อ้างอิงจากกระทู้
http://pantip.com/topic/30231135
ผมตอบกระทู้นั้นไม่ได้ เพราะไม่ได้ยืนยันบัตร ปชช และ ไม่สามารถมี OTP ได้เพราะอยู่ไกลบ้าน แต่ยืนยันล้านเปอร์เซนต์ ว่านี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่พล็อตนิยายน้ำเน่าที่ไหน
และขอเลี่ยงบาลี ตั้งเป็นกระทู้คำถามด้วยเหตุผลเรื่องบัตรผ่านอีดเช่นกันครับ
เอาจริงๆนะ ของ จขกท โน้น อาจซาบซึ้งเพราะจบแบบหักมุม จากคนพอมี ขี้เกียจ กลับตัวกลายเป็นคนขยัน ขึ้นมา
แต่ของผมนี่มันพล็อตละครน้ำเน่าชัดๆ ชนิดที่ถ้าเล่าให้ใครๆฟัง เค้าอาจจะว่า นี่มันโม้ชัดๆเลยล่ะ แต่กรุณาเชื่อเถอะครับ ว่านี่มันคือชีวิตจริงของผมเอง
เกิดมาครอบครัวชาวนามีที่ดินเท่ากระแบะมือ ข้าวไม่เคยได้ขายเพราะเก็บเอาไว้กินก็แทบไม่พอ
ยังไม่จบประถม พ่อเสีย ร่มโพธิ์ร่มไทรล้ม แม่เป็นแค่ชาวนาจนๆ ไม่เคยทำอย่างอื่นนอกจากทำนา หาเงินจากทางอื่นไม่เป็น ไม่มีรายได้ใดๆ
จำได้ว่า รายได้ 100 บาทแรกในชีวิต ได้มาจากการรับจ้างตักทรายใส่รถบรรทุก 3 คัน ทำทั้งวัน ดีใจมากรีบเอามาให้แม่ เงินที่หามาได้จากแรงกายเราล้วนๆ
แม่กัดฟันส่งผมเรียนต่อมัธยม เรียนไปแค่ มอสี่ แม่บอกว่า แม่ไม่มีเงินส่งแล้ว เลิกเรียนนะลูก หัวใจสลายเพราะชอบเรียนหนังสือ ผมเรียนดีขนาดเคยเป็นที่ 1 ในจำนวนนักเรียนเป็นพันคน
เลิกเรียน เข้ามาทำงานกรรมกรขุดดินใน กทม ได้วันละ 80 บาท แบบเค้าฝากให้เพราะตอนนั้นอายุยังไม่ถึง 18 ทำงานส่งบ้านทุกเดือน กินข้าวกับปลากระป๋องเกือบทุกมื้อ วันไหนเงินออกคือสวรรค์ เพราะจะได้กินแกงถุง แบบ 1 ถุงกิน 2 คน สุดท้ายโดนคนที่ฝากเงินด้วยโกง เงินไม่ถึงมือแม่ แม่บอกให้กลับบ้าน
กลับมา กทม อีก มาเป็นลูกน้อง ผู้รับเหมางานไฟฟ้า อาศัยว่าเรียน ม.ต้น ม.ปลาย สายอุตสาหกรรม สาขาไฟฟ้า ผมเลยเรียนรู้เร็ว กิน นอน ในแคมป์ก่อสร้างบ้าง ห้องหม้อแปลงบ้าง Lotus, Makro ผมนี่แหละลากสายไฟ มุดท่อแอร์ ปีนนั่งร้าน ทำมาหมดแล้ว
ทำมาหลายปี วันหนึ่งเห็นพวกคนทำงานในออฟฟิศ พวกวิศวะฯ พวกเขียนแบบ ทำงานสบาย เราตากแดดจนดำเป็นเหนี่ยง เลยคิดอยากสบายมั่ง เหมือนชะตาชีวิตเป็นใจ วันหนึ่งเดินเตะหนังสือพิมพ์เก่า ตอนเดินในไซท์งาน หยิบมาดูเล่นๆเห็นรับสมัครเรียนภาคค่ำ ตั้งใจเลยว่าจะไปเรียนที่นี่
