แผนพัฒนา'เมือง'มูลค่า196ล้านล้านบาทของ'จีน'

พอดีเจอบทความน่าสนใจเลยเอามาแชร์กันครับ

แผนพัฒนา'เมือง'มูลค่า196ล้านล้านบาทของ'จีน'
       
       ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติของจีนที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ ได้มีการประกาศแผนการอันใหญ่โตมโหฬารยิ่ง โดยที่จะใช้จ่ายเงินงบประมาณถึง 40 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 196 ล้านล้านบาท) ในช่วง 10 ปีจากนี้ไป เพื่อนำประชาชนจำนวน 400 ล้านคนเข้าไปพำนักอาศัยตามนครขนาดย่อมๆ ของแดนมังกร ถ้าพิจารณาว่ามันเป็นความริเริ่มสร้างสรรค์ในทางเศรษฐกิจ การอพยพผู้คนคราวนี้จะสามารถทำให้จีนกลายเป็นผู้มีคุณูปการรายใหญ่ที่สุดในการสร้างความเจริญเติบโตของโลกได้ภายในระยะเวลาไม่กี่สิบปี แต่หากมองว่ามันเป็นโครงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างที่มีความสลับซับซ้อนมากมายแล้ว ก็คงต้องรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยเพราะความผิดพลาดอาจบังเกิดขึ้นได้อย่างง่ายๆ ในขั้นตอนของรายละเอียดในทางปฏิบัติ
       
       ปักกิ่ง – น้อยคนนักที่จะสงสัยไม่เชื่อว่าความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวหยุดยั้งลงในระยะเวลาไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ผู้คนจำนวนมากต่างเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวเชื่องช้าลงไปอย่างมากจากที่เคยพัฒนาในระดับตัวเลขสองหลักตลอดช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ในการรายงานผลงานรัฐบาลเป็นครั้งสุดท้ายของเขาเมื่อวันเริ่มต้นเปิดการประชุมเต็มคณะของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (รัฐสภาจีน) ในวันอังคารที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา เวิน เจียเป่า ผู้กำลังจะพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเป้าหมายตัวเลขการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีนสำหรับปี 2013 นี้เอาไว้ที่ 7.5% เท่ากับปีก่อนๆ ทว่าความกังวลห่วงใยข้อใหญ่ที่สุดกลับเป็นเรื่องเกี่ยวกับช่วงเวลาแห่งทศวรรษที่ 3 ของศตวรรษนี้ (นั่นคือระหว่างปี 2020 ถึง 2029) เมื่อเวลาที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (gross domestic product หรือ จีดีพี) ของจีน น่าจะไล่กระชั้นและกระทั่งแซงหน้า จีดีพี ของอเมริกาไปได้ พอไปถึงตอนนั้นหลายๆ ฝ่ายเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะหล่นล่งสู่ความชะงักงันในบางรูปแบบ ทำนองเดียวกับที่ญี่ปุ่นเคยประสบภายหลังช่วงทศวรรษ 1980
       
       พวกผู้นำจีนนั้นมีฉันทะความใฝ่ใจที่จะขบคิดในเชิงระยะยาวไกล และดังนั้นจึงกำลังพยายามที่จะแก้ไขคลี่คลายประเด็นปัญหานี้ด้วย เมื่อเวลาที่พวกเขาวางแผนจัดทำโปรแกรมการพัฒนาขนาดมหึมามูลค่า 40 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 196 ล้านล้านบาท หรือ 6.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อการขยายเขตชุมนุมเมือง สำหรับให้เป็นที่พำนักอาศัยของประชาชน 400 ล้านคนในระยะเวลา 10 ปีนับจากนี้ไป
       
