เล่าถึงมูลนิธิที่มาเรี่ยไรเงินตามบ้าน

กระทู้สนทนา
เกริ่นถึงเรื่องมูลนิธิและการเรี่ยไรเงิน ก็พึงตะหงิดๆ มาว่า จะเป็นบาปกรรมติดตัวหรือเปล่านะ
นี่เพียงความคิดส่วนบุคคลของเรา อาจพาดพิงหรือกระทบใจใคร ก็ขออภัยไว้ก่อน อย่าได้มาตีกันในกระทู้เราเลย

ย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อน มีผู้ชายแปลกหน้ามาเคาะประตู้ห้อง เราก็ไม่กล้าเปิดตอนนั้นอยู่คนเดียว
ตอนกลางวันตึกเงียบคิดว่าคนออกไปทำงานกันหมด เราไม่เปิดก็เคาะอยู่นมนาน
พอเปิดประตูจ๊ะเอ๋! ก็ใส่คำพูดมาเป็นชุดรัวๆ ด้วยความชำนาญ และคงพูดอย่างนี้จนเคยชิน
เราอึ้งไปสักพัก ฟังเขาพูดไม่ทัน มองเห็นว่าใส่ชุดสีน้ำเงินเข้มๆ เหมือนชุดช่างของโรงงานประมาณนั้น
เขาเห็นเราเงียบไป (จริงแล้วกำลังพยายามฟังว่าพี่แกต้องการสื่ออะไร) เขาผู้นั้นก็ควักกระดาษ A4 เคลือบแข็งมาแผ่นนึง
พลิกซ้ายพลิกขวาให้ดูรูปบางอย่าง ทีนี้พอจับความได้ สติเริ่มมา ก็ตายละวา!!
จะคุยกะพี่แกยังไง เราก็กลัวๆ นะ เพราะมองออกไปนอกห้อง (ยืนคุยกันหน้าประตู) เห็นชายหนุ่มทีมงานเดียวกันกะพี่แก
ยืนสูบบุหรี่สบายใจเฉิบ มือถือเอกสารปึกนึง คงเป็นใบเสร็จการรับบริจาคเหมือนหนุ่มที่คุยกับเราถืออยู่
เราก็คิดแล้วหล่ะว่า อาจจะเป็นคนของมูลนิธิจริงๆ ที่มาขอรับบริจาคถึงบ้าน
แต่การวางตัวและคำพูดที่ทำให้คนปฏิเสธไม่ได้ ไม่ให้ก็ทำท่าไม่ไปมันสมควรถูกต้องแก่กาลเทศะแล้วหรือ
ในรูปที่เขายื่นให้ดูก็คือ เขาให้เราตัดสินใจว่าถ้านึกไม่ออกว่าต้องการบริจาคเงินเท่าไร
ตามเงินจำนวนนี้ จะซื้อของได้แบบนี้ บริจาคเท่านี้สามารถทำอย่างนี้ได้

จริงแล้วคือเราไม่ค่อยไว้ใจ อยู่ดีๆ มาเคาะถึงบ้าน (แล้วเขาเอาอะไรมาตัดสินใจ ว่าบ้านนี้จะได้แน่นอน
บ้านนี้สมควรเคาะนะ อยากทราบเหมือนกัน)

เพราะเหมือนได้ยินเสียงคนเอะอะมาก่อนถึงห้องเรา พอได้จากห้องเราเขาก็ไป ซึ่งที่ยิ่งคิดหนักคือ
ตอนนั้นวันนั้นช็อต! มากๆ เจ้าค่ะ เรียกได้ว่าเงิน 100 คือเงินประทังชีวิตที่เหลืออันน้อยนิด เฮ้ออออ!!
ก็ทำหน้าเจื่อนๆ ตอนให้ไป รับสภาพแล้วว่าบุญอะไรคงไม่ได้ เพราะไม่ได้ให้ด้วยความเต็มใจ
แถมเกือบเดือดร้อนตนเองไม่มีข้าวกิน เขาก็ให้ใบเสร็จมีชื่อมูลนิธิมา เราไม่ได้มาหาดูหรอกว่ามีจริงหรือไม่
คิดลบไปว่าหากเจ้าหน้าที่ไม่บริสุทธิ์ใจ มีกลุ่มคนไม่ดีแฝงตัวอยู่ เขาอาจนำเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
เพราะเราเห็นเขาเอาเงินใส่กระเป๋าเสื้อซึ่งมีเยอะมากๆ แทบทะลักออกมา ถ้าเป็นเงินบริจาคจริง
ก็ควรป้องกันใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยมิดชิด เกิดตกหล่นไปหรือคนเห็นเกิดปิ๊งปั๊งขึ้นมาจะโทษใคร

