เมื่อเพื่อนบ้าน หาว่า “ทหารไทย..ไร้เหตุผล” โดย ท.รู้ D
เจ้าหน้าที่ผู้กล้าของไทยโชคร้าย เหยียบกับระเบิดขาขาดบาดเจ็บ ๓ นายเมื่อวันที่ ๕ มี.ค.๕๖ ที่ผ่านมา ทำให้กองทัพต้องออกมายืนยันว่ากับระเบิดดังกล่าวเป็นกับระเบิดที่ถูกวางขึ้นมาใหม่ ประสงค์ดักทำร้ายเจ้าหน้าที่ของไทย และเป็นที่คาดการณ์ได้อย่างถูกต้องว่า ทหารเพื่อนบ้านเราต้องออกมาให้ข่าวตอบโต้ทันที
โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ให้ข่าวตอบโต้ว่า “เป็นเรื่องไร้เหตุผล”
ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันว่า เราไร้เหตุผลจริงๆ อย่างที่เพื่อนชาวคะแมพูด จริงหรือไม่
ข้อแรก ... กับระเบิดที่เจ้าหน้าที่ของไทยเหยียบเป็นกับระเบิดชนิด พีเอ็มเอ็น ๒ หรือ PMN๒ หรือมักจะเรียกกันว่า ปิ่นโต ที่มีรูปทรงตามรูป เปลือกนอกเป็นพลาสติกสีเขียว เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๒๕ มม. น้ำหนัก ๕๐๐ กรัม ภายในบรรจุดินระเบิดแบบ TNT ผลิตโดยโซเวียต หรือรัสเซีย เจ้าปิ่นโตนี้จะทำงานเมื่อมีคนเดินไปสะดุดเส้นลวดสีดำ หรือเหยียบเข้าที่ตัวกับระเบิด ระเบิดแบบนี้ผู้เคราะห์ร้ายจะถูกตัดขาทิ้งสูงเหนือหัวเข่า แพทย์ที่รับผู้บาดเจ็บจากระเบิดชนิดนี้ยืนยันว่า อย่างน้อยต้องเสียขา ๑ ข้าง หรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ไทยกำลังเข้าเคลียพื้นที่ดังกล่าวบริเวณช่องคะนา อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และกล่าวด้วยว่า ยังพบอีกมาก ในพื้นที่ดังกล่าว
แล้วมันเป็นกับระเบิดใหม่ตรงไหน? เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปกู้กับระเบิดอธิบายว่า ได้เข้าไปเก็บกู้กับระเบิดเพิ่มเติมเห็นได้ชัดว่า สีของเจ้าปิ่นโตนี้ เปลือกสีเขียวยังอยู่ชัดเจน แถมมีสายสลิงสีดำที่มีไว้เพื่อให้เหยื่อเดินสะดุดแล้วระเบิดจะได้ทำงาน สายสลิงที่ว่านั้นยังใหม่เอี่ยมไม่มีรอยสนิมเกาะเลยแม้แต่นิดเดียว เปลือกกับระเบิดก็ไม่มีรอยลบ หรือเสื่อมสภาพ ถ้าเป็นระเบิดที่วางไว้นานแล้ว ต้องมีการลบของสีที่พ่นไว้บ้างตามกาลเวลา สีใหม่ขนาดนี้เพิ่งมาวางชัดเจน ถ้าคิดภาพไม่ออก ก็คิดถึงรถยนต์สองคัน คันหนึ่งจอดไว้ในบ้านไม่ได้ขับ อีกคันขับไปขับมาทุกวัน ต่อให้เป็นรถแพงๆ ก็ตามเมื่อมาจอดเทียบกัน สีก็ซีดจางไม่เท่ากัน ต่อให้ถามเด็กประถมว่าคันไหนดูใหม่กว่ากัน ก็ตอบถูก นอกเสียจากว่าจะแกล้งไม่รู้หรือหลับตา ทำเป็นไม่รู้ว่าของใหม่ หรือของเก่า...
