
หนังวัยรุ่นสับสนเรื่องดังจากนอร์เวย์ กับเรื่องราวของ อัลม่า เด็กสาววัย 16 ที่อาศัยอยู่กับแม่ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีแต่ความเงียบเชียบ ว่างเปล่า สุดแสนธรรมดาสามัญ และด้วยความที่กำลังอยู่ในวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน เวลาในแต่ละวันของเธอจึงหมดไปกับการใช้บริการเซ็กส์โฟน (และการช่วยตัวเอง) ไม่เว้นแม้แต่ยามค่ำคืน ระหว่างหลับไหล อัลม่า ยังแอบฝันว่า อาเธอร์ หนุ่มสุดฮ็อตประจำโรงเรียนได้ปืนเข้าในบ้าน แล้วเมคเลิฟกับเธอด้วยความอ่อนละมุนแสนโรแมนติก
แต่เรื่องไม่เป็นเรื่องก็เกิดขึ้น เมื่อวันหนึ่ง อัลม่า ได้มาเจอกับ อาเธอร์ ในงานปาร์ตี้ หลังจากที่ส่งสายตาไปมากันอยู่พักหนึ่ง ทั้งคู่ก็ออกไปยืนพูดคุยกันตามลำพัง ผ่านไปเพียงชั่วเสี้ยววินาที ไอ้หนุ่มสุดฮ็อตอย่าง อาเธอร์ ก็ออกลายด้วยการรูดซิบกางเกงลงแล้วควัก "อาเธอร์น้อย" ออกมาทิ่มที่ต้นขาของอัลม่า ก่อนจะหันหน้าจากไป โดยที่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมาซักคำ
สร้างความงุนงง และตกตะลึงให้กับ อัลม่า (และคนดูด้วย) เป็นอย่างมาก ซึ่งเธอได้พยายามเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทและคนอื่นๆ ฟัง แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครเชื่อเธอเลย เพราะอาเธอร์ เป็นหนุ่มฮ็อตหน้าตาดี ความประพฤติดีที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ และเจ้าตัวเองก็แสดงท่าทีว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรกับเรื่องนี้ด้วย

เหตุการณ์ "อาเธอร์น้อยทิ่มขา" นี้ กลายเป็นประเด็นร้อนเหมือนไฟลามทุ่ง แพร่สะพัดออกไปสู่เด็กทั่วโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้น ไม่มีใครเชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริง ทำให้ อัลม่า ถูกมองเป็น "เด็กแร่ด" ที่ใครๆ ต่างพากันรังเกียจ ไม่อยากคบด้วย และถูกล้อเลียนให้อับอาย ยิ่งไปกว่านั้น ใบเสร็จเรียกเก็บเงินค่าบริการเซ็กส์โฟนที่เธอแอบใช้เป็นประจำ ก็ดูเหมือนจะถูกส่งมาถึงมือของแม่ที่บ้านพอดิบพอดี
เรื่องราวอันแสบสันต์ชวนหัวที่ควรจะเป็นหนังตลกสัปดนเกรดต่ำนี้ กลับดูดีมีราคาขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ จากฝีมือการทำหนังของผู้กำกับหญิงสัญชาตินอร์วีเจี้ยนอย่าง เจนิคส์ ซิสเตด เจคอปเซ่น เพราะเธอเลือกที่จะถ่ายทอดปัญหาวุ่นๆ ของวัยฮอร์โมนเดือด ออกมาในท่าทีของหนังดราม่าผสมคอมมิดี้นิ่มๆ กึ่งเหงากึ่งฟีลกู้ด ซึ่งมาพร้อมกับดนตรีอินดี้ป็อปสุดไพเราะเพราะพริ้ง และลีลาการเดินเรื่องที่มีชั้นเชิง

หนังจงใจสับขาหลอกคนดูด้วยการใส่ฉากจินตนาการน่ารักๆ เกี่ยวกับเซ็กส์ อันเกิดจากความหมกมุ่นของ อัลม่า เข้ามาเป็นระยะๆ เพื่อสร้างเงื่อนปมการเล่าเรื่องให้ชวนติดตาม เพราะยิ่งดูไป ดูไป ผู้ชมเองก็เริ่มไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็นด้วยเช่นกันว่าตกลงแล้ว เหตุการณ์ "อาเธอร์น้อยทิ่มขา" ตอนต้นเรื่องนั้นมันยังไงกันแน่ มันเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า? หรือว่าที่สุดแล้ว อัลม่า แค่เพ้อไปเอง
ก่อนที่จะคลี่คลายเรื่องทั้งหมดลงแบบง่ายๆ เบาๆ โดยชูประเด็นเกี่ยวกับ "ความต้องการทางเพศ" ที่ถือเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่เป็นสิ่งผิดปกติ หรือสิ่งเลวร้ายที่ควรหยิบมาประณาม แต่เป็นเรื่องที่ควรยอมรับ และจัดการให้ถูกที่ถูกทาง
คะแนน : สามดาว
ชอบอ่านรีวิวหนัง สั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความ ฝากแวะไปกด like แฟนเพจด้วยนี้จ้า
http://www.facebook.com/pages/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87/112834835539518
Turn Me On, Dammit! หนังอินดี้ที่ดูแล้ว ขอตั้งชื่อเรื่องว่า "โปรดส่งใครมา "ฟีจเจอริ่ง" ชั้นที!"
