
วันนี้ (12 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกรณีที่รัฐบาลจะออกพ.ร.ก. กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทว่า
พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า การทำโครงการทั้งหลายไม่จำเป็นต้องกู้เงิน การใช้พ.ร.ก. กู้เงินจะมี 2 ปัญหาใหญ่ คือ 1.ความโปร่งใส ทำให้การตรวจสอบเป็นไปได้ยาก 2.เป็นการซ่อนสถานะหนี้ของประเทศ ที่แท้จริง ซึ่งถ้าทำอย่างนี้ต่อไปจะมีการหลีกเลี่ยงกระบวนการงบประมาณในการใช้จ่าย หากจะใช้เงินก็ออกกฎหมายเงินกู้
แต่ตราบใดที่ไม่ขัดกฎหมาย รัฐบาลมีสิทธิที่จะกู้เงิน แต่อยากให้รับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายในการกำหนดโครงการและการใช้เงินด้วย
"ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์กำลังดูในรายละเอียดจะมีการขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่ง
ผมมองว่าน่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะการใช้จ่ายเงินจะเป็นภาระของประชาชน จึงควรเสนอผ่านระบบงบประมาณ ถ้ารัฐบาลทำอย่างนี้ได้ต่อไป ตัวงบประมาณอาจไม่มีความหมายเลย รัฐบาลอยากทำอะไรก็ไปออกกฎหมายกู้เงินแทน สภาก็ไม่มีกระบวนการงบประมาณที่จะตรวจสอบ สถานะทางการคลังก็ดูยาก เพราะถ้าดูผิวเผินจะเหมือนกับว่าขาดดุลน้อยลง หรือสมดุลแต่มีการไปกู้ข้างนอกอยู่มาก ซึ่งมันจะย้อนกลับเข้ามา แต่ความจริงอยากให้รัฐบาลทบทวนการบริหารว่าสามารถใช้เงินงบประมาณได้ โดยต้องปรับใน 2 เรื่อง คือ ลดโครงการที่ใช้เงินเกินความจำเป็นเช่น โครงการรับจำนำข้าว
และโครงการทุจริตคอร์รัปชั่น " นายอภิสิทธิ์ กล่าว
http://www.dailynews.co.th/politics/190090
แล้วทำไมยุคแมงสาบกู้ได้ ไม่เป็นภาระประชาชน
ตามคาด ปชป.จ่อยื่นตีความกม.กู้เงิน 2.2ล้านล้าน
วันนี้ (12 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกรณีที่รัฐบาลจะออกพ.ร.ก. กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า การทำโครงการทั้งหลายไม่จำเป็นต้องกู้เงิน การใช้พ.ร.ก. กู้เงินจะมี 2 ปัญหาใหญ่ คือ 1.ความโปร่งใส ทำให้การตรวจสอบเป็นไปได้ยาก 2.เป็นการซ่อนสถานะหนี้ของประเทศ ที่แท้จริง ซึ่งถ้าทำอย่างนี้ต่อไปจะมีการหลีกเลี่ยงกระบวนการงบประมาณในการใช้จ่าย หากจะใช้เงินก็ออกกฎหมายเงินกู้ แต่ตราบใดที่ไม่ขัดกฎหมาย รัฐบาลมีสิทธิที่จะกู้เงิน แต่อยากให้รับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายในการกำหนดโครงการและการใช้เงินด้วย
"ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์กำลังดูในรายละเอียดจะมีการขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งผมมองว่าน่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะการใช้จ่ายเงินจะเป็นภาระของประชาชน จึงควรเสนอผ่านระบบงบประมาณ ถ้ารัฐบาลทำอย่างนี้ได้ต่อไป ตัวงบประมาณอาจไม่มีความหมายเลย รัฐบาลอยากทำอะไรก็ไปออกกฎหมายกู้เงินแทน สภาก็ไม่มีกระบวนการงบประมาณที่จะตรวจสอบ สถานะทางการคลังก็ดูยาก เพราะถ้าดูผิวเผินจะเหมือนกับว่าขาดดุลน้อยลง หรือสมดุลแต่มีการไปกู้ข้างนอกอยู่มาก ซึ่งมันจะย้อนกลับเข้ามา แต่ความจริงอยากให้รัฐบาลทบทวนการบริหารว่าสามารถใช้เงินงบประมาณได้ โดยต้องปรับใน 2 เรื่อง คือ ลดโครงการที่ใช้เงินเกินความจำเป็นเช่น โครงการรับจำนำข้าวและโครงการทุจริตคอร์รัปชั่น " นายอภิสิทธิ์ กล่าว
http://www.dailynews.co.th/politics/190090
แล้วทำไมยุคแมงสาบกู้ได้ ไม่เป็นภาระประชาชน