       การเคลื่อนย้ายประชากรอย่างใหญ่โตมโหฬารถึงขนาดนี้ เป็นอะไรที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาในแง่มุมของทรัพยากรด้านต่างๆ และจำนวนของผู้คนที่เข้าเกี่ยวข้องมีส่วนร่วม มันเป็นสิ่งที่จักต้องส่งผลทำให้จีนบังเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะในทางเศรษฐกิจ, สังคม, วัฒนธรรม, และก็ในทางการเมืองด้วย และด้วยเหตุฉะนี้มันก็จะต้องมีผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ในโลกอย่างใหญ่โตมโหฬารเช่นกัน ถ้าหากจีนประสบความสำเร็จ การเปลี่ยนแปลงคราวนี้ก็จะเป็นการเปิดทางด่วนฟาสต์แทร็กสำหรับการพัฒนาในระหว่างช่วงทศวรรษ 2020 แต่ถ้าหากแดนมังกรประสบความล้มเหลว ผลสะเทือนสะท้อนซึ่งจะสาดกระเซ็นออกมาจากการดิ้นรนกระยิ้มกระสนของระบบเศรษฐกิจจีน (ที่เวลานั้นน่าจะมีขนาดพอฟัดพอเหวี่ยงกับระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯทีเดียว) ก็ย่อมจะเลื่อนลั่นหนักหน่วงในระดับโลกอย่างใกล้เคียงกันด้วย กระทั่งอาจจุดชนวนให้เกิดวิกฤตทางการเงินและวิกฤตทางเศรษฐกิจในวงกว้างขึ้นมา
       
       แผนการสร้างขยายเขตเมืองอย่างมหึมามโหฬารของจีนนี้ ที่สำคัญแล้วจะรวมศูนย์อยู่ที่การพัฒนาพวกนครขนาดกลางและขนาดเล็กซึ่งมีประชากรไม่ถึงหลัก 2 ล้านคน ขณะที่งบประมาณลงทุนจำนวน 40 ล้านล้านหยวน กำหนดกันเอาไว้ว่าจะได้มาด้วยการออกพันธบัตรปริมาณมากมายมหาศาลในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้านี้ นี่ก็จะเป็นอะไรซึ่งจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเงินของแดนมังกรในระยะยาวอย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับวัตถุประสงค์ในระยะกลางของแผนการดังกล่าวนี้ ก็คือการกระตุ้นการพัฒนาของจีนด้วยวิธีนำเอาผู้คน 400 ล้านคนซึ่งปัจจุบันยังคงพำนักอาศัยอยู่ในเขตชนบทเป็นบางช่วงบางเวลาของปีหรือกระทั่งตลอดทั้งปี ให้ทยอยเคลื่อนย้ายเข้าไปอยู่ตามนครขนาดกลางและขนาดย่อมเหล่านี้
       
       แผนการเคลื่อนย้ายประชาชนจำนวนมหาศาลเข้าไปพำนักในเขตเมืองของจีนนี้ สำหรับพวกประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลายแล้ว ถือเป็นความท้าทายในลักษณะสองทบสองซ้อน ในด้านหนึ่งได้แก่ขนาดขอบเขตอันใหญ่โตมหึมาของโครงการ รวมทั้งเรื่องความสามารถของจีนในการระดมสรรพทรัพยากรทั้งหลายทั้งปวงเพื่อการนี้ ส่วนในอีกด้านหนึ่งได้แก่ช่วงระยะเวลาที่ปักกิ่งวาดหวังคาดการณ์ไว้สำหรับการดำเนินโครงการนี้ ซึ่งจะเป็นวางรากฐานที่สำคัญมากสำหรับการเจริญเติบโตต่อไปในอนาคต ในโลกตะวันตกในปัจจุบันนี้ โปรแกรมที่มีระยะเวลา 10 ปีหรือ 20 ปีกำลังกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจขบคิดจัดทำได้เสียแล้ว และจากการที่แดนมังกรยังคงมีความสามารถที่จะวางแผนการระยะยาวเช่นนี้ได้ จึงดูเหมือนจะทำให้จีนมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ในขณะที่ภูมิทัศน์ทางการเมืองของโลกตะวันตกไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือยุโรปเวลานี้ ต่างอยู่ในสภาพเหมือนติดหล่มจมปลัก และทำได้แต่พวกโปรแกรมระยะสั้นๆ ซึ่งขับดันโดยทัศนะความคาดหวังเกี่ยวกับการเลือกตั้งภายในกรอบเวลาเพียงแค่ 1 หรือ 2 ปีเท่านั้น
       