หนังวัยรุ่นสับสนเรื่องดังจากนอร์เวย์ กับเรื่องราวของ อัลม่า เด็กสาววัย 16 ที่อาศัยอยู่กับแม่ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีแต่ความเงียบเชียบ ว่างเปล่า สุดแสนธรรมดาสามัญ และด้วยความที่กำลังอยู่ในวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน เวลาในแต่ละวันของเธอจึงหมดไปกับการใช้บริการเซ็กส์โฟน (และการช่วยตัวเอง) ไม่เว้นแม้แต่ยามค่ำคืน ระหว่างหลับไหล อัลม่า ยังแอบฝันว่า อาเธอร์ หนุ่มสุดฮ็อตประจำโรงเรียนได้ปืนเข้าในบ้าน แล้วเมคเลิฟกับเธอด้วยความอ่อนละมุนแสนโรแมนติก
แต่เรื่องไม่เป็นเรื่องก็เกิดขึ้น เมื่อวันหนึ่ง อัลม่า ได้มาเจอกับ อาเธอร์ ในงานปาร์ตี้ หลังจากที่ส่งสายตาไปมากันอยู่พักหนึ่ง ทั้งคู่ก็ออกไปยืนพูดคุยกันตามลำพัง ผ่านไปเพียงชั่วเสี้ยววินาที ไอ้หนุ่มสุดฮ็อตอย่าง อาเธอร์ ก็ออกลายด้วยการรูดซิบกางเกงลงแล้วควัก "อาเธอร์น้อย" ออกมาทิ่มที่ต้นขาของอัลม่า ก่อนจะหันหน้าจากไป โดยที่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมาซักคำ
สร้างความงุนงง และตกตะลึงให้กับ อัลม่า (และคนดูด้วย) เป็นอย่างมาก ซึ่งเธอได้พยายามเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทและคนอื่นๆ ฟัง แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครเชื่อเธอเลย เพราะอาเธอร์ เป็นหนุ่มฮ็อตหน้าตาดี ความประพฤติดีที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ และเจ้าตัวเองก็แสดงท่าทีว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรกับเรื่องนี้ด้วย
เหตุการณ์ "อาเธอร์น้อยทิ่มขา" นี้ กลายเป็นประเด็นร้อนเหมือนไฟลามทุ่ง แพร่สะพัดออกไปสู่เด็กทั่วโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้น ไม่มีใครเชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริง ทำให้ อัลม่า ถูกมองเป็น "เด็กแร่ด" ที่ใครๆ ต่างพากันรังเกียจ ไม่อยากคบด้วย และถูกล้อเลียนให้อับอาย ยิ่งไปกว่านั้น ใบเสร็จเรียกเก็บเงินค่าบริการเซ็กส์โฟนที่เธอแอบใช้เป็นประจำ ก็ดูเหมือนจะถูกส่งมาถึงมือของแม่ที่บ้านพอดิบพอดี
เรื่องราวอันแสบสันต์ชวนหัวที่ควรจะเป็นหนังตลกสัปดนเกรดต่ำนี้ กลับดูดีมีราคาขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ จากฝีมือการทำหนังของผู้กำกับหญิงสัญชาตินอร์วีเจี้ยนอย่าง เจนิคส์ ซิสเตด เจคอปเซ่น เพราะเธอเลือกที่จะถ่ายทอดปัญหาวุ่นๆ ของวัยฮอร์โมนเดือด ออกมาในท่าทีของหนังดราม่าผสมคอมมิดี้นิ่มๆ กึ่งเหงากึ่งฟีลกู้ด ซึ่งมาพร้อมกับดนตรีอินดี้ป็อปสุดไพเราะเพราะพริ้ง และลีลาการเดินเรื่องที่มีชั้นเชิง
หนังจงใจสับขาหลอกคนดูด้วยการใส่ฉากจินตนาการน่ารักๆ เกี่ยวกับเซ็กส์ อันเกิดจากความหมกมุ่นของ อัลม่า เข้ามาเป็นระยะๆ เพื่อสร้างเงื่อนปมการเล่าเรื่องให้ชวนติดตาม เพราะยิ่งดูไป ดูไป ผู้ชมเองก็เริ่มไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็นด้วยเช่นกันว่าตกลงแล้ว เหตุการณ์ "อาเธอร์น้อยทิ่มขา" ตอนต้นเรื่องนั้นมันยังไงกันแน่ มันเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า? หรือว่าที่สุดแล้ว อัลม่า แค่เพ้อไปเอง
ก่อนที่จะคลี่คลายเรื่องทั้งหมดลงแบบง่ายๆ เบาๆ โดยชูประเด็นเกี่ยวกับ "ความต้องการทางเพศ" ที่ถือเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่เป็นสิ่งผิดปกติ หรือสิ่งเลวร้ายที่ควรหยิบมาประณาม แต่เป็นเรื่องที่ควรยอมรับ และจัดการให้ถูกที่ถูกทาง
คะแนน : สามดาว
ชอบอ่านรีวิวหนัง สั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความ ฝากแวะไปกด like แฟนเพจด้วยนี้จ้า
http://www.facebook.com/pages/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87/112834835539518