ลาออก ไปสมัครเรียนภาคค่ำ เอาเงินเก็บเล็กน้อยที่มี ไปจ่ายค่าเทอม ค่าอุปกรณ์การเรียนจนเกือบหมด สมัครเสร็จออกเดินหางานแถวนั้นเลย กะว่าเอาประมาณเดินไปเรียนได้ ไปเห็นตึกกำลังก่อสร้าง เดินเข้าไปสมัครงาน ช่างไฟฟ้า โชคดีเค้าขาดคนพอดี เลยรับเข้าทำงาน วันละ 200 กว่าๆ จำไม่ได้ละ นึกแล้วต้องขอบคุณเฮียเอี้ยง เถ้าแก่, พี่เที่ยง พี่โต้ง หัวหน้าช่าง,ที่รับเข้าทำงานวันนั้น ทำให้มีวันนี้จริงๆ
ตอนนั้นทำให้ซึ้งจริงๆว่า เรียนไปด้วย ทำงานหาค่าเทอมไปด้วย มันสุดบรรยายจริงๆ ช่วงไหนจ่ายค่าเทอม ยากจนสุดๆ ขนมปังก้อนละ 5 บาท ต้องแบ่งกิน 2 มื้อ เถ้าแก่เห็นไม่กินข้าว ก็ถามเลยรู้ว่า ไม่มีเงิน แกเลยแอบให้เงินบ้างทีละ 100 200 แถมแอบขึ้นค่าแรงให้นิดหน่อย แกบอกว่า จบแล้วลื้อมาทำงานกะอั๊วนะ เดี๋ยวให้ค่าแรงเยอะๆ มาช่วยทำงานเอกสาร แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่เคยกลับไปช่วยงานแกเลย
เรียนจบ ไปขอลาออก เถ้าแก่บอกว่า อยากให้อยู่ช่วยงาน แต่มีคนฝากงานให้แล้ว เลยจำใจปฎิเสธแกไป แกบอกว่าวันไหนอยากกลับมาก็มาได้เลย
ทำงานกับ บ.ยักษ์ใหญ่ในวงการมาหลายปี เติบโตตามลำดับ ปีหลังๆต้องไปประชุมที่นั่นที่นี่ ตึกสูงๆ โรงแรมสวยๆ รีสอร์ทสวยๆที่ในชีวิตไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ไปก็ได้ไป มีอยู่หนนึง ไปประชุมที่ตึกสำนักงานสุดหรูแห่งนึง ห้องประชุมกระจกใสเห็นรถราผู้คนขวักไขว่อยู่ข้างล่าง และมีงานก่อสร้างอยู่ใกล้ๆ มีคนงานเดินไปเดินมาอยู่ข้างล่าง
ก้มมองเท้าตัวเอง รองเท้าหนังมันปลาบ เสื้อผ้าดีๆ แล้วเสไปมองผู้คนที่ถนนข้างล่าง ใจก็คิด เรามาไกลกว่าที่เคยคิดไว้เยอะเหมือนกันนะนี่
ย้ายงานไปทำสายโรงงานได้แป๊บนึง บ.ญี่ปุ่น สอบทั้งหมด 4 รอบ เคี่ยวมากๆ เงินเดือนกระโดดพรวด 2-3 เท่า ทำงานหนักมากกก แต่โชคดีว่าเจอมาหมดทุกรูปแบบแล้ว เลยผ่านไปได้ด้วยดี
ชะตาชีวิตเปลี่ยนอีกครั้ง จับพลัดจับพลู เปลี่ยนงานไปทำสายพลังงาน ก็เหมือนดวงอีกเช่นเคย เข้าไปสัมภาษณ์กับ Manager ฝรั่ง ถูกอกถูกใจ ให้เริ่มงานได้เลย ก่อนออกห้องสัมภาษณ์ จับไม้จับมือเราใหญ่ เราสิคิดในใจ โคตรโชคดีที่เข้ามาทำสายนี้ได้ สุดยอดดวงจริงๆ
V
V
V
ตอนนี้ ยังทำงานสายพลังงานอยู่ บินไปบินมาหลายๆประเทศ เงินเดือนล่าสุดเกือบ 2 แสนบาทไทย เคยมีเสนอมาให้มากกว่านี้ แต่ต้องไปอยู่ไกลกว่านี้และอาจไม่สะดวกสบายเท่านี้ เลยเลือกที่จะไม่ไป
เครดิตทั้งหมด...