       โปรแกรมมูลค่า 40 ล้านล้านหยวนนี้ คือการสร้างโอกาสแห่งการเปลี่ยนแปลงแบบปฏิวัติสำหรับการเจริญเติบโตทางอุตสาหกรรมในแดนมังกร ไม่เพียงเท่านั้น มันยังเป็นการสร้างโอกาสแห่งการเปลี่ยนแปลงแบบปฏิวัติสำหรับการพัฒนาภาคการเงินของจีน ซึ่งจวบจนถึงบัดนี้ยังเต็มไปด้วยข้อจำกัดชวนอึดอัดจากระบบการเงินภาคสาธารณะที่เร่อร่าล้าหลัง ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มันเป็นการสร้างโอกาสแห่งการเปลี่ยนแปลงแบบปฏิวัติสำหรับประชาชนจำนวนมหาศาล ทุกวันนี้มีประชากรจีนประมาณ 200 ล้านคนทีเดียวซึ่งมีฐานะเป็น “ผู้อพยพตามฤดูกาล” นั่นคือ เป็นชาวชนบทที่อพยพโยกย้ายเข้ามาทำงานตามนครใหญ่ๆ ในสภาพความเป็นจริงแล้วพวกเขาใช้ชีวิตส่วนมากพำนักอาศัยอยู่ในตัวเมือง ทว่าไม่มีใบอนุญาตให้พำนักอาศัย ซึ่งจะเป็นใบเบิกทางสำหรับให้ลูกๆ ของพวกเขาสามารถเข้าโรงเรียน หรือให้พวกเขาและครอบครัวใช้บริการดูแลรักษาพยาบาลของเมืองใหญ่ได้
       
       มันจึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความริเริ่มสร้างสรรค์ในทางเศรษฐกิจเท่านั้น หากแต่เป็นโครงการแห่งการเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้างอันสลับซับซ้อนในประเทศจีน และกำลังถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปรายถกเถียงกันในช่วงเวลาไม่กี่วันของการประชุมเต็มคณะประจำปีของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติในคราวนี้ ทั้งนี้ผู้ที่เป็น “พ่อทูนหัว” ทางการเมืองของแผนการนี้ คือ หลี่ เค่อเฉียง ผู้ซึ่งในตอนท้ายของการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติในวันที่ 14 มีนาคม เขาจะได้รับการประทับตราแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของจีน เป็นที่คาดหมายกันว่าเขาจะเป็นผู้ชี้นำเศรษฐกิจและการบริหารราชการแห่งชาติของแดนมังกรตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปีต่อจากนี้ไป ทั้งนี้ยกเว้นแต่จะเกิดเรื่องเซอร์ไพรซ์ใหญ่ๆ อย่างไม่คาดฝันขึ้นมาเท่านั้น
       
       อภิมหาแผนการแห่งการพัฒนาเขตเมืองนี้ จะรวมถึงการออกพันธบัตรใหม่ๆ ออกมาขายเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังน่าจะครอบคลุมถึงการปรับโครงสร้างหนี้สินต่างๆ ซึ่งพวกรัฐบาลระดับท้องถิ่นในแดนมังกรก่อขึ้นมานับตั้งแต่ปี 2009 เมื่อตอนที่รัฐบาลส่วนกลางในปักกิ่งเริ่มประกาศใช้แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่มูลค่ารวมประมาณ 4 ล้านล้านหยวน เพื่อปกป้องจีนให้ปลอดภัยรอดพ้นจากวิกฤตภาคการเงินซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นในสหรัฐฯในช่วง 1 ปีก่อนหน้านั้น
       
       สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานั้นก็คือ ภายหลังการริเริ่มของรัฐบาลส่วนกลางแล้ว ก็ถึงคราวของพวกผู้ปกครองระดับมณฑลและระดับเมืองใหญต่างๆ ที่จะผ่อนปรนข้อจำกัดทั้งหลายในการกระตุ้นการปล่อยเงินกู้ก้อนใหม่ๆ ในแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของท้องถิ่นเหล่านี้เอง ทว่าความเคลื่อนไหวเช่นนี้ก็ทำให้มีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจงอกขึ้นมาอีกประมาณ 4 ล้านล้านหยวน ปริมาณหนี้สินเหล่านี้เองที่จนถึงวันนี้ยังคงเป็นตัวถ่วงอยู่ในบัญชีงบประมาณของรัฐบาลท้องถิ่นต่างๆ ขณะเดียวกับที่ส่งผลทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ตามท้องถิ่นต่างๆ ของแดนมังกร เกิดความเฟื่องฟูอย่างชนิดเป็นฟองสบู่ลอยฟ่องขึ้นมามากบ้างน้อยบ้าง
       
