เลือกตั้ง กทม. ชัยชนะ ของ คนแพ้ 4 ปีแห่งทุกขลาภ .....วิเคราะห์การเมือง ...มติชนออนไลน์

(ที่มา:มติชนรายวัน 9 มีนาคม 2556)


ไม่มีนิยามใดต่อผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เมื่อวันที่ 3 มีนาคม จะคมชัด
ได้เท่ากับการหยิบยืมชื่อของเรื่องยาวขนาดสั้นเรื่องหนึ่งของ เสนีย์
เสาวพงศ์ อีกแล้ว

"ชัยชนะ" ของ "คนแพ้"

มองในทางตัวเลข ตัวเลขที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้เหนือกว่า
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นชัยชนะ

เป็นชัยชนะทั้งในทางพฤตินัยและนิตินัย

ความเป็นจริงที่จะต้องยอมรับว่า คือ โอกาสของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
คือโอกาสที่จะได้เป็นผู้ว่าฯกทม.อีกครั้ง

เท่ากับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ไม่ได้เป็น

แล้วเหตุใดจึงมองว่าชัยชนะของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นชัยชนะของ
"คนแพ้" แล้วเหตุใดจึงมองว่าความพ่ายแพ้ของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ
เป็นความพ่ายแพ้ของ "ผู้ชนะ"

เพราะว่ามองในขอบเขตทั่วประเทศ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นฝ่ายแพ้

ขณะเดียวกัน เพราะว่ามองในขอบเขตของคะแนน 1,077,899 ที่
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ได้มาถือว่า ชนะ

มองจาก "ปริมาณ" ไปสู่ "คุณภาพ"



กล่าวเฉพาะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ชัยชนะของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
บริพัตร สะท้อนความสามารถของพรรคประชาธิปัตย์ในการป้องกันแชมป์

หากเสมอเป็นเพียงแชมป์ใน กทม.

กล่าวในขอบเขตทั่วประเทศ ผลการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นเมื่อเดือน
มกราคม 2544 ไม่ว่าจะเป็นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ไม่ว่าจะเป็น
เมื่อเดือนธันวาคม 2550 และไม่ว่าจะเป็นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554

พรรคประชาธิปัตย์ล้วนพ่ายแพ้

เป็นความพ่ายแพ้ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง
แต่ยังสามารถกุมชัยชนะได้ใน กทม. ภาคใต้

แต่กล่าวในขอบเขตทั่วประเทศตกอยู่ในสถานะอันเป็นรอง

เป็นความพ่ายแพ้ต่อพรรคไทยรักไทย เป็นความพ่ายแพ้ต่อ
พรรคพลังประชาชน และเป็นความพ่ายแพ้ต่อพรรคเพื่อไทย

ชัยชนะอันได้มาใน กทม. จึงเป็นชัยชนะของ "คนแพ้"

ขณะเดียวกัน หากมองอย่างเห็นพลวัต มองเห็นการเปลี่ยนแปลง
ก็ไม่แน่ว่าพื้นที่ กทม.จะยังเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปอีกหรือไม่

"คะแนน" ของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ คือตัวบ่งชี้



แม้จะดีใจแค่ไหนแต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรมอง 1,077,899 คะแนนอัน
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ได้มาอย่างสถิต

นี่เป็นคะแนนที่พรรคนี้ไม่เคยได้มาในการเลือกตั้ง กทม.

ไม่ว่าจะเป็น นางปวีณา หงสกุล เมื่อปี 2547 ไม่ว่าจะเป็น
นายประภัสร์ จงสงวน เมื่อปี 2551 ไม่ว่าจะเป็น นายยุรนันท์
ภมรมนตรี เมื่อปี 2552

คะแนนพื้นฐานอยู่ระหว่าง 500,000-600,000

แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ
สามารถทำได้ 1,077,899 คะแนน

เพิ่มขึ้น 500,000-600,000

นี่คือเงาสะท้อนของการรุกคืบ ทั้งยังเป็นการรุกคืบในลักษณะ
อันเป็นป้อมค่าย สร้างความแข็งแกร่งเป็นอย่างสูง

เป็นป้อมค่ายที่อาจปิดล้อมและแย่งยึดพื้นที่

ณ ปัจจุบัน พรรคประชาธิปัตย์อาจกำชัย 39 เขต แต่ก็มี
11 เขตที่พรรคเพื่อไทยกำชัยขณะเดียวกัน ภายใน 39
เขตนั้นคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ก็มิได้ทิ้งห่างอย่าง
ขาดลอย ตรงกันข้าม พรรคเพื่อไทยยังตามมาติดๆ

ตามมาติดๆ ในลักษณะหายใจรดต้นคอ

การหวนคืนสู่ตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
จึงมีความแหลมคมเป็นพิเศษ

แหลมคมว่าจะอยู่ในกระแสการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
ระหว่างคำพูดกับการกระทำระหว่างความเพ้อฝันกับความเป็นจริง

เป็น 4 ปี อันมิใช่การเสวยสุข

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1362801714&grpid=01&catid=&subcatid=

เมื่อสื่อสีแดง   พูดถึงความพ่ายแพ้ .... ก็ต้องทำให้ดูดี ....
เพื่อนๆ กองเชียร์ ...หันกลับมามองด้วยหางตา  แล้วบอก
วาทะกรรม ของผู้แพ้ ....  สาวเหลือน้อย ...สวมหัวใจ ปชป.
เข้าไป  ก่อนโพสต์นะคะ

ยิ้มยิ้มยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่