ข้อที่สอง... พื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ของไทยเหยียบกับระเบิดจนบาดเจ็บนั้น เป็นพื้นที่ๆ ปฏิบัติงานเป็นประจำ มีเหตุผลอะไรที่จะไปวางกับดักไว้ทำร้ายพวกเดียวกัน เหมือนเราขี่จักรยานไปซื้อกับข้าวให้ลูกกินทุกวันๆ อยู่ดีๆ จะเอาตะปูไปโรยถนนเล่นเสียอย่างนั้น หวังให้ลูกขี่จักรยานมาเหยียบตะปูที่ตัวเองโรยไว้ ฟังดูคงเพี้ยนๆ
ข้อที่สาม... ระเบิดชนิดดังกล่าว ทหารไทยไม่มีไว้ใช้ แค่นี้คงตอบคำถามแล้ว
เหตุผลกลใด หรือใคร ที่หวังทำร้ายเจ้าหน้าที่ของไทย คำตอบก็มีในใจกันอยู่แล้ว แต่ไทยก็ใช้วิธีการตามขั้นตอน โดยได้ทำหนังสือประท้วงต่อประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งๆ ที่ผ่านมาได้ประท้วงในหลายๆเรื่อง นับร้อยครั้ง ก็ไม่มีการตอบสนองอะไร ซึ่งประเทศไทยก็พยายามใช้เหตุผลกับเพื่อนบ้านมาตลอด เรียกว่าเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลก แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า เพราะบ้านเราอยู่ติดกัน คงต้องให้โลกแตกไปข้างหนึ่งก่อนอย่างที่ท่าน รัฐมนตรีสุกำพลท่านว่าไว้ แต่พอไทยใช้เหตุผลตามหลักการ เพื่อพยายามบอกว่า เพื่อนเอย ...อย่าทำแบบนี้นะ กลับได้คำตอบว่า ทหารไทย “ไร้เหตุผล”
ทหารนายหนึ่งขอโต้เขมรบ้าง..ทีใครทีมัน
เจ้าหน้าที่ผู้กล้าของไทยโชคร้าย เหยียบกับระเบิดขาขาดบาดเจ็บ ๓ นายเมื่อวันที่ ๕ มี.ค.๕๖ ที่ผ่านมา ทำให้กองทัพต้องออกมายืนยันว่ากับระเบิดดังกล่าวเป็นกับระเบิดที่ถูกวางขึ้นมาใหม่ ประสงค์ดักทำร้ายเจ้าหน้าที่ของไทย และเป็นที่คาดการณ์ได้อย่างถูกต้องว่า ทหารเพื่อนบ้านเราต้องออกมาให้ข่าวตอบโต้ทันที
โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ให้ข่าวตอบโต้ว่า “เป็นเรื่องไร้เหตุผล”
ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันว่า เราไร้เหตุผลจริงๆ อย่างที่เพื่อนชาวคะแมพูด จริงหรือไม่
ข้อแรก ... กับระเบิดที่เจ้าหน้าที่ของไทยเหยียบเป็นกับระเบิดชนิด พีเอ็มเอ็น ๒ หรือ PMN๒ หรือมักจะเรียกกันว่า ปิ่นโต ที่มีรูปทรงตามรูป เปลือกนอกเป็นพลาสติกสีเขียว เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๒๕ มม. น้ำหนัก ๕๐๐ กรัม ภายในบรรจุดินระเบิดแบบ TNT ผลิตโดยโซเวียต หรือรัสเซีย เจ้าปิ่นโตนี้จะทำงานเมื่อมีคนเดินไปสะดุดเส้นลวดสีดำ หรือเหยียบเข้าที่ตัวกับระเบิด ระเบิดแบบนี้ผู้เคราะห์ร้ายจะถูกตัดขาทิ้งสูงเหนือหัวเข่า แพทย์ที่รับผู้บาดเจ็บจากระเบิดชนิดนี้ยืนยันว่า อย่างน้อยต้องเสียขา ๑ ข้าง หรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ไทยกำลังเข้าเคลียพื้นที่ดังกล่าวบริเวณช่องคะนา อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และกล่าวด้วยว่า ยังพบอีกมาก ในพื้นที่ดังกล่าว