ที่วันนี้มาเขียนประสบการณ์ก็เพราะว่า วันนี้ได้ยินเสียงเขามาเคาะอีกแล้ว แต่เพียงสองห้อง ไม่ได้เคาะห้องเรา
ถึงได้สงสัยว่าเอาอะไรมาตัดสินใจว่าควรเคาะห้องไหน เพราะเราอยู่ตึก ถ้าไม่ได้ล็อคประตูนอกห้อง ก็จะเห็นได้อยู่แล้ว

ส่วนสามี.. เคยเห็นเค้าเข้าไปหาเจ้าหน้าที่เอง แบบเขาไม่รู้เนื้อรู้ตัว พี่แกเห็นผู้ชายเดินอยู่ก็ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิ
ก็ไปขอเขาบริจาคเองไรเอง เขียนชื่อเองเผากระดาษเองด้วยเสร็จสรรพ ให้แน่ใจว่าคนรับได้บุญ
เราก็ถามเขาว่ารู้ได้ไงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ เขาก็บอกโน่นไง มูลนิธิอยู่นั่น ชี้ไปที่ใกล้ๆ สักแห่ง แต่เราไม่เห็นแหล่งตั้งเลย อิอิ

ก็เพียงแต่มาเล่าสู่กันฟังว่า บางทีเราว่าคนที่เปิดประตูให้ท่านเหล่านั้น เขาอาจไม่เต็มใจหรือทำอะไรอยู่
แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อ นี่เป็นส่วนดีของเขาที่มานะบากบั่นหาคนบริจาค เพราะบางที่คนก็ไปถึงแหล่งน้อยจริงๆ หล่ะ อันนี้เข้าใจ
แต่เมื่อเขาปฏิเสธหรือดูอึดอัด ไม่สะดวกประการใดก็แล้วแต่ ท่านก็พึงระลึกถึงใจเขาใจเราด้วยว่า ถ้าท่านต้องทำบุญด้วยความเกรงใจ
หรือให้แบบส่งๆ ไป ไม่มีใครเขาอยากทำหรอก คนทำบุญอยากได้บุญทั้งนั้น

และก็ขอฝากท่านเจ้าหน้าที่ถึงการวางตัว ท่าทาง กาลเทศะ เข้าใจว่าท่านก็เป็นมนุษย์ดังเช่นเราๆ ทั่วไป
แต่บางทีท่าเห็นทำตัวกร่าง พูดจาหยาบคาย หรือสูบบุหรี่ชิวๆ ให้เราเห็นอย่างนี้
ความศรัทธามันดูลดลงไปเยอะเลยค่ะ เพราะคนแปลกหน้ามาบ้าน ใครเขาก็ไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว

สุดท้ายนี้... ก็ขอให้เงินทุกบาททุกสตางค์ ที่จะด้วยคนตั้งใจหรือไม่ตั้งใจทำบุญให้ท่านไป ขอให้ได้ถึงผู้รับที่ลำบากเหล่านั้น
ให้เงินเหล่านั้นได้แบ่งเบาความทุกข์ยากของคนที่ต้องการจริงๆ ด้วยเถิด อย่าได้มีการทุจริตหรือใจธรรมะแตกไปฉกฉวยเงินเหล่านี้
เข้าตัวเองไปเสียก่อน และขอเป็นกำลังใจให้มูลนิธิรวมถึงบุคลากรที่ตั้งใจทำเพื่อคนในสังคมจริงๆ ค่ะ... สาธุ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่