(แผนรักTREU H)แหล่งข่าวเชื่อ!! MY BY CAT ขอเลขหมายจำนวนมากถึง16.25 ล้านเลขหมายเพื่อย้ายลูกค้าTRUEMOVE17ล้านเบอร์มาบริหาร

13 มีนาคม 2556 (แผนรักTREU H)แหล่งข่าวเชื่อ!! MY BY CAT ขอเลขหมายจำนวนมากถึง16.25 ล้านเลขหมายเพื่อย้ายลูกค้าTRUEMOVE 17ล้านเบอร์มาบริหาร (ยุ่งยากก็เปลื่ยนเบอร์ทันที)

ประเด็นหลัก


      
       แหล่งข่าวกล่าวว่าการขอเลขหมายจำนวนมากถึง 16.25 ล้านเลขหมาย ในขณะที่สัญญาทรูมูฟที่มีลูกค้าประมาณ 17 ล้านราย จะสิ้นสุดลงในเดือนก.ย. 2556 นี้ หากคิดง่ายๆ ถ้าใช้กระบวนการย้ายค่ายเบอร์เดิม หรือ นัมเบอร์พอร์ต ที่ตอนนี้ได้ราวๆ 4 พันเลขหมาย ต้องใช้เวลากี่ปีถึงจะหมด ถึงแม้กำลังจะมีความพยายามให้สามารถย้ายเบอร์ได้จำนวนมากกว่านั้น โดยคณะอนุกรรมการนัมเบอร์พอร์ตเสนอให้มีการเพิ่มการโอนย้ายให้ได้เป็นวันละ 3-5 แสนเลขหมาย ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจาก 5 โอเปอเรเตอร์ในตลาดคือทีโอที กสท เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ เพราะต้องมีการลงทุน แต่คาดว่าทีโอทีและกสท อาจไม่เห็นด้วยกับการโอนย้ายครั้งละมากๆ เพราะจะเสียผลประโยชน์จากลูกค้าในระบบสัญญาสัมปทานเดิมและไม่ยอมลงทุน
      
       โดยเฉพาะอดีตสหภาพฯทีโอที บางคน อย่างนายนราพล ปลายเนตร มีความคิดที่จะส่งหนังสือถึงกทค.เพื่อให้ยับยั้งการเร่งให้เอกชนขยายความสามารถในการโอนย้ายลูกค้าจากระบบ2Gไป3G และหากไม่ได้รับความร่วมมือก็จะยื่นฟ้องศาลปกครองเพราะหากเอกชนย้ายลูกค้าออกจากสัมปทานไปอยู่ที่บริษัทใหม่ นั่นหมายถึงส่วนแบ่งรายได้ที่ทีโอทีในฐานะหน่วยงานรัฐเคยได้รับก็จะหมดลงไปอย่างรวดเร็วถือว่าทำให้รัฐเสียหาย
      
       ในขณะที่เอไอเอสที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานทีโอที จะหมดอายุในปี 2558 ด้วยซ้ำแต่ทรูมูฟที่จะหมดสัญญาในเดือนก.ย.2556 นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ เลือกที่จะอำนวยความสะดวกให้เอกชน ทำนองถ้าเปลี่ยนค่ายไม่ทัน เพราะระบบไม่รองรับ ก็ปิดเบอร์เดิม เปิดเบอร์ใหม่ได้เลยทันใจกว่า
      
       อย่างไรก็ตาม นายกิตติศักดิ์ ให้เหตุผลว่าการขอเลขหมายจำนวนมากนั้น เพราะเห็นว่าในช่วง1-2เดือนนี้ ศักยภาพของโครงข่ายจะรองรับเลขหมายได้พร้อมกัน 6 ล้านเลขหมาย หมายถึงสามารถมีเลขหมายไว้หมุนเวียนในการทำตลาดได้ถึง 16 ล้านเลขหมาย จึงยืนยันขอรับการจัดสรรเลขหมายตามที่เคยขอสำนักงานกสทช.ไว้
      
       ส่วนกรณีที่สัญญาระหว่างกสท และทรู ยังอยู่ระหว่างการแก้ไขและตรวจสอบอยู่นั้น ทำไมต้องขอเลขหมายจำนวนมากนั้น ก็เพราะกสทเห็นว่า การที่ทรูยังขายเลขหมายในส่วนของสัญญาที่ทำกับกสทได้ หมายถึงกสทยังได้ประโยชน์จากธุรกิจ ดีกว่าที่ทรูเร่งขายความถี่ 2.1 GHzที่ประมูลได้มาจากกสทช.
      