แล้วมันเป็นกับระเบิดใหม่ตรงไหน? เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปกู้กับระเบิดอธิบายว่า ได้เข้าไปเก็บกู้กับระเบิดเพิ่มเติมเห็นได้ชัดว่า สีของเจ้าปิ่นโตนี้ เปลือกสีเขียวยังอยู่ชัดเจน แถมมีสายสลิงสีดำที่มีไว้เพื่อให้เหยื่อเดินสะดุดแล้วระเบิดจะได้ทำงาน สายสลิงที่ว่านั้นยังใหม่เอี่ยมไม่มีรอยสนิมเกาะเลยแม้แต่นิดเดียว เปลือกกับระเบิดก็ไม่มีรอยลบ หรือเสื่อมสภาพ ถ้าเป็นระเบิดที่วางไว้นานแล้ว ต้องมีการลบของสีที่พ่นไว้บ้างตามกาลเวลา สีใหม่ขนาดนี้เพิ่งมาวางชัดเจน ถ้าคิดภาพไม่ออก ก็คิดถึงรถยนต์สองคัน คันหนึ่งจอดไว้ในบ้านไม่ได้ขับ อีกคันขับไปขับมาทุกวัน ต่อให้เป็นรถแพงๆ ก็ตามเมื่อมาจอดเทียบกัน สีก็ซีดจางไม่เท่ากัน ต่อให้ถามเด็กประถมว่าคันไหนดูใหม่กว่ากัน ก็ตอบถูก นอกเสียจากว่าจะแกล้งไม่รู้หรือหลับตา ทำเป็นไม่รู้ว่าของใหม่ หรือของเก่า...
ข้อที่สอง... พื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ของไทยเหยียบกับระเบิดจนบาดเจ็บนั้น เป็นพื้นที่ๆ ปฏิบัติงานเป็นประจำ มีเหตุผลอะไรที่จะไปวางกับดักไว้ทำร้ายพวกเดียวกัน เหมือนเราขี่จักรยานไปซื้อกับข้าวให้ลูกกินทุกวันๆ อยู่ดีๆ จะเอาตะปูไปโรยถนนเล่นเสียอย่างนั้น หวังให้ลูกขี่จักรยานมาเหยียบตะปูที่ตัวเองโรยไว้ ฟังดูคงเพี้ยนๆ
ข้อที่สาม... ระเบิดชนิดดังกล่าว ทหารไทยไม่มีไว้ใช้ แค่นี้คงตอบคำถามแล้ว
เหตุผลกลใด หรือใคร ที่หวังทำร้ายเจ้าหน้าที่ของไทย คำตอบก็มีในใจกันอยู่แล้ว แต่ไทยก็ใช้วิธีการตามขั้นตอน โดยได้ทำหนังสือประท้วงต่อประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งๆ ที่ผ่านมาได้ประท้วงในหลายๆเรื่อง นับร้อยครั้ง ก็ไม่มีการตอบสนองอะไร ซึ่งประเทศไทยก็พยายามใช้เหตุผลกับเพื่อนบ้านมาตลอด เรียกว่าเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลก แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า เพราะบ้านเราอยู่ติดกัน คงต้องให้โลกแตกไปข้างหนึ่งก่อนอย่างที่ท่าน รัฐมนตรีสุกำพลท่านว่าไว้ แต่พอไทยใช้เหตุผลตามหลักการ เพื่อพยายามบอกว่า เพื่อนเอย ...อย่าทำแบบนี้นะ กลับได้คำตอบว่า ทหารไทย “ไร้เหตุผล”