-ยกให้แม่ ชาวนาจนๆการศึกษาน้อย แต่สอนให้ขยัน ประหยัด อดทน มุมานะ ทะเยอทะยาน(อันนี้สงสัยเป็นเอง) ผมส่งเงินให้แกตั้งแต่เป็นกรรมกรขุดดิน, ผช ช่างไฟ แม้แต่ตอนเรียน ผมยังแบ่งส่งให้แม่ก่อน เดือนละ 1000, 2000 ไม่เคยขาด ย้ำ ไม่เคยขาด อาจมีบ้างที่รวบ 2 เดือนที ช่วงที่จนสุดๆ บางทีมีแซวว่า ลืมแม่หรือเปล่า เป็นเรื่องที่โจษจันกันทั้งตำบลมาแล้ว ถึงความสม่ำเสมอ ก่อนแกจะสิ้นลม ผมเอาเงินใส่มือให้แกแสนนึง บอกให้เอาไปใช้ตอนเดินทางไกล แกก็พยักหน้ารับ
- คงไม่มีวันนี้ ถ้าไม่มีเฮียเอี้ยง เถ้าแก่รับเหมางานไฟฟ้า ที่รับเข้าทำงาน/เรียนไปด้วย ช่วยเหลืออะไรหลายๆอย่าง แอบให้เงินมั่ง แอบซื้อข้าวให้กินมั่ง ไม่ให้ลูกน้องึนอื่นเห็น กลัวน้อยใจ
- เพื่อนๆที่ทำงาน, ที่เรียน, หัวหน้าเก่า ฯลฯ ทุกคน
สุดท้าย คงยกให้ความพยายาม ไม่ท้อ ทะเยอทะยาน จนทำให้มีวันนี้
สงสัยใช่ไหม ว่ากว่าจะถึงวันนี้ ผมผ่านอะไรมามั่ง
ผมตอบกระทู้นั้นไม่ได้ เพราะไม่ได้ยืนยันบัตร ปชช และ ไม่สามารถมี OTP ได้เพราะอยู่ไกลบ้าน แต่ยืนยันล้านเปอร์เซนต์ ว่านี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่พล็อตนิยายน้ำเน่าที่ไหน
และขอเลี่ยงบาลี ตั้งเป็นกระทู้คำถามด้วยเหตุผลเรื่องบัตรผ่านอีดเช่นกันครับ
เอาจริงๆนะ ของ จขกท โน้น อาจซาบซึ้งเพราะจบแบบหักมุม จากคนพอมี ขี้เกียจ กลับตัวกลายเป็นคนขยัน ขึ้นมา
แต่ของผมนี่มันพล็อตละครน้ำเน่าชัดๆ ชนิดที่ถ้าเล่าให้ใครๆฟัง เค้าอาจจะว่า นี่มันโม้ชัดๆเลยล่ะ แต่กรุณาเชื่อเถอะครับ ว่านี่มันคือชีวิตจริงของผมเอง
เกิดมาครอบครัวชาวนามีที่ดินเท่ากระแบะมือ ข้าวไม่เคยได้ขายเพราะเก็บเอาไว้กินก็แทบไม่พอ
ยังไม่จบประถม พ่อเสีย ร่มโพธิ์ร่มไทรล้ม แม่เป็นแค่ชาวนาจนๆ ไม่เคยทำอย่างอื่นนอกจากทำนา หาเงินจากทางอื่นไม่เป็น ไม่มีรายได้ใดๆ
จำได้ว่า รายได้ 100 บาทแรกในชีวิต ได้มาจากการรับจ้างตักทรายใส่รถบรรทุก 3 คัน ทำทั้งวัน ดีใจมากรีบเอามาให้แม่ เงินที่หามาได้จากแรงกายเราล้วนๆ
แม่กัดฟันส่งผมเรียนต่อมัธยม เรียนไปแค่ มอสี่ แม่บอกว่า แม่ไม่มีเงินส่งแล้ว เลิกเรียนนะลูก หัวใจสลายเพราะชอบเรียนหนังสือ ผมเรียนดีขนาดเคยเป็นที่ 1 ในจำนวนนักเรียนเป็นพันคน