นอกจากนี้กระบวนการแก้ไขสัญญากับกสท ทั้ง6ประเด็นก็เดินหน้าไปด้วยดี ซึ่งกสทเห็นว่าไม่น่าจะเกิดผลทางลบที่ทำให้ธุรกิจสะดุดหรือติดขัดได้
      
       'สถานการณ์ เมื่อปีที่แล้วกับที่เป็นอยู่ต่างกัน เพราะพัฒนาไปมากแล้ว ทางฝั่งเอกชนก็เข้าใจและยินยอมปฏิบัติให้เป็นไปตามหน่วยงานกำกับต้องการ มากกว่าที่จะมาเจรจาโดยใช้ประเด็นทางกฎหมายนำหน้าอย่างเดียว'
      
       อย่างไรก็ตามคาดว่ากสทช.จะจัดสรรเลขหมายใหม่ให้กสท เพียง 5 ล้านเลขหมายเท่านั้น







ข่าวที่เกี่ยวข้อง

12 เมษายน 2556 CAT เปิดตัวเติมเงินแล้ว!! (โปรนาทีละ0.5บาท)(ใช้ NETไม่อั้น) สกัดไม่ให้เลขหมาย16ล้านเบอร์!! CAT3G 850 (ร่วม MVNO TRUE H)

http://somagawn.blogspot.com/2013/03/12-2556-16-cat3g-850-mvno-true-h.html





สำนักข่าวที่อ้างอิงในประเด็นนี้
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000030755

_________________________________


กสทขอ 16 ล้านเลขหมายนี้เพื่อใคร !?!


เผย 'กิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ' กรรมการผู้จัดการใหญ่กสท โทรคมนาคม เวลาเปลี่ยนใจคนเปลี่ยน ท่าทีเปลี่ยน จากช่วงแรกที่รับตำแหน่งกับสถานการณ์ปัจจุบัน ยกกรณีขอกสทช. 16 ล้านเลขหมาย เป็นบทพิสูจน์
      
       แหล่งข่าวจากบริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่าขณะนี้พนักงานกสท กำลังเฝ้ามองพฤติกรรมของนายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่กสท เนื่องจากท่าทีของนายกิตติศักดิ์นับตั้งแต่วันเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ กับ ปัจจุบันถือว่าเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการบริหารสัญญาการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่ ในทำนองไม่มั่นใจว่าทุกอย่างที่ทำไปเพื่อประโยชน์องค์กรหรือเพื่อประโยชน์ของใครกันแน่
      
       โดยเฉพาะเรื่องการขอเลขหมายใหม่จำนวน 16.25 ล้านเลขหมาย ที่เดิมนายกิตติศักดิ์ ได้ส่งหนังสือถึงกสทช.เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2555 เพื่อเลื่อนการขอเลขหมายออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่าการขอรับการจัดสรรเลขหมายจำนวนดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้ขายในโครงข่ายโทรศัพท์มือถือระบบ HSPA แต่เนื่องด้วยโครงการดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมทั้งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของกสทช. ดังนั้นการขอรับการจัดสรรเลขหมายจำนวนดังกล่าวจะต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ กสทจึงขอเลื่อนการแจ้งยืนยันการขอรับการจัดสรรเลขหมายจำนวนดังกล่าวออกไปก่อน
      
       ต่อมาในวันที่ 16 ม.ค. 2556 นายกิตติศักดิ์ ได้ทำหนังสือถึงกสทช. เพื่อขอรับการจัดสรรเลขหมายจำนวน 16.25 ล้านเลขหมาย แต่ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า กสท เป็นรัฐวิสาหกิจ การใช้งบประมาณลงทุนโครงการโทรศัพท์มือถือระบบ HSPA ต้องดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2550 โดยต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและได้รับอนุมัติงบประมาณตามกระบวนการวิธีปฎิบัติที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณเป็นที่เรียบร้อยก่อนจึงเบิกจ่ายเงินตามโครงการได้
      