       พันธบัตรที่จะออกใหม่ๆ เหล่านี้น่าจะมีการนำออกไปขายในต่างประเทศด้วยอย่างน้อยที่สุดก็บางส่วน ทั้งนี้ในทางเป็นจริงแล้ว รัฐบาลจีนยังกำลังตระเตรียมมาตรการอันมีฤทธิ์รุนแรงต่างๆ จำนวนหนึ่งซึ่งสามารถนำไปสู่การปล่อยอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินหยวนให้เคลื่อนไหวได้อย่างเสรีเพิ่มขึ้นอีกมาก ทางการจีนนั้นในปัจจุบันถือครองสินทรัพย์ต่างประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านหยวนอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการจัดทำบริการทางการเงินต่างๆ ให้แก่ชาวต่างประเทศผู้ต้องการซื้อและถือครองสกุลเงินตราจีน
       
       กระบวนการดังกล่าวนี้ควรที่จะช่วยให้ปักกิ่งสามารถปล่อยอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนให้เคลื่อนไหวได้อย่างเสรีเต็มที่ภายในปี 2015 หรือ 2020 อันเป็นจังหวะเวลาเดียวกับที่แผนการพัฒนาเขตเมืองอย่างมโหฬารนี้ก็ควรที่จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วเช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นแหละ จีดีพีของจีนก็น่าที่จะวิ่งฉิวแซงหน้าจีดีพีของสหรัฐฯไปได้
       
       กระแสแห่งการพัฒนาเขตเมืองอันใหญ่โตมหึมานี้ มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ประชากรจีนซึ่งพำนักอาศัยอยู่ตามตัวชุมชนเขตนคร เพิ่มอัตราส่วนขึ้นสู่ระดับประมาณ 70% ของประชากรแดนมังกรทั้งหมด ถึงตอนนั้นอัตราส่วนเช่นนี้ก็ควรที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศอย่างทรงพลังยิ่ง สภาพการณ์เช่นนี้น่าจะส่งผลสะท้อนกลับมาช่วยแก้ไขคลี่คลายปัญหาเรื่องการได้เปรียบดุลการค้าอย่างมากมายของจีน ตลอดจนสร้างตลาดขนาดยักษ์ให้แก่สินค้านำเข้าจากต่างประเทศอีกด้วย
       
       แผนการพัฒนาเขตเมืองอย่างมโหฬารเช่นนี้ จึงสามารถที่จะกลายเป็นปัจจัยกระตุ้นการเจริญเติบโตโดยองค์รวมในประเทศจีน ตลอดจนยังสามารถที่จะนำพาประเทศนี้ให้กลายเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่หลวงที่สุดต่อการเจริญเติบโตของโลก นั่นคือ กลายเป็นหัวรถจักรทางเศรษฐกิจของพื้นพิภพ ภายในช่วงเวลาสิ้นทศวรรษดังกล่าว
       
       อย่างไรก็ตาม เบื้องลึกลงไปในแผนการอันใหญ่ยิ่งมหึมานี้ ความยากลำบากยิ่งใหญ่ที่สุดเห็นจะอยู่ตรงเรื่องของรายละเอียด รายละเอียดที่จะทำให้มีการใช้จ่ายเงินทองงบประมาณกองเท่าภูเขาเลากานี้ไปอย่างทรงประสิทธิภาพ จนสามารถที่จะสร้างตลาดอันแท้จริงขึ้นมา ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้แดนมังกรท่วมท้นไปด้วยพวกโครงสร้างที่ยากแก่การดูแลรักษา ตลอดจนคราคร่ำไปด้วยพวกโครงสร้างพื้นฐานซึ่งให้ผลประกอบการทางเศรษฐกิจต่ำมากๆ
       
       การบริหารจัดการแผนการนี้อย่างมีประสิทธิภาพ จะก่อให้เกิดพื้นฐานอันดีสำหรับการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ 3 ของคริสต์ศตวรรษนี้ ถึงแม้การเติบโตดังกล่าวบางทีอาจจะไม่ถึงกับทำได้ในระดับตัวเลขสองหลักเหมือนดังในอดีต ทว่าในทางกลับกัน ความผิดพลาดในการบริหารจัดการแผนการ อาจทำให้แดนมังกรอยู่ในอาการตกรางพลิกคว่ำพลิกหงาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่