เลิกเรียน เข้ามาทำงานกรรมกรขุดดินใน กทม ได้วันละ 80 บาท แบบเค้าฝากให้เพราะตอนนั้นอายุยังไม่ถึง 18 ทำงานส่งบ้านทุกเดือน กินข้าวกับปลากระป๋องเกือบทุกมื้อ วันไหนเงินออกคือสวรรค์ เพราะจะได้กินแกงถุง แบบ 1 ถุงกิน 2 คน สุดท้ายโดนคนที่ฝากเงินด้วยโกง เงินไม่ถึงมือแม่ แม่บอกให้กลับบ้าน
กลับมา กทม อีก มาเป็นลูกน้อง ผู้รับเหมางานไฟฟ้า อาศัยว่าเรียน ม.ต้น ม.ปลาย สายอุตสาหกรรม สาขาไฟฟ้า ผมเลยเรียนรู้เร็ว กิน นอน ในแคมป์ก่อสร้างบ้าง ห้องหม้อแปลงบ้าง Lotus, Makro ผมนี่แหละลากสายไฟ มุดท่อแอร์ ปีนนั่งร้าน ทำมาหมดแล้ว
ทำมาหลายปี วันหนึ่งเห็นพวกคนทำงานในออฟฟิศ พวกวิศวะฯ พวกเขียนแบบ ทำงานสบาย เราตากแดดจนดำเป็นเหนี่ยง เลยคิดอยากสบายมั่ง เหมือนชะตาชีวิตเป็นใจ วันหนึ่งเดินเตะหนังสือพิมพ์เก่า ตอนเดินในไซท์งาน หยิบมาดูเล่นๆเห็นรับสมัครเรียนภาคค่ำ ตั้งใจเลยว่าจะไปเรียนที่นี่
ลาออก ไปสมัครเรียนภาคค่ำ เอาเงินเก็บเล็กน้อยที่มี ไปจ่ายค่าเทอม ค่าอุปกรณ์การเรียนจนเกือบหมด สมัครเสร็จออกเดินหางานแถวนั้นเลย กะว่าเอาประมาณเดินไปเรียนได้ ไปเห็นตึกกำลังก่อสร้าง เดินเข้าไปสมัครงาน ช่างไฟฟ้า โชคดีเค้าขาดคนพอดี เลยรับเข้าทำงาน วันละ 200 กว่าๆ จำไม่ได้ละ นึกแล้วต้องขอบคุณเฮียเอี้ยง เถ้าแก่, พี่เที่ยง พี่โต้ง หัวหน้าช่าง,ที่รับเข้าทำงานวันนั้น ทำให้มีวันนี้จริงๆ
ตอนนั้นทำให้ซึ้งจริงๆว่า เรียนไปด้วย ทำงานหาค่าเทอมไปด้วย มันสุดบรรยายจริงๆ ช่วงไหนจ่ายค่าเทอม ยากจนสุดๆ ขนมปังก้อนละ 5 บาท ต้องแบ่งกิน 2 มื้อ เถ้าแก่เห็นไม่กินข้าว ก็ถามเลยรู้ว่า ไม่มีเงิน แกเลยแอบให้เงินบ้างทีละ 100 200 แถมแอบขึ้นค่าแรงให้นิดหน่อย แกบอกว่า จบแล้วลื้อมาทำงานกะอั๊วนะ เดี๋ยวให้ค่าแรงเยอะๆ มาช่วยทำงานเอกสาร แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่เคยกลับไปช่วยงานแกเลย
เรียนจบ ไปขอลาออก เถ้าแก่บอกว่า อยากให้อยู่ช่วยงาน แต่มีคนฝากงานให้แล้ว เลยจำใจปฎิเสธแกไป แกบอกว่าวันไหนอยากกลับมาก็มาได้เลย