       'หมายความว่าอยากได้ 16.25 ล้านเลขหมาย แต่เรื่องค่าธรรมเนียมเลขหมาย หรือ เงินค่าใช้จ่ายอื่นใด กสท ไม่มีปัญญาจ่ายเพราะโครงการยังไม่ผ่านครม.' แหล่งข่าวระบุ
      
       สำนักงาน กสทช.ได้ทำหนังสือตอบกลับกสท เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2556 ขอให้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งบประมาณลงทุนในโครงการโทรศัพท์มือถือระบบ HSPA ที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากครม.ดังกล่าว รวมทั้งจะมีความสัมพันธ์และผลกระทบกับการขอรับการจัดสรรเลขหมายโทรคมนาคมอย่างไร โดยขอให้ชี้แจงภายใน 7 วัน
      
       ต่อมาในวันที่ 26 ก.พ. 2556 กสทได้ส่งหนังสือชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมให้สำนักงานกสทช.ดังนี้ 1.กสทมีหน้าที่ตามสัญญาบริการขายส่งบริการบนโครงข่ายโทรศัพท์มือถือระบบ HSPA ต้องดำเนินการขอรับการจัดสรรเลขหมายโทรคมนาคมให้บริษัท เรียลมูฟ ซึ่งเป็นผู้ขายต่อบริการเพื่อใช้สำหรับให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ โดยเมื่อได้รับมอบเลขหมายโทรคมนาคมไว้สำหรับให้บริการแล้ว บริษัท เรียลมูฟ มีหน้าที่รับภาระค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรคมนาคม รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการขอรับการจัดสรรและใช้งานเลขหมายโทรคมนาคมตามจำนวนที่กสท ส่งมอบให้
      
       2.กสทเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ การใช้งบประมาณลงทุนในโครงการโทรศัพท์มือถือระบบ HSPA ต้องดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2550 โดยต้องผ่านความเห็นชอบจากครม.และได้รับอนุมัติงบประมาณตามกระบวนการวิธีปฎิบัติที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณเป็นที่เรียบร้อยก่อนจึงเบิกจ่ายเงินตามโครงการได้
      
       3.อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยกสท อยู่ระหว่างการนำเสนอขอความเห็นชอบโครงการโทรศัพท์มือถือระบบ HSPA ต่อครม. ส่งผลให้กสทยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับโครงการโทรศัพท์มือถือระบบ HSPA ทุกรายการได้รวมทั้งค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรคมนาคมจนกว่าจะได้รับความเห็นชอบจากครม. ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาอุปสรรคดังกล่าว บริษัท เรียลมูฟ ได้มีหนังสือแจ้งกสทว่ามีความประสงค์จะเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานเลขหมายโทรคมนาคมในโครงการโทรศัพท์มือถือระบบ HSPA ดังกล่าวต่อสำนักงานกสทช. ซึ่งกสท พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อให้กสท สามารถปฎิบัติหน้าที่ตามสัญญาและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ กสท จึงได้มีหนังสือแจ้งบริษัท เรียลมูฟ และได้มีหนังสือแจ้งให้สำนักงานกสทช. รับทราบ
      
       กสท ยังเห็นว่าการที่ กสท อยู่ระหว่างนำเสนอขอความเห็นชอบโครงการโทรศัพท์มือถือระบบ HSPA ต่อครม.นั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการขอรับการจัดสรรเลขหมายโทรคมนาคมมาตรฐานเพิ่มเติม สำหรับโครงข่ายโทรศัพท์มือถือของกสทแต่อย่างใด จึงขอให้สำนักงานกสทช.พิจารณาจัดสรรเลขหมายโทรคมนาคมจำนวนดังกล่าวให้กสทด้วย
      
       'โครงการยังไม่ผ่านการพิจารณาของครม.เลย แต่ทำไมกสทต้องรีบร้อนจนถึงขนาดต้องยืมเงินเอกชนมาจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมาย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซ่อนเร้นหรือปิดบังอะไรอยู่หรือไม่'
      
