนๆในกลุ่มผิดสังเกตว่าเราอกหัก เพราะว่าถ้าเราทำใจได้เร็ว มันก็จะดี และเก็บอาการไว้ก็จะดีกว่า พล่อยให้ใครฟัง ผมทำเช่นนั้นมาตลอดและคงได้แต่โทษตัวเองจนเหมือนโรคจิตชนิดหนึ่งไปเลย จริงๆ

3 ปีต่อมาหลังจากเรียนจบและก็เกณฑ์ทหาร เตรียมจะทำงานเป็นที่เรียบร้อย ก่อนหน้านี้ก็เรียนรู้กับผู้หญิงที่ผ่านมา และก็ผ่านไป จนความเฉยชาเข้ามาแทนที่ คือ เราไม่จำเป็นต้องรักใครก็มีความสุขก็ได้นิ เหงานะ แต่ถ้าให้กลับไปเจอแบบเดิมๆ ไม่เอาดีกว่า หลังจากนั้นก็ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งเค้าก็คือแฟนคนปัจจุบันของผมนั่นแหละ เธอก็ดูเป็นคนขยัน เรียนไปทำงานไปด้วย รักครอบครัวตามที่ผมแบบ ชื่นชอบในตัวเค้า แต่รู้จักกันปลายปีที่ผ่านมา พอเริ่มเดือนใหม่ ใช่ครับ เราต่างคนก็มีงานเป็นของตัวเองที่ต้องทำภาระที่ต้องรับผิดชอบ ผมก็รับได้ในความสัมพันธ์ที่ค่อยๆพัฒนา ถึงแม้ว่าก็เคยไปเจอครอบครัวเค้าแล้ว แต่ก็ยังถูกพี่น้องเธอกีดกันบ้าง เพียงเพราะแฟนผมยังเรียนไม่จบ ก็ไม่เป็นไร ก็ตามที่ครอบครัวเธอกล่าวไว้ เราก็ทำงานในหน้าที่ของเรา แรกๆคุยกันแทบทุกวันครับ แต่หลังๆก็เริ่มคุยกันน้อยลง LINE ก็มีบ้างแต่ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ ก็เข้าใจว่าผู้หญิงคงหมดโปร

แต่สิ่งที่เริ่มไม่มั่นใจในคำพูดที่เธอเคยพูดซะแล้ว คือการถูกให้เงียบหายไปครับ ผมเลยนึกถึงเหมือน 3 ปีก่อนเด๊ะๆ แต่เธอก็บอกว่า"มีปัญหาเรื่องทางบ้าน ขอให้เรื่องนั้นจบก่อนเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง" ฟังดูเหมือนมีเหตุผลคงเป็นเพราะผมกับพี่ชายแฟนคงไม่กินเส้นกันเท่าไหร่ แต่มีความรู้สึกนัยยะและสัญญาณเดิมๆ ที่ผมคงต้องเจอแน่ๆ ปัจจุบันนี้ ก็ยังเงียบครับ ไม่ได้ติดต่อกันแค่ 1 อาทิตย์ ผมก็ทำตามที่เธอบอก คงยอมกินหญ้าอีกซักรอบ ให้มันร้ไปว่า จะได้กินอีกมั้ย คุณผู้อ่านคงจะฟังดูสมน้ำหน้า

แต่ว่า ผมก็เลยมีคำถามในใจว่า เราเคยใช้สิ่งที่เรียกว่า"ความเชื่อ" ความศรัทธา" มาหนึ่งครั้งไปแล้ว ถึงแม้ปัจจุบันผมก็ยังเชื่อเหมือนเดิม โดยระแวงหลังตลอดเวลาว่า คงต้องเจออีกเหมือนเดิม ผมเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่รู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าทำอะไรลงไปบ้าง เรื่องมีคนอื่นผมคงไม่ทำแน่ๆ ผมเชื่อในการกระทำและกรรมยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพียงแต่ ตอนนี้ความไม่แน่ใจของผมคืบคลานและครอบงำอย่างช้าๆแล้วครับ
ผมเองก็ไม่รู้จะทำไง เลยรอวันเพียงเป็น NEXT EPISODE หรือ BAD ENDING เหมือนที่เคยเจอมา

ดูผมเป็นคนจมกับอดีตมั้ย? แรกๆ ใช่ครับ แต่ตอนนี้ยอมรับ ไม่เคยคิดเลยและไม่เคยนึกถึงแฟนเก่าคนนั้นซักนิด แต่สิ่งที่ผมกลัว หวาดระแวง เอามากๆ คือ สิ่งที่เป็นคำตอบแบบเดิมๆ ครับมันดูทรมาน ถ้าถามว่ายังรักเธอมั้ย ผมก็รักนะ แต่ก็อยากแก้เผ็ดบ้างแต่ก็ไม่กล้า ถ้าจะพูดเรื่องนี้ให้เค้าฟังผมว่าคงไม่มีประโยชน์ เพราะก่อนหน้านี้ผมก็ค่อนข้างดูแลเอาใจใส่ดีนะ แต่ตอนนี้บอกตรงๆว่าเหนื่อยจริงๆ เคยคิดว่าถ้าเค้ากลับมาติดต่อตอนนี้เราคงไม่อยากรับสายอะไรมากมายนัก เคยลองถามใจตัวเองดูและคุยกับตัวเองเยอะๆ ว่ารักเค้าไปทำไม? แต่ก็คงได้บทสรุปเหมือนเดิมครับ ว่า คำตอบจากการเลือก ก็คงอยู่ที่เค้าอย่างเดียว ถ้าเป็นแบบเดิม ผมก็ยอมรับในข้อนั้น โดยที่ไม่มีต่อล้อต่อเถียงอะไรมากมาย เพียงเหตุผลๆ เดียวคือ"เหนื่อยครับ"

คิดเห็นอย่างไรครับ ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่