ทำงานกับ บ.ยักษ์ใหญ่ในวงการมาหลายปี เติบโตตามลำดับ ปีหลังๆต้องไปประชุมที่นั่นที่นี่ ตึกสูงๆ โรงแรมสวยๆ รีสอร์ทสวยๆที่ในชีวิตไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ไปก็ได้ไป มีอยู่หนนึง ไปประชุมที่ตึกสำนักงานสุดหรูแห่งนึง ห้องประชุมกระจกใสเห็นรถราผู้คนขวักไขว่อยู่ข้างล่าง และมีงานก่อสร้างอยู่ใกล้ๆ มีคนงานเดินไปเดินมาอยู่ข้างล่าง
ก้มมองเท้าตัวเอง รองเท้าหนังมันปลาบ เสื้อผ้าดีๆ แล้วเสไปมองผู้คนที่ถนนข้างล่าง ใจก็คิด เรามาไกลกว่าที่เคยคิดไว้เยอะเหมือนกันนะนี่
ย้ายงานไปทำสายโรงงานได้แป๊บนึง บ.ญี่ปุ่น สอบทั้งหมด 4 รอบ เคี่ยวมากๆ เงินเดือนกระโดดพรวด 2-3 เท่า ทำงานหนักมากกก แต่โชคดีว่าเจอมาหมดทุกรูปแบบแล้ว เลยผ่านไปได้ด้วยดี
ชะตาชีวิตเปลี่ยนอีกครั้ง จับพลัดจับพลู เปลี่ยนงานไปทำสายพลังงาน ก็เหมือนดวงอีกเช่นเคย เข้าไปสัมภาษณ์กับ Manager ฝรั่ง ถูกอกถูกใจ ให้เริ่มงานได้เลย ก่อนออกห้องสัมภาษณ์ จับไม้จับมือเราใหญ่ เราสิคิดในใจ โคตรโชคดีที่เข้ามาทำสายนี้ได้ สุดยอดดวงจริงๆ
V
V
V
ตอนนี้ ยังทำงานสายพลังงานอยู่ บินไปบินมาหลายๆประเทศ เงินเดือนล่าสุดเกือบ 2 แสนบาทไทย เคยมีเสนอมาให้มากกว่านี้ แต่ต้องไปอยู่ไกลกว่านี้และอาจไม่สะดวกสบายเท่านี้ เลยเลือกที่จะไม่ไป
เครดิตทั้งหมด...
-ยกให้แม่ ชาวนาจนๆการศึกษาน้อย แต่สอนให้ขยัน ประหยัด อดทน มุมานะ ทะเยอทะยาน(อันนี้สงสัยเป็นเอง) ผมส่งเงินให้แกตั้งแต่เป็นกรรมกรขุดดิน, ผช ช่างไฟ แม้แต่ตอนเรียน ผมยังแบ่งส่งให้แม่ก่อน เดือนละ 1000, 2000 ไม่เคยขาด ย้ำ ไม่เคยขาด อาจมีบ้างที่รวบ 2 เดือนที ช่วงที่จนสุดๆ บางทีมีแซวว่า ลืมแม่หรือเปล่า เป็นเรื่องที่โจษจันกันทั้งตำบลมาแล้ว ถึงความสม่ำเสมอ ก่อนแกจะสิ้นลม ผมเอาเงินใส่มือให้แกแสนนึง บอกให้เอาไปใช้ตอนเดินทางไกล แกก็พยักหน้ารับ
- คงไม่มีวันนี้ ถ้าไม่มีเฮียเอี้ยง เถ้าแก่รับเหมางานไฟฟ้า ที่รับเข้าทำงาน/เรียนไปด้วย ช่วยเหลืออะไรหลายๆอย่าง แอบให้เงินมั่ง แอบซื้อข้าวให้กินมั่ง ไม่ให้ลูกน้องึนอื่นเห็น กลัวน้อยใจ
- เพื่อนๆที่ทำงาน, ที่เรียน, หัวหน้าเก่า ฯลฯ ทุกคน
สุดท้าย คงยกให้ความพยายาม ไม่ท้อ ทะเยอทะยาน จนทำให้มีวันนี้