       ***เวลาเปลี่ยนใจคนเปลี่ยน !?!
      
       แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากหนังสือฉบับวันที่ 29 พ.ค. 2555 ที่นายกิตติศักดิ์ขอชะลอการจัดสรรเลขหมายก่อน เพราะโครงการดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของกสทช. ดังนั้นการขอรับการจัดสรรเลขหมายจำนวนดังกล่าวจะต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ กับหนังสือขอให้จัดสรรเลขหมายวันที่ 16 ม.ค. 2556 จะพบว่าระยะเวลาที่ห่างกันแค่ 6-7 เดือน สถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือแตกต่างกันแต่อย่างใด ยกเว้นเป็นสาเหตุที่เกิดจากตัวบุคคลที่เปลี่ยนไปมากกว่า
      
       เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบสัญญาการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่ระบบ HSPA ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากหลายหน่วยงานค้างคาอยู่ และมีความไม่แน่นอนสูง อาทิ 1.กฤษฎีกากำลังอยู่ระหว่างตีความว่าการทำสัญญาให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่ระบบ HSPAเข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) หรือไม่ ก่อนจะดำเนินการแก้ไขสัญญาต่อไป หลังจากนั้นจะต้องส่งแผนและแนวทางการแก้ไขสัญญาเพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงไอซีทีพิจารณาและนำเสนอครม.ตามลำดับ
      
       2.เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2556เครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (สทช.) ได้ยื่นหนังสือถึงประธานป.ป.ช.กรณีการตรวจสอบสัญญา ระหว่าง กสท กับบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น โดยระบุว่านับตั้งแต่ป.ป.ช.ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณี ดังกล่าว ตามที่องค์กรเครือข่ายต่าง ๆ ได้ยื่นเรื่องขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบสัญญาโดยมีเมธี ครองแก้ว กรรมการป.ป.ช.เป็นประธานคณะอนุกรรมการนั้น
      
       คณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2555 ชี้มูลความผิดนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่กสท และเจ้าหน้าที่รัฐผู้เกี่ยวข้องว่าเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐละเว้นหรือปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในการทำสัญญากับกลุ่มทรูที่ขัดต่อกฎหมาย 3 ฉบับคือ 1. พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ 2. พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 46 และ 3. ระเบียบพัสดุว่าการจัดซื้อจัดจ้าง แต่จนถึงขณะนี้ระยะเวลาผ่านมากว่า 8 เดือนแล้ว (ในขณะนั้นหรือตอนนี้กว่า 10 เดือนแล้ว) กลับไม่มีรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการสรุปผลการ ไต่สวน เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาชี้ขาดแต่อย่างใด
      
       3. กรณีที่รมว.ไอซีทีส่งเรื่องให้ดีเอสไอ ตรวจสอบสัญญาการซื้อขายกิจการระหว่าง กสทกับกลุ่มฮัทช์ ว่าทำไมถึงไม่ถูกดำเนินการตามสัญญาทั้งๆที่มีการเซ็นสัญญาผูกพันกันไปแล้ว จนทำให้เป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มทรูเข้าซื้อกิจการฮัทช์ได้สำเร็จ จนเป็นที่มาของสัญญาการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่ระบบ HSPA โดยระยะเวลาเนิ่นนานกว่า 6-7 เดือนแล้วก็ยังไม่ได้คำตอบเช่นกัน
      
       4.บอร์ดกทค.ให้คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฏหมายเกี่ยวกับการดำเนินการกิจการของ บริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) กรณีการทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่บนความถี่ 850 MHz กับกสท ไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมมาใหม่อีก 4 ประเด็นหลัก และให้เวลาเสนอกลับมาไม่เกินวันที่ 18 มี.ค.นี้ พร้อมความเห็นของเลขาธิการกสทช.ด้วย เนื่องจากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงผลสรุประหว่างทางก่อนที่จะส่งให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) พิจารณา
      
       เพราะจากเดิมที่คณะทำงานสรุปไว้ว่าบีเอฟเคทีผิดมาตรา 11 วรรค 3 พ.ร.